“ไชยชนก” สั่งยกเลิก MOU “ดีอี- Prime Opportunity Fund VCC” พบพิรุธโยงธุรกิจพนันออนไลน์

"ไชยชนก" สั่งยกเลิก MOU "ดีอี- Prime Opportunity Fund VCC" พบพิรุธโยงธุรกิจพนันออนไลน์

“ไชยชนก” สั่งยกเลิก MOU “ดีอี- Prime Opportunity Fund VCC” พบพิรุธโยงธุรกิจพนันออนไลน์

ข่าวที่น่าสนใจ

25 พ.ย. 2568 นายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยถึงความคืบหน้าเหตุเอกสารเส้นทางฟอกเงินดิจิทัลระดับโลกที่โยงไปถึงบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างกระทรวงดีอี และบริษัท Prime Opportunity Fund VCC Singapore โดยได้ยกเลิก MOU ฉบับดังกล่าวแล้ว พร้อมส่งหนังสือเวียนให้ทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้องรับทราบทันที และกำชับว่าหากมีการดำเนินการใดภายใต้ MOU ที่ถูกยกเลิก ให้รีบรายงานกลับโดยเร็วที่สุด

นายไชยชนก กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบความผิดปกติหลายประเด็น โดยการร่าง-ส่ง-ลงนาม MOU เกิดขึ้นภายใน 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 25-27 มี.ค.67 ซึ่งเป็นความรวดเร็วผิดปกติ นอกจากนี้ ยังมีข้อสังเกตจากกระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานอัยการสูงสุด ซึ่งต่างชี้ไปในทิศทางเดียวกันว่า ทรัพย์สินทางปัญญาตาม MOU ถูกกำหนดให้เป็นของเอกชน 100% ไม่ตกเป็นของรัฐบาลไทย จึงเสนอให้แก้ไข แต่ท้ายที่สุดกลับมีการลงนามโดยไม่ปรากฏการเจรจาแก้ไข

ขณะเดียวกัน ยังพบความผิดปกติด้านผู้ลงนาม ฝั่งบริษัท Prime Opportunity Fund VCC Singapore ที่ใช้นาย George Tan ระบุตำแหน่ง Chief Commerce Officer ของบริษัท CAI แทนที่จะเป็นตำแหน่งในบริษัทที่ลงนามจริง นอกจากนี้ ภายใน MOU ยังอ้างถึงโครงการนำร่อง TIDC ซึ่งถูกวางให้เป็น Digital Economy Regulatory Sandbox (DERS) แต่จากการตรวจสอบกลับ ไม่พบกฎหมายหรือหลักเกณฑ์ใดรองรับโครงการดังกล่าวแม้แต่น้อย จนต้องส่งหนังสือให้ทุกหน่วยงานในสังกัดรวบรวมข้อมูลเร่งด่วน

สิ่งที่สร้างความกังวลอย่างยิ่ง คือ การพบว่า เป้าหมายบางข้อของ MOU เกี่ยวข้องกับธุรกิจ Sport trading และ Online gaming ซึ่งมีลักษณะเป็นการพนันออนไลน์ ซึ่งผิดกฎหมายไทยโดยตรง อีกทั้งการทำ Sandbox เช่นนี้ต้องส่งให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องพิจารณา แต่เมื่อตรวจสอบกลับไม่พบว่ามีหน่วยงานใดได้รับร่าง MOU ไม่เว้นแม้แต่ฝ่ายกฎหมายของกระทรวงเอง

 

นายไชยชนก ยังกล่าวถึงประเด็นที่เป็นกระแสในสังคม คือ เรื่องแรงงานไอที 500 คน ที่ถูกตั้งคำถามว่าใช้ MOU ฉบับนี้ในการขอวีซ่าหรือไม่ ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นยังไม่พบข้อมูลยืนยัน แต่ได้มีการส่งหนังสือสอบถามไปยังสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อเร่งตรวจสอบทางลึกเพิ่มเติม

ทั้งนี้ นายไชยชนก ยังลำดับเหตุการณ์ให้เห็นชัดว่า MOU ถูกริเริ่มจากฝ่ายการเมือง โดยเลขานุการรัฐมนตรีเป็นผู้ส่งเอกสารแนบ MOU ไปยังกระทรวงการต่างประเทศเมื่อวันที่ 25 มี.ค.67 ซึ่งเอกสารดังกล่าวตรงกับที่สื่อมวลชนเผยแพร่ ทุกถ้อยคำ ยกเว้นเฉพาะตำแหน่งผู้ลงนามในหน้าสุดท้าย จากนั้นในวันที่ 26 มี.ค.67 หน่วยงานรัฐเริ่มให้ความเห็นก่อนที่จะมีการลงนามสำเร็จในวันที่ 27 มี.ค.67 ซึ่งเป็นเวลาเพียงสามวันนับจากจุดเริ่มต้นทั้งหมด

 

เมื่อกระทรวงดีอีตรวจสอบย้อนหลัง จึงพบว่าแม้จะมีการตั้งคณะทำงานถึง 2 ชุดเพื่อขับเคลื่อนโครงการ แต่ไม่มีการประชุมเกิดขึ้นเลย ขณะที่ ฝั่งบริษัทเอกชนกลับเดินหน้าอ้างความร่วมมือกับกระทรวงอย่างต่อเนื่อง ทั้งการโปรโมทบทบาท TIDC บนเว็บไซต์ การใช้โลโก้กระทรวงดีอี ร่วมกับ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT และการขยายขอบเขตโครงการไปสู่สัญญาซื้อขายอนุพันธ์ ฟอร์เร็กซ์ฟิวเจอร์ ไปจนถึงธุรกรรม OTC และสินทรัพย์ดิจิทัลรูปแบบต่างๆ ซึ่งอาจเข้าข่ายกิจการที่ต้องได้รับการกำกับดูแลตามกฎหมายเฉพาะทาง

นอกจากนี้ พบว่า เดือน ม.ค.-ก.พ.68 บริษัทในกลุ่ม TIDC พยายามขอใบอนุญาตจาก สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) หรือ ETDA และสำนักงานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) เพื่อดำเนินโครงการ World ID แต่ถูกปฏิเสธทั้งหมด ก่อนที่เหตุการณ์การสแกนม่านตา (Iris Scan) จะกลายเป็นปัญหาใหญ่ในเวลาต่อมา ซึ่งรัฐมนตรีดีอี ระบุว่า เป็นผลเชื่อมโยงทางอ้อม กับการที่ MOU ถูกใช้เป็นเอกสารยืนยันความร่วมมือในบางส่วน

“MOU ฉบับนี้เกิดขึ้นจริง และถูกใช้เป็นฐานสำคัญให้กลุ่มบริษัทเอกชนนำไปขับเคลื่อนกิจกรรมต่างๆ ทั้งที่หน่วยงานในกระทรวงส่วนใหญ่ไม่เคยรับรู้ตั้งแต่ต้น ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับประชาชนจากกระบวนการสแกนม่านตานั้นมหาศาล และต้องตรวจสอบว่ามีใครเกี่ยวข้องหรือได้รับประโยชน์จาก MOU ที่ถูกอ้างถึงหรือไม่” นายไชยชนก กล่าว

 

ปัจจุบันกระทรวงดีอีรวบรวมข้อมูล เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ตาม พ.ร.ก.มาตรา 13 และส่งเรื่องต่อให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) สำนักงาน ปปง. รวมถึงหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อไล่ตรวจเส้นทางว่า MOU ฉบับนี้ถูกนำไปใช้อย่างไร และสร้างผลกระทบกับประชาชนรูปแบบใดบ้าง ขณะที่ บางประเด็นยังต้องขอข้อมูลเพิ่มเติมจาก NT ซึ่งมีโลโก้ปรากฏบนเว็บไซต์ของ TIDC ควบคู่กับกระทรวงดีอี

“กระทรวงดีอีจะเร่งคลี่คลายทุกข้อสงสัยและดำเนินการทุกอย่างภายใต้อำนาจหน้าที่ เพื่อให้ประชาชนและประเทศได้รับความเป็นธรรม ยอมรับว่าเมื่อเห็นเอกสารครั้งแรกตกใจมาก เพราะกระทรวงเองก็ไม่เคยได้รับทราบรายละเอียดมาก่อน กระทั่งพบว่า MOU ดังกล่าวไม่เข้าข่ายต้องเสนอ ครม. จึงไม่เคยถูกเปิดเผยในระดับนโยบาย” นายไชยชนก กล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"รองนายกฯ สุชาติ" สั่งด่วน ฮ.ทส. เร่งช่วยขนย้ายผู้ป่วย รพ.หาดใหญ่ บูรณาการร่วม ทส.-สธ. ช่วยผู้ป่วย-ประชาชนน้ำท่วมหาดใหญ่ ตามข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี
เปิดเวทีสัมมนาสื่อมวลชนสระบุรี ชูการพัฒนาระบบส่งไฟฟ้าหนุนเศรษฐกิจภาคกลาง
ครม.เห็นชอบร่างกฎกระทรวง คืนเงินให้ "ผู้เสียหาย" จากเหตุอาชญากรรมไซเบอร์
เร่งด่วน! "รมว.ธรรมนัส" สั่ง ฮ.บินฝ่าน้ำท่วม รับผู้ป่วยฟอกไต 2 ราย ส่งรพ.ปลอดภัย พร้อมตั้งศูนย์บัญชาการใหญ่กลางหาดใหญ่ ระดมทุกเหล่าทัพ เสริมเจ็ตสกีแรงม้าสูงเข้าช่วย
ตำรวจท่องเที่ยว จับกุมจีนเทาได้ 5 ราย หนีจากเมียวดีมาเชียงราย เตรียมเดินทางเข้าลาว
สวนสัตว์โคราชรับมืออากาศหนาวจัด ดูแลสัตว์ 3 ประเภทเข้มงวด เพิ่มฟาง โคมไฟ น้ำอุ่น พร้อมพาตากแดดคลายหนาว

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​