ถอดรหัส “ปฏิบัติการชิงยุบสภาฯ” 9 สถานการณ์ร้อน ฝ่ายค้าน “เดินเกมผิดจังหวะ” ถึงแพ้ได้เลย

ถอดรหัส "ปฏิบัติการชิงยุบสภาฯ" 9 สถานการณ์ร้อน ฝ่ายค้าน "เดินเกมผิดจังหวะ" ถึงแพ้ได้เลย

วันที่ 21 พฤศจิกายน 2568 นายอัษฎางค์ ยมนาค หรือ “เอ็ดดี้” นักวิชาการอิสระ โพสต์เฟซบุ๊ก หัวข้อ “9 สถานการณ์ที่ฝ่ายค้านกำลัง “เดินเกมผิดจังหวะ” เล่นเกมที่ตนเองคิดว่าชนะแต่สุดท้ายแพ้ทางยุทธศาสตร์” ระบุว่า  9 สถานการณ์ที่ฝ่ายค้านกำลัง “เดินเกมผิดจังหวะ”

“เล่นเกมที่ตนเองคิดว่าชนะแต่สุดท้ายแพ้ทางยุทธศาสตร์”

ฝ่ายค้านเตรียมยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลนายกฯ อนุทิน ชาญวีรกูล ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 ในเร็วๆ นี้ โดยฝ่ายค้านให้เหตุผลว่ารัฐบาลขาดความชอบธรรมและไม่สามารถแก้ปัญหาประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม นายกฯ อนุทินยืนยันว่าหากฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ รัฐบาลจะยุบสภาทันที ไม่รอให้ถึงกำหนดเดิมสิ้นเดือนมกราคม 2569 โดยระบุพร้อมยุบสภาได้ตั้งแต่วันที่ 12 ธันวาคม 2568

นี่คือกรณีการเมืองระดับ “เชิงยุทธศาสตร์” ที่ซ่อนเกมซ้อนเกมอยู่หลายชั้นกว่าที่เห็นบนหน้าข่าว ถ้าสวมหมวกนักรัฐศาสตร์มองภาพนี้ จะเห็น 4 มิติสำคัญ: อำนาจ, กติกา, การคุม narrative และจังหวะทางยุทธศาสตร์เลือกตั้ง

ขอวิเคราะห์ให้เห็นโครงสร้างทางการเมืองทั้งหมดแบบลึกแต่เล่าให้อ่านง่าย

1. ทำไมอนุทิน “ท้า…พร้อมยุบสภา 12 ธ.ค.” ทั้งที่เคยประกาศ 31 ม.ค.?

นี่ไม่ใช่ความหุนหันพลันแล่น แต่เป็นการ ตัดเกมฝ่ายค้าน และ คุมจังหวะเลือกตั้ง ในคราวเดียว

ฝ่ายค้านยื่น ม.151 = อภิปรายไม่ไว้วางใจแบบมีมติ

รัฐบาลเสียงข้างน้อย = แพ้แน่นอน

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

2. ดังนั้นฝ่ายค้านตั้งใจ “บีบ” ให้อนุทินต้องรับการซักฟอกทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าจะล้ม เพราะฉากที่ฝ่ายค้านรุกกลางสภาจะสร้างความเสียหายทางภาพลักษณ์ต่อรัฐบาลสูงมาก

อนุทินจึงกลับเกมด้วยการประกาศว่า:

“ถ้ายื่น ม.151 เมื่อไหร่ ผมยุบสภาเมื่อนั้น”

มันคือการทำลายเวทีที่ฝ่ายค้านต้องการสร้าง

เหมือนนักมวยที่รู้ว่าขึ้นชกแล้วแพ้ เลยถอดนวมทิ้งบนเวทีทันที

จังหวะวันที่ 12 ธ.ค. เป็นสัญลักษณ์ว่า:

ฝ่ายค้านจะใช้สภาเป็นเวทีล้มรัฐบาล?

→ ผมยุบก่อน คุณยิงใส่ผมไม่ได้

รัฐบาลเสียงน้อยจะรอให้ถูกประณามในสภา?

→ ไม่มีวัน

3. นี่คือการยึดพื้นที่นำเกมกลับมาไว้มือรัฐบาลทันที

ฝ่ายค้านอยากวาดภาพว่า:

→ “รัฐบาลกลัวการตรวจสอบ จึงหนียุบสภา”

รัฐบาลอยากวาดภาพว่า:

→ “ฝ่ายค้านทำให้ประเทศเสียโอกาส ผมยุบเพื่อให้ประชาชนตัดสินเอง”

นี่คือ สงครามตีความกฎหมายเพื่อคุมความชอบธรรม ไม่ใช่แค่เรื่องตัวบท

4. ทำไมอนุทินพูดชัดว่า “ต่อให้ตอบดีแค่ไหนก็แพ้”?

นี่คือการกำหนดกรอบการรับรู้ของประชาชนให้เข้าใจว่า:

“การแพ้ในสภา = ไม่ใช่เพราะบริหารล้มเหลว แต่เป็นเพราะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยตามโครงสร้าง”

เพื่ออะไร?

เพื่อป้องกันการตีความว่า แพ้เพราะถูกเปิดโปง

และเปลี่ยนเรื่องเล่าเป็นว่า แพ้เพราะคณิตศาสตร์ทางการเมือง

5. ผลลัพธ์คือ:

• ปิดทางการโจมตีเชิง moral blame

• ลดความเสียหายภาพลักษณ์

• เบี่ยงจากสนาม “เนื้อหาอภิปราย” ไปสู่สนาม “โครงสร้างเสียง”

นี่คือการจัดกรอบให้ผู้ชมเห็นการเมืองผ่านเลนส์ที่รัฐบาลต้องการ

6. ทำไมอนุทิน “พูดยืดยาวเรื่องภูมิรัฐศาสตร์–เรดาร์โลก–SDGs”?

แล้วมันสัมพันธ์กับเกมยุบสภายังไง?

นี่ไม่ใช่การพูดลอยๆ แต่เป็นการวาด “ภาพใหญ่ของผลงานและภารกิจ” ก่อนเข้าฤดูเลือกตั้ง

สัญญาณสำคัญ:

• ใช้ความสัมพันธ์ต่างประเทศเป็น “ใบสมัครนายกฯ สมัยหน้า” เขาพยายาม frame ว่าเขาเป็นผู้นำที่พาประเทศ “กลับเข้าจอเรดาร์โลก”

• เปิดเรื่องเล่า ว่าไทยกำลังอยู่ในจังหวะเปลี่ยนผ่านโลก

→ ต้องการผู้นำที่ทำงานบนเวทีโลกได้

→ ซึ่งเขาเสนอว่า “เขา” คือคนคนนั้น

• ปูฐานความชอบธรรมสำหรับการยุบสภาเร็ว

เพราะสามารถอธิบายว่า “ผมทำงานนอกประเทศจนได้โอกาสใหม่ๆ ให้ประเทศ ถ้าให้มาตามเกมการเมืองในสภา ประเทศเสียประโยชน์”

นี่คือการเอานโยบายต่างประเทศมาสร้างความชอบธรรมทางการเมืองล่วงหน้า

7. เกมลึก: ทำไมอนุทินอยากยุบไวกว่าเดิม?

สามเหตุผลใหญ่

• การยุบก่อน ม.151 จะ “ตัดกรรม” พรรคฝ่ายค้าน

เพราะฝ่ายค้านหวังสร้างความเสียหายจากการซักฟอก

แต่ถ้ายุบก่อน → ฝ่ายค้านเสียเวที รบไม่มีสนาม

• จังหวะ 12 ธ.ค. ทำให้พรรคตัวเองได้ “วิ่งก่อน”

การเลือกตั้งคือเกมจังหวะ ใครเปิดก่อน คนนั้นคุม agenda ช่วงต้น

• รัฐบาลเสียงส่วนน้อยอยู่ยาวคือความเสี่ยง

อยู่ทุกวันมีค่าใช้จ่ายทางการเมืองมากขึ้นเรื่อยๆ

การปิดเกมไว้เร็วที่สุดคือวิธีลดต้นทุน

8. เรื่องนี้บอกเราว่า:

• การเมืองไทยเปลี่ยนจาก “ศึกนโยบาย” เป็น “ศึกจังหวะ”

• สภาถูกใช้เป็นสถานที่สร้าง “เรื่องเล่า”มากกว่าเป็นที่แก้ปัญหา

• นายกฯ เข้าใจว่าความชอบธรรมในยุคนี้ไม่ได้เกิดจากเสียงในสภา แต่เกิดจาก

– ท่าทีในเวทีโลก

– ความรู้สึกว่า “ผู้นำทำงาน”

– ความเร็วในการตัดสินใจ

นั่นคือเหตุผลที่อนุทินย้ำภาพว่าเขาเป็นนายกฯ ที่ “ไทยกลับเข้าเรดาร์โลก” และ “ทุกประเทศอยากคุย”

เพราะนี่คือทุนทางการเมืองที่ฝ่ายค้านสามารถซักฟอกได้ยากที่สุด

9. สรุป

การท้าฝ่ายค้านของอนุทินไม่ใช่ความดื้อ แต่เป็นยุทธศาสตร์ตัดเกม

ยุบเร็ว = แย่งจังหวะ

โยนเกมกลับไปให้ประชาชน = ตัดเวทีซักฟอก

วาดภาพผู้นำบนเวทีโลก = ใบสมัครเลือกตั้ง

ฝ่ายค้านได้เสียงทางคุณธรรม

ฝ่ายรัฐบาลได้จังหวะทางยุทธศาสตร์

นี่คือการเมืองไทยที่กำลังเปลี่ยนจาก “เกมในสภา” ไปเป็น “เกม ความชอบธรรมในสายตาประชาชนทั้งประเทศ”

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

อุตรดิตถ์ แถลงข่าวเตรียมจัดงานประเพณีไหลแพไฟเฉลิมพระเกียรติฯ และเทศกาลกินปลากินไข่จังหวัดอุตรดิตถ์ ประจำปี 2568
ศาลฉะเชิงเทรา พิพากษาจำคุก "สว.ธนกร" 4 ปี คดีลักทรัพย์ผู้เสียชีวิต 1.5 ล้าน อุบัติเหตุรถคว่ำปี 64
PEA จัดกิจกรรม “PEA พบสื่อมวลชน”พื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
"กองทัพอากาศ" ฝึกนักบินขับไล่ ยิงเป้าอากาศอัตโนมัติ เพื่อความพร้อมและความแม่นยำ ต่อเป้าหมาย
มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง มอบรถ Mini Bus สนับสนุนภารกิจมูลนิธิขาเทียม ถวายเป็นพระราชกุศล สมเด็จพระพันปีหลวง
อาชีวะลุยแม่ฮ่องสอน เลขาธิการ กอศ. นำทีมเปิดภารกิจ Fix it ต้านภัยหนาว–ยกระดับทักษะอาชีพ เข้าถึงชุมชน

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​