โพล พบปชช.อยู่ในภาวะ ”จำเป็นต้องใช้” แม้กังวลภัยทางไซเบอร์

ซูเปอร์โพล เผยผลสำรวจเรื่อง ปัจจัยเสี่ยงต่ออันตรายทางไซเบอร์ พบ 94.2% พบการปลุกปั่นในโซเชียลมีเดียสร้างความแตกแยกคนในชาติและสั่นคลอนสถาบันพระมหากษัตริย์ และพบ 75.5% เคยเจอความไม่ปลอดภัยกับข้อมูลส่วนตัว จากการใช้บริการสถาบันการเงิน ทั้งนี้ 48.9% พบปัญหามาก ถึงมากที่สุดว่า หน่วยงานรัฐไม่ค่อยตื่นตัว ไม่บูรณาการเชื่อมโยงด้านความมั่นคงทางไซเบอร์

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เสนอผลสำรวจภาคสนามแบบผสมผสาน เรื่อง ปัจจัยเสี่ยงต่ออันตรายทางไซเบอร์ กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศโดยดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ และการวิจัยเชิงคุณภาพ จำนวน 1,017 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 19 – 22 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา

ที่น่าเป็นห่วงคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 94.2 พบการระดมปลุกปั่นในโลกโซเชียลมีเดียและการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล สร้างความแตกแยกของคนในชาติและสั่นคลอนสถาบันพระมหากษัตริย์ ในขณะที่ร้อยละ 81.7 เคยพบปัญหาข้อมูลการค้าขาย ธุรกรรมทางธุรกิจ ผิดปกติจากการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ออนไลน์

นอกจากนี้ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 76.0 เคยถูกหลอกลวง เกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินจากการใช้เทคโนโลยี ดิจิทัล ระบบออนไลน์ และการใช้โซเชียลมีเดีย เป็นต้น ในขณะที่ร้อยละ 75.5 เคยเจอความไม่ปลอดภัยกับข้อมูลส่วนตัวและอื่น ๆ จากการใช้บริการธนาคารและสถาบันการเงิน เช่น การถูกดูดเงินออกจากบัญชี การโอนเงิน การใช้ออนไลน์แบงค์กิ้ง เป็นต้น และร้อยละ 68.5 เคยถูกบูลลี่ (Bully) ข่มขู่ คุกคาม เกิดความรู้สึกไม่ปลอดภัยจากการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล โซเชียลมีเดียและการใช้ออนไลน์ต่าง ๆ

ที่น่าพิจารณาคือ เกือบครึ่งหรือร้อยละ 48.9 พบปัญหาค่อนข้างมากถึงมากที่สุดว่า หน่วยงานรัฐยังไม่ค่อยตื่นตัว ไม่บูรณาการเชื่อมโยงด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ ในขณะที่ร้อยละ 40.3 พบปัญหาปานกลาง และร้อยละ 10.8 พบปัญหาค่อนข้างน้อยถึงไม่พบปัญหาเลย

เมื่อถามถึงระดับความเสี่ยงต่ออันตรายจากการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ระบบอินเทอร์เน็ต โซเชียลมีเดียและระบบออนไลน์ต่าง ๆ พบว่าร้อยละ 50.5 ระบุเสี่ยงค่อนข้างมากถึงมากที่สุด ในขณะที่ ร้อยละ 36.1 ระบุเสี่ยงปานกลาง และร้อยละ 13.4 ระบุเสี่ยงค่อนข้างน้อยถึงไม่เสี่ยงเลย

ที่น่าเป็นห่วงคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 97.6 กังวลต่ออันตรายจากการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ระบบอินเทอร์เน็ต โซเชียลมีเดีย และระบบออนไลน์ต่าง ๆ ในขณะที่เพียงร้อยละ 2.4 เท่านั้นที่ไม่กังวลเลย

ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวว่า ผลโพลชิ้นนี้ชี้ให้เห็นว่า ประชาชนพบเห็นมากที่สุดคือการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ระบบอินเทอร์เน็ต โซเชียลมีเดีย ทำคนในชาติแตกแยกและสั่นคลอนสถาบันพระมหากษัตริย์ และยังเกิดปัญหาอันตรายต่อการทำธุรกรรมการเงินการธนาคารของประชาชนและระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศอีกด้วย นอกจากนั้น ประชาชนเกิดความรู้สึกไม่ปลอดภัย ถูกบูลลี่ ข่มขู่คุกคามจากการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ระบบอินเทอร์เน็ต และโซเชียลมีเดีย

ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวต่อว่า ยิ่งไปกว่านั้น ประชาชนไม่พบการบูรณาการเชื่อมโยงการทำงานและยังไม่เห็นการตื่นตัวของหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงทางไซเบอร์ในการปกป้องผลประโยชน์ชาติ ความมั่นคงของประเทศและประชาชน จึงสะท้อนออกมาในส่วนที่เป็นความเสี่ยงสูงต่ออันตรายจากการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลระบบอินเทอร์เน็ตและโซเชียลมีเดียระดับประเทศ

โดยประชาชนตกอยู่ในสถานการณ์จำเป็นต้องใช้ ไร้อำนาจในการปฏิเสธการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ทั้งๆ ที่มีความกังวลต่ออันตรายที่จะเกิดขึ้นต่อชีวิตและทรัพย์สินและความไม่มั่นคงของประเทศ ความแตกแยกของคนในชาติที่ถูกกระทำโดยขบวนการในโลกโซเชียลมีเดีย จึงจำเป็นที่ภาครัฐต้องเพิ่มบทบาทของภาคประชาชน (Non-State Power) ใช้ “สังคมคุมสังคม” สร้างความตระหนักรู้และตื่นตัวของประชาชน เสริมระบบลดปัญหาอันตรายทางไซเบอร์ภายในประเทศและระหว่างประเทศ โดยใช้อำนาจแห่งชาติ (National Power) ให้น้ำหนักขับเคลื่อนประเทศสู่ยุคสังคมเศรษฐกิจดิจิทัลได้อย่างมั่นคงและปลอดภัย

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) โดรนพาชม 'ป่าหินยูนนาน' มรดกโลกเก่าแก่ 270 ล้านปี
(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) จีนพบ 'หินจารึก' ยุคราชวงศ์ฉิน ที่ความสูง 4,300 เมตร
ม.วลัยลักษณ์-จับมือประชาคมท่าศาลา สานสัมพันธ์ปี’68 พัฒนาท้องถิ่นยั่งยืน
CAMT จัดกิจกรรมสานสัมพันธ์เครือข่ายความร่วมมือสหกิจศึกษา
สุพรรณบุรีปลัดกระทรวงเกษตรสนับสนุนเครื่องสูบน้ำช่วยเทศบาลเมืองป้องกันน้ำท่วม
อุทยานแห่งชาติเอราวัณ ประกาศงดเล่นน้ำตกชั่วคราว พร้อมเผยภาพปรากฏการณ์ "หัวช้างแตก" ที่หาชมได้ยาก

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​