ชาวบ้านอยุธยาสุดทน ปิดถนนประท้วง น้ำท่วมซ้ำซาก ร้องรัฐเร่งระบายน้ำ

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 7 พฤศจิกายน 2568 กลุ่มชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในหลายอำเภอของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กว่า 300 คน รวมตัวกันบริเวณสี่แยกเสนา ปิดถนนสายอยุธยา–เสนา เพื่อเรียกร้องให้หน่วยงานรัฐเร่งแก้ไขปัญหาน้ำท่วมที่ยืดเยื้อมานานกว่า 3-4 เดือน หลังกรมชลประทานยังคงระบายน้ำในอัตราสูงถึง 2,700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่งผลให้ระดับน้ำในหลายพื้นที่ยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง   ชาวบ้านจากอำเภอเสนา บางบาล และผักไห่ ต่างได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก มีบ้านเรือนกว่า 30,000 ครัวเรือน ถูกน้ำท่วม บางครอบครัวต้องอพยพไปอาศัยริมถนน เนื่องจากน้ำยังไม่ลดลง ขณะที่บางพื้นที่น้ำท่วมสูงกว่า 3–4 เมตร หลายบ้านมีผู้สูงอายุและผู้ป่วยติดเตียงต้องย้ายออกจากพื้นที่    ผู้ชุมนุมระบุว่า การรวมตัวครั้งนี้ไม่มีแกนนำชัดเจน มีการนัดหมายกันผ่านโซเชียลมีเดีย โดยผลัดเปลี่ยนกันขึ้นพูดถึงความเดือดร้อนที่ต้อง “กิน–นอน–ขับถ่ายในน้ำ” มานานกว่า 4 เดือน พร้อมกล่าวขอโทษประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการปิดถนน แต่ยืนยันว่าจำเป็นต้องออกมาเรียกร้อง เนื่องจากไม่สามารถทนต่อสภาพความเป็นอยู่ได้อีกต่อไป

ข่าวที่น่าสนใจ

ต่อมาเวลา 11.00 น. นายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายประพันธ์ ตรีบุบผา รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เดินทางมาพบปะกลุ่มชาวบ้านที่จุดชุมนุม เพื่อรับฟังปัญหาและข้อเสนอ โดยมีการเชิญหน่วยงานกรมชลประทานเข้าร่วมพูดคุย   การเจรจาใช้เวลากว่าหนึ่งชั่วโมง มีการถกเถียงกันบ้างแต่ไม่มีเหตุรุนแรง จนได้ข้อสรุปว่า กรมชลประทานจะเปิดประตูระบายน้ำคลองขนมจีน และประตูระบายน้ำเจ้าเจ็ด เพิ่มขึ้น 80 เซนติเมตร เพื่อผันน้ำออกไปยังพื้นที่รับน้ำด้านนอก และจะเร่งบริหารจัดการน้ำในคลองและพื้นที่โดยรอบให้เหมาะสม พร้อมรับข้อเสนอของชาวบ้าน 3 ข้อเข้าสู่การพิจารณา

จากนั้น รัฐมนตรีฯ และคณะได้เดินเท้าประมาณ 2 กิโลเมตร ไปยัง ประตูระบายน้ำคลองขนมจีน ซึ่งอยู่ห่างจากจุดชุมนุมราว 1 กิโลเมตร เพื่อเปิดประตูระบายน้ำต่อหน้าชาวบ้านที่ร่วมสังเกตการณ์ เมื่อเปิดประตูน้ำแล้ว ระดับน้ำในพื้นที่อำเภอเสนา ผักไห่ และหัวเวียงเริ่มลดลง ชาวบ้านพอใจและทยอยแยกย้ายกลับ

สถานการณ์น้ำท่วมยังวิกฤตทั่วจังหวัด  กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพระนครศรีอยุธยา รายงานว่า ขณะนี้มีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากน้ำล้นตลิ่งรวม 10 อำเภอ 132 ตำบล 902 หมู่บ้าน รวมกว่า 56,700 ครัวเรือน และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 14 ราย โดยพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนัก ได้แก่ อำเภอเสนา บางบาล บางไทร ผักไห่ และพระนครศรีอยุธยา

ก่อนมาสรุปกันจุดชุมชุมอีกครั้ง โดย นายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงแนวทางการช่วยเหลือเพิ่มเติมจาก นายกหนู นายกรัฐมนตรีที่เตรียมเยียวยา จากผู้ประสบอุทกภัยได้เงิน 9,000 บาทไปแล้ว เตรียมสำรวจและตรวจสอบความเสียหายความเดือดร้อนเพิ่มเติม สำหรับผู้ที่อยู่ในน้ำนานเกิน 30 วัน และก็นานเกิน 60 วัน จะเยี่ยวยาเพิ่มอีกเท่าไหร่ อยู่ระหว่างการพิจารณา

สุรัตน์ ชัยกุลเทวินทร ผู้สื่อข่าวTOPNEWS ทั่วไทย ภาคกลาง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"เวียตเจ็ทไทยแลนด์" เทคออฟเที่ยวบินโลว์คาร์บอน "กรุงเทพฯ–ฟูโกว๊ก" ก้าวสู่สายการบินโลว์คอสต์รายแรกของไทยที่ใช้น้ำมัน SAF ตั้งเป้าลดคาร์บอน 1.53 แสนตัน ภายใน 6 ปี
ทสม.-มูลนิธิพาช้างฯ จับมือ "นานาชาตินิสท์" เรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่น "รั้วรังผึ้ง"ฟื้นฟูป่าเสื่อมโทรม
“Siamese Bangtao” มียอดขายแล้วกว่า 70 % สะท้อนความเชื่อมั่นต่อคุณภาพและมาตรฐานระดับพรีเมียม
ทัพเรือภาคที่ 3 – ศรชล.ภาค 3 ช่วย 4 นทท.ต่างชาติ หลังเรือสปีดโบ๊ทเกยโขดหิน
เพจดังแฉ “ทหารเขมร-กลุ่มพระสงฆ์” เร่งสร้างกระเช้าขึ้นเนิน 350 แนวรบตาควาย คาดใช้ขนยุทธปัจจัย
ภูเก็ตจัดสัมมนา “วันผังเมืองโลก 2568” ผลักดันแนวคิด “City in Nature for Climate Change”

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​