
นายจิตตเกษม เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ทางเทศบาลนครนครสวรรค์ ได้เปิดท่อระบายน้ำและนำกระสอบทรายที่เคยอุดปิดออกไปแล้ว เนื่องจากประเมินว่าสถานการณ์น้ำลดลงเข้าสู่ภาวะปกติ แต่ล่าสุด ระดับน้ำในแม่น้ำทุกสายกลับเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ทำให้มีความเสี่ยงที่น้ำจะไหลย้อนเข้าท่วมพื้นที่เศรษฐกิจและชุมชนในเขตเทศบาล เนื่องจากเขื่อนหลักทั้ง 3 เขื่อนทางภาคเหนือ ได้แก่ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ และเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน จะเริ่มระบายน้ำเพิ่มขึ้นและมีประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาว่าจะมีฝนตกหนักในช่วงวันที่ 7-9 พฤศจิกายน 68 นี้

เบื้องต้น ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งบรรจุกระสอบทรายและบล็อกท่อระบายน้ำทุกจุด เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำจากแม่น้ำสายหลักไหลย้อนเข้าสู่ระบบระบายน้ำภายในเมือง พร้อมจัดกำลังเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังและติดตามระดับน้ำอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อเตรียมรับมือหากเกิดสถานการณ์น้ำหลากซ้ำอีกครั้ง

ล่าสุดโครงการชลประทานนครสวรรค์ รายงานสถานการณ์น้ำประจำวันที่ 6 พฤศจิกายน 2568
สถานีวัดน้ำ P17 บรรพตพิสัย(ปิง) ระดับน้ำ +38.03 ม.รทก. มีอัตราน้ำไหลผ่าน 1,476 ลบ.ม./วินาที คิดเป็น 83.86 % ของความจุลำน้ำ น้อยกว่าเมื่อวาน 40 ลบ.ม./วินาที
สถานีวัดน้ำ N67 ชุมแสง(น่าน) ระดับน้ำ +27.35 ม.รทก. มีอัตราน้ำไหลผ่าน 1,232 ลบ.ม./วินาที คิดเป็น 84.97 % ของความจุลำน้ำ มากกว่าเมื่อวาน 9 ลบ.ม./วินาที
สถานีวัดน้ำ C2 เมืองนครสวรรค์(เจ้าพระยา) ระดับน้ำ +24.83 ม.รทก. มีอัตราน้ำไหลผ่าน 2,988 ลบ.ม./วินาที คิดเป็น 81.64 % ของความจุลำน้ำ มากกว่าเมื่อวาน 92 ลบ.ม./วินาที




