จากกรณีผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจาก น.ส.พยุง อายุ 90 ปี หลังคุณยายถูกหลานสาว(ลูกของน้องสาว) และหลานเขย หิ้วปีกไล่ออกจากบ้านอย่างไร้เยื่อใย ทำให้ยายพยุงต้องดั้นด้นกลับไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้านเก่าที่สนิทกันเมื่อ 30 กว่าปีที่แล้วเพราะไม่มีที่ซุกหัวนอน โดยไม่คาดคิดว่าหลานสาวและหลานเขยจะทำร้ายจิตใจคุณยายได้ขนาดนี้
ข่าวที่น่าสนใจ
ความคืบหน้าล่าสุด วันที่ 2 พฤศจิกายน 68 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากป้านี คนที่ดูแลป้าสุและช่วยดูแลยายพยุงด้วยในขณะนี้ว่าระหว่างเช็ดตัวหาข้าวหาปลาให้ยายพยุงทานนั้น ยายพยุงได้บอกกับตนเองว่า ในถุงเสื้อผ้าสัมภาระ ยังมีเงินอีก ทางป้านีจึงรีบแจ้งผู้สื่อข่าวให้เป็นเป็นพยานในการ ตรวจนับเงินจำนวนดังกล่าว ต่อหน้าป้าสุเจ้าของบ้านและเพื่อนบ้านติดกันอีกหลายคน
ซึ่งทุกคนต่างตะลึงเมื่อพบว่าในสมุดเก็บนามบัตรของช่องพลาสติก คุณยายพยุงได้เก็บแบงค์พันใหม่ๆ ไว้ช่องละ 20,000 บาท จำนวน 4 ช่อง รวมเป็นเงิน 80,000 บาท ขณะที่ในกระเป๋าหิ้วใบเล็กๆสีแดง เมื่อเปิดออกมาดูก็พบว่ามีธนบัตรฉบับละพันใหม่เอี่ยม อีก 3 ปึกๆละ 100,000 บาท คุณยายและเพื่อนบ้านรวมทั้งป้าสุ-นี ได้ขอร้องให้ผู้สื่อข่าวเป็นสักขีพยานช่วยนับเงินดังกล่าวให้ โดยคุณยายพยุงได้ขอให้ช่วยนำเงินจำนวนนี้ไปเข้าธนาคารให้ด้วย ทางผู้สื่อข่าวจึงได้นำเงินจำนวนดังกล่าวไปเข้าไว้ที่ธนาคารกรุงไทยเป็นที่เรียบร้อย รวมทั้งสิ้น 380,000 บาทในวันนี้ ซึ่งคุณยายพยุง ได้ขอร้องผู้สื่อข่าวให้ช่วยเป็นสื่อกลางหาบ้านพักคนชราที่ไหนก็ได้ให้ไปอยู่ เพราะไม่อยากรบกวนยายสุเพื่อนสนิทเพราะอาศัยหลับนอนมาหลายวันแล้ว ผู้สื่อข่าวจึงถามว่าถ้าหลานสาวมารับกลับบ้านยายจะกลับไปไหม ยายพยุงตอบทันทีว่าไม่ขอกลับไปที่นั่นอีกแล้วอย่างเด็ดขาดเพราะเขาไล่ตนเองออกมาตนเสียใจมาก
ธวัชชัย กิตติรัตนวิวัฒน์ ผู้สื่อข่าว TOPNEWSทั่วไทย จังหวัดนนทบุรี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
