นนทบุรี ”ซ้อลักษณ์“ แถลงข่าวตรวจสอบ “มูลนิธิเป็นหนึ่ง” ยันไม่เคยอนุญาตให้ลงลายมือชื่อจดทะเบียนมูลนิธิฯแทน

เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2568 ที่สำนักงานนายแม่ปุ๊กกี้ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี น.ส.วิไลลักษณ์ ไชยชาญ หรือซ้อลักษณ์ ,นายภูวกร ศรีเนียน ,นางชฎาภรณ์ พงศ์ทองเมือง หรือนายแม่ปุ๊กกี้ พร้อมด้วย น.ส.บุญยนุช แสงศรี เจ้าของเพจออยศรีและผองเผือก ได้นำเอกสารหลักฐานต่างๆแถลงข่าวความคืบหน้าการตรวจสอบ “มูลนิธิเป็นหนึ่ง” กรณีการปลอมลายมือชื่อจัดตั้งมูลนิธิฯ ,การเปิดรับบริจาค และทุกคดีความที่เคยเป็นข่าว

นายภูวกร ศรีเนียน กล่าวว่า ตามที่เป็นข่าวเมื่อ 24 ตุลาคม ว่าผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี ได้มอบอำนาจให้นิติกรจังหวัดแจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับ น.ส.ชลิดา พะละมาตย์ หรือ “ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง” ประธานมูลนิธิเป็นหนึ่ง ในเรื่องการปลอมลายมือชื่อผู้อื่นยื่นจัดตั้งมูลนิธิฯ ซึ่งวันนี้ทางผู้เสียหาย คือคุณวิไลลักษณ์ หรือซ้อลักษณ์ ,นายแม่ปุ๊กกี้ ที่เป็นผู้ร่วมสนับสนุนก่อตั้งมูลนิธิเป็นหนึ่งในช่วงเริ่มต้น พร้อมด้วยคุณออยศรี จากเพจออยศรีและผองเผือก ที่มายื่นตรวจสอบเรื่องการรับบริจาคของมูลนิธิเป็นหนึ่ง ช่วงที่ผ่านมาสังคมมีการพูดถึงการตรวจสอบมูลนิธิฯ และบุคคลที่อาสามาทำงานเพื่อสังคมหลายราย โดยมูลนิธิเป็นหนึ่งก็เป็นมูลนิธิหนึ่งที่มีคดีความ เมื่อกลางปีที่แล้ว ในช่วงเดือนกรกฎาคม 2567 ส่วนประเด็นที่เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา เป็นกระบวนการยุติธรรมที่ทำมานานแล้ว

ส่วนในการตรวจสอบมูลนิธิเป็นหนึ่งในด้านต่างๆ มีในประเด็นเรื่องการเปิดรับบริจาค ประเด็นนี้ถือเป็นประเด็นสาธารณะ เพราะการระดมเงินบริจาคซึ่งเป็นเงินของประชาชนต้องสามารถตรวจสอบได้ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับประชาชน และสำหรับเรื่องการขายวุฒิการศึกษาตำรวจที่จ.สกลนคร ก็มีคำสั่งฟ้องด้วยและอยู่ระหว่างการสอบพยานเพิ่มเติม ที่ผ่านมาพวกตนได้รับเรื่องร้องเรียนมาเยอะ ทั้งหน่วยงานราชการที่กำลังถูกแทรกแซงการทำงานหรือไม่ และอยากฝากถึงสื่อมวลชนในการให้พื้นที่ใครก็ตามที่ต้องการสร้างผลงาน ควรรอให้สิันสุดกระบวนการตรวจสอบการดำเนินการให้สิ้นสุดก่อนเพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ มีความกังวลในการทำคดีกับผู้มีชื่อเสียงในสังคม

น.ส.วิไลลักษณ์ ไชยชาญ หรือซ้อลักษณ์ กล่าวสั้นๆว่า ตนยืนยันว่าไม่ได้อนุญาตให้ใช้ชื่อในการจดทะเบียน “มูลนิธิเป็นหนึ่ง“ ส่วนรายละเอียดต่างๆ อยู่ระหว่างดำเนินการในชั้นศาล

 

ข่าวที่น่าสนใจ

นางชฎาภรณ์ พงศ์ทองเมือง หรือนายแม่ปุ๊กกี้ กล่าวว่า ในฐานะที่ตนเคยเป็นผู้สนับสนุนเงินทุนของมูลนิธิเป็นหนึ่งในช่วงเริ่มต้น ยืนยันว่าตนเองนั้นไม่ได้อยากมีชื่ออยู่ในรายชื่อของกรรมการมูลนิธิฯ ตนเคยบอกไว้ว่าหากเปิดมูลนิธิฯได้แล้วก็จะขอกลับไปทำธุรกิจของตนเองเหมือนเดิม และไม่อยากข้องเกี่ยวกับเงินบริจาค ยืนยันว่าไม่ได้มีประเด็นทะเลาะหรือขัดแย้งกันมาก่อน ซึ่งจากวันนั้นถึงวันนี้ทางมูลนิธิฯก็ยังไม่เคยชี้แจงเกี่ยวกับเงินบริจาคในมูลนิธิฯและยังนำเงินไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง โดยไม่สามารถตรวจสอบได้ ตนก็จะยังดำเนินการตรวจสอบไปเรื่อยๆ จนกว่าจะสิ้นกระบวนการยุติธรรม

ด้าน น.ส.บุญยนุช แสงศรี เจ้าของเพจออยศรีและผองเผือก กล่าวว่า จากกรณีที่คุณต้นอ้อ เป็นหนึ่ง ไปยื่นจดจัดตั้งมูลนิธิฯ และมีการปลอมลายมือชื่อของคุณลักษณ์จนมีประเด็นข่าวที่ออกมา ถ้าลองตรวจสอบดูจะเห็นว่าภายในมูลนิธิฯ มีคุณต้นอ้อเป็นประธาน ลูกชายเป็นรองประธาน และลูกสะใภ้เป็นเหรัญญิก และยังมีบุคคลอื่นอีก 1 คน ที่นอกเหนือจากนี้ รวมถึงสามีของคุณต้นอ้อ ที่แม้จะไม่ปรากฎว่ามีรายชื่อในการจดทะเบียนมูลนิธิ แต่ก็เป็นคนที่อยู่ในทุกๆกิจกรรมของมูลนิธิเป็นหนึ่งมาโดยตลอด

ในเรื่องของเงินบริจาค แม้จะเปิดเป็นมูลนิธิฯก็ไม่ได้หมายความว่าจะเปิดรับบริจาคอะไรก็ได้ โดยต้องขออนุญาตก่อนอย่างถูกต้อง การโพสต์ขอรับบริจาคทุกอย่าง ไม่ว่าจะน้ำมัน น้ำตาล ตะหลิว และอื่นๆ ที่เห็นในเพจของมูลนิธิฯ ทำให้เกิดข้อสงสัยว่านำเงินที่ได้มาไปใช้ถูกต้องตามวัตถุประสงค์หรือไม่ การจัดการเงินในมูลนิธิดูไม่น่าเชื่อถือ จึงอยากให้ออกมาชี้แจงประชาชนจะได้รับรู้ แต่ทางคุณต้นอ้อกลับบอกว่าไม่สามารถชี้แจงได้ ทุกยอดให้ไปดูที่สรรพากรเอง และยังมีการบล็อกเฟซบุ๊กของประชาชนที่ร่วมบริจาคที่ขอตรวจสอบบัญชีอีกด้วย

 

ที่ผ่านมาคุณต้นอ้อใช้ชีวิตอย่างหรูหรา มีการทำศัลยกรรมและอ้างว่ามีบุคคลที่ชำระเงินเป็นสปอนเซอร์ให้ในราคา 8 แสนบาท แต่ก็ไม่มีใครมาปรากฏตัวว่าเป็นสปอนเซอร์เลย การก่อตั้งมูลนิธิมาตั้งแต่ต้นโดยขาดความซื่อสัตย์สุจริตมันจึงเป็นเหตุให้ต้องร้องเรียนและตรวจสอบ ทุกอย่างมาจากผลการกระทำของทางคุณต้นอ้อเอง ไม่ได้มีใครมากลั่นแกล้ง รวมถึงการที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาโดยเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งทางผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะนายทะเบียนถือเป็นผู้เสียหาย การที่เจ้าหน้าที่รัฐจะดำเนินคดีกับใครต้องมีหลักฐานอย่างชัดเจนตรงไปตรงมาและตรวจสอบได้ถึงจะดำเนินคดีกับทางบุคคลนั้นได้ โดยคุณต้นอ้อออกมาให้ข่าวว่าไม่ได้ปลอมลายเซ็นแต่เป็นการลงลายมือชื่อแทน แต่ในหลักทางกฎหมายการลงลายมือชื่อแทนไม่สามารถทำได้

ตลอดระยะเวลาตั้งแต่มูลนิธิเป็นหนึ่งได้มีการจัดตั้ง เมื่อเดือนเมษายน 2567 จนถึงปัจจุบัน หลังจากที่ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรีได้ยื่นยุบมูลนิธิฯ หรือผลการตรวจสอบในเรื่องของยอดบริจาคสำเร็จ เราจะดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ในข้อหาฉ้อโกงประชาชนและ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์

นอกจากนี้การเปิดโรงทานที่ชายแดนไทย-กัมพูชา และขอรับบริจาค อ้างว่าวันนึงสามารถทำได้ วันละ 10,000 กล่อง คาดว่าจะนำยอดของโรงทานใกล้เคียงมารวมกันมากกว่า เราเชื่อว่ามีการทำอาหารแจกจริง แต่การบริหารจัดการมูลนิธิฯที่มีแต่คนในครอบครัว ลูกสะใภ้เป็นผู้ดูแลบัญชี โดยคุณต้นอ้อ และครอบครัวไม่ปรากฎการประกอบอาชีพอื่นนอกจากการเป็นจิตอาสาที่ก่อตั้งมาโดยไม่สุจริต

ธวัชชัย กิตติรัตนวิวัฒน์ ผู้สื่อข่าว TOPNEWSทั่วไทย จังหวัดนนทบุรี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"คีรี" รับเสียดายโอกาสประเทศ ยันเดินหน้า พัฒนาสนามบินอู่ตะเภา แม้ล่าช้ากว่า 5 ปี หวัง ธ.ค. EEC มีข้อสรุปสิทธิประโยชน์ รัฐบาลเดินหน้าผลักดันโครงการให้เกิดรูปธรรม
"คีรี กาญจนพาสน์" เปิดใจต่อสู้กว่า 4 ปีจนสำเร็จ กทม.ยอมจ่ายหนี้กว่า 3.6 หมื่นล้าน ค่าจ้างเดินรถไฟฟ้า BTS ตามคำพิพากษาศาลปกครอง
ตร.เมืองคอนลุยปราบ “รถซิ่งท่อดัง” จับเยาวชน-ผู้ปกครองโดนคดี
มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ขยายโอกาส สร้างอาชีพ สร้างชีวิตอย่างเท่าเทียมแก่ชาวสงขลา
อธิบดีกรมอุทยานฯ เปิดประชุมจัดทำงบประมาณฯ พ.ศ.2570 ขับเคลื่อนนโยบาย รมว.ทส. "คุ้มครอง ฟื้นฟู ป่าอนุรักษ์ สู่ความยั่งยืน"
“นิพนธ์ บุญญามณี” นำสยาม อินเตอร์เนชั่นแนลฟู้ด ร่วมงาน Pet Fair SEA 2025 โชว์ศักยภาพผู้ประกอบการไทยที่เติบโตด้วยความซื่อสัตย์และยั่งยืน

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​