วันที่ 21 ต.ค. 2568 ที่ห้องประชุมจันพันวา ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายสมาวิษฎ์ สุพรรณไพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารศูนย์ราชการระดับจังหวัด จังหวัดภูเก็ต โดยมี พ.ต.อ.กษิดิน จ่ายกระโทก ผกก.ฝอ.ภ.จว.ภูเก็ต, นายเรวัติ อารีรอบ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต, นายประสิทธิ์ สินเสาวภาคย์ รองนายกเทศมนตรีนครภูเก็ต, นายณรงค์ อ่อนอินทร์ หัวหน้าสำนักงานจังหวัดภูเก็ต, นายวุฒิชัย บำรุงรัตน์ ท้องถิ่นจังหวัดภูเก็ต และนายไอศูรย์ สุธรรมเทวกุล ธนารักษ์พื้นที่ภูเก็ต เข้าร่วมประชุม พร้อมด้วยคณะกรรมการบริหารศูนย์ราชการระดับจังหวัด จังหวัดภูเก็ต
การประชุมครั้งนี้มีวาระสำคัญในการพิจารณาการส่งมอบพื้นที่สวนสาธารณะภายในศูนย์ราชการจังหวัดภูเก็ตคืนให้แก่กรมธนารักษ์ เพื่อเปิดทางให้เทศบาลนครภูเก็ตขอใช้ประโยชน์ในพื้นที่อย่างเป็นทางการ สำหรับบริหารจัดการและดูแลบำรุงรักษาให้พร้อมใช้บริการประชาชนต่อไป โดยจังหวัดภูเก็ตเตรียมส่งคืนที่ราชพัสดุ (ภก. 1555) บางส่วน เนื้อที่ 29 ไร่ 0 งาน 27 ตารางวา พร้อมสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งเดิมใช้เป็นสวนสาธารณะของศูนย์ราชการ โดยพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในความดูแลของสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย ทำให้เทศบาลนครภูเก็ตไม่สามารถจัดสรรงบประมาณเพื่อซ่อมแซมได้ตามระเบียบ ส่งผลให้ทรัพย์สินบางส่วนชำรุดและถูกลักขโมย ทั้งนี้ การส่งคืนพื้นที่ให้กรมธนารักษ์ในครั้งนี้ จะเปิดทางให้เทศบาลนครภูเก็ตสามารถขอใช้พื้นที่และของบประมาณในการปรับปรุงพัฒนาให้เป็นประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนได้อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้พิจารณาเรื่องการส่งคืนที่ราชพัสดุ (ภก. 86) ซึ่งเป็นที่ตั้งของศาลากลางจังหวัดภูเก็ตหลังเก่า เนื้อที่ 13 ไร่ 3 งาน 28 ตารางวา ให้กรมธนารักษ์ เพื่อให้ องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต (อบจ.) สามารถขอใช้พื้นที่และอาคารดังกล่าวอย่างถาวร ภายหลังสิ้นสุดระยะเวลาการอนุญาตใช้เป็นสำนักงานชั่วคราวในปี 2569 โดย อบจ. มีความประสงค์จะใช้พื้นที่นี้จัดตั้ง “ศูนย์บริการประชาชน” เพื่อให้บริการอย่างทั่วถึง พร้อมสามารถวางแผนงบประมาณซ่อมบำรุงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบ และจะส่งเรื่องพร้อมมติที่ประชุมไปยังกระทรวงมหาดไทย เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ในโอกาสนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ต่างร่วมกันหารือ เพื่อกำหนดแนวทางการบริหารจัดการพื้นที่ราชพัสดุให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน ตลอดจนสร้างความมั่นคงด้านโครงสร้างพื้นฐานและพื้นที่บริการสาธารณะของจังหวัดภูเก็ตให้ยั่งยืนในระยะยาว
