ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 17 ต.ค. 2568 ที่ผ่านมา ทางกลุ่ม สมอทอง (SMO)ได้จัดโรดโชว์เสนอขายหุ้นให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก หรือ IPO จำนวน 231.60 ล้านหุ้น โชว์พื้นฐานธุรกิจแข็งแกร่งโดยมีผู้ตอบรับเข้าร่วมจำนวนมาก ณ โรงแรมบรรจงบุรี อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี โดยมีดร.สมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานกรรมการ บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของ บริษัท กลุ่มสมอทอง จำกัด (มหาชน) หรือ SMO เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้นำเสนอข้อมูลกับนักลงทุนหรือโรดโชว์ของ SMO เพื่อเสนอขายหุ้นให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก หรือ IPO จำนวน 231.60 ล้านหุ้น ได้เดินทางไปนำเสนอข้อมูลกับนักลงทุน 11 จังหวัด ประกอบด้วย จ.ชลบุรีเมื่อวันที่ 8 ต.ค., จ.ราชบุรีและ จ.นครปฐมเมื่อวันที่ 9 ต.ค. จ.พิษณุโลกและ จ.นครสวรรค์ วันที่ 10 ต.ค. จ.นครราชสีมา และ จ.ขอนแก่น เมื่อวันที่ 14 ต.ค.จ.เชียงใหม่ วันที่ 15 ต.ค. อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา วันที่ 16 ต.ค. จ.สุราษฎร์ธานี วันที่ 17 ต.ค. และปิดท้ายการนำเสนอข้อมูลกับนักลงทุนที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กรุงเทพมหานคร ในวันที่ 20 ต.ค.2568
นายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร APM กล่าว เสริมว่า SMO เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ รวมถึงผลิตไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและชุมชน สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนของประเทศ สำหรับผลประกอบการปี 2565–2567 SMO มีรายได้รวมกว่า 6 พันล้านบาทต่อปี และกำไรสุทธิเติบโตต่อเนื่อง โดยครึ่งปีแรกของปี 2568 มีกำไรสุทธิ 518.51 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 10.55% สะท้อนความแข็งแกร่งทางการเงิน นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ จาก FSS กล่าวว่า SMO เป็นหนึ่งในผู้ผลิตน้ำมันปาล์มรายใหญ่ของประเทศ มีกำลังการผลิตรวม 240 ตันผลปาล์มสดต่อชั่วโมง และผลิตไฟฟ้าชีวภาพรวม 14.38 เมกะวัตต์ ภายใต้สัญญาขายไฟกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ด้านนายกิตติพงษ์ พวงมาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กลุ่มสมอทอง จำกัด (มหาชน) หรือ SMO เปิดเผยว่า บริษัท มีประสบการณ์ในการทำธุรกิจมายาวนานพร้อมด้วยทีมบริหารและบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถ ส่งผลให้บริษัทมีการพัฒนาทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง สร้างการเติบโตอย่างรวดเร็วและแข็งแกร่ง มีกำลังการผลิตรวม 240 ตันผลปาล์มสดต่อชั่วโมงเป็นหนึ่งในผู้ผลิตน้ำมันปาล์มลำดับต้นๆของประเทศ ซึ่งมีส่วนสำคัญในการช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มของประเทศไทย เป็นการสร้างความมั่นคงทางอาหารทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยบริษัทมีกลยุทธ์ที่สำคัญในการสร้างความแตกต่างและความสามารถในการแข่งขันในอุตสาหกรรมเพื่อการสร้างการเติบโตได้อย่างยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นทำเลที่ตั้งโรงงานในจุดยุทธศาสตร์ใกล้แหล่งวัตถุดิบ 4 แห่ง ประกอบด้วย 1.โรงงาน อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี 2.โรงงาน อ.พนม จ.สุราษฎร์ธานี 3.โรงงานสระบุรี 4.โรงงาน AL จ.ชุมพร และการมีช่องทางในการขายสินค้าทั้งในและต่างประเทศช่วยเพิ่มศักยภาพด้านการขายและลดการพึ่งพิงการบริโภคภายในประเทศ รวมถึงการเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรเจรจาระหว่างประเทศว่าด้วยน้ำมันปาล์มยั่งยืน (Roundtable Sustainabilily Palm Oil : RSPO)
สำหรับวัตถุประสงค์ในการระดมทุนเพื่อลงทุนเพิ่มในการธุรกิจการผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ โดยมุ่งเน้นการขยายโรงงานผลิตน้ำมันปาล์มดิบในพื้นที่อื่น นอกเหนือจากที่กลุ่มบริษัทมี เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน เป็นการต่อยอดผลิตภัณฑ์หลักของธุรกิจและลงทุนโครงการปรับปรุงกระบวนการผลิต เพิ่มประสิทธิภาพด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม รวมถึงชำระเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน ซึ่งเป็นเงินกู้ที่ยืมมาเพื่อเป็นเงินทุนสำหรับการขยายกำลังการผลิตของกลุ่มบริษัทและเป็นเงินทุนหมุนเวียนในธุรกิจ.
สันทัด เจ็ดเสมียนใหม่ ผู้สื่อข่าว TOPNEWS ทั่วไทย จ.สุราษฎร์ธานี