วันที่ 8 ต.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าของคาเฟ่ที่มีบ่อหินให้เด็กเล่น จนเกิดกรณีมีหินเข้าไปในหูเด็ก ได้ออกมาชี้แจงแล้วว่า ไม่ได้ปฏิเสธความรับผิดชอบ แต่อยากให้ผู้ปกครองเด็กเข้ามาคุยรายละเอียดกันที่ร้าน พร้อมระบุว่า ร้านเป็นธุรกิจของครอบครัวเพิ่งเปิดมาได้ 3 เดือน สอบถามที่อื่นที่มีบ่อหินก็ยังไม่เคยเกิดเคสแบบเดียวกัน
จากกรณี สวป.สภ.บ้านดู่ อ.เมืองเชียงราย ออกมาเปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 5 ต.ค. 68 ได้พาครอบครัวและหลานสาว เข้าไปใช้บริการคาเฟ่แห่งหนึ่ง ซึ่งมีโซนเครื่องเล่นสนามสำหรับหรับเด็ก โดยจะมีการเก็บค่าบริการจากผู้เข้าไปใช้บริการ หลังจากหลานสาวเข้าไปในเล่นในบ่อหินแล้วมีหินเข้าไปในหู มีค่ารักษาพยาบาลเป็นเงินถึง 15,000 บาท โดยทางร้านยังไม่ได้มารับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลที่เกิดขึ้น จึงเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้าไปตรวจสอบว่าบ่อหินดังกล่าวมีความปลอดภัยกับเด็กจริงหรือไม่นั้น
ล่าสุด นายเฉลิมชัย อึ้งอภินันท์ อายุ 35 ปี ตัวแทนครอบครัวเจ้าของคาเฟ่ที่มีบ่อหินเจ้าปัญหา เล่าว่า ตอนที่น้องผู้หญิงที่มีข่าวว่ามีหินเข้าไปในหู ตอนนั้นน้องที่มาเล่นบ่อทรายน่าจะมีการนอนลงไปแล้วมีเม็ดหิน (ทรายเซรามิก) เข้าไปในหู น้องเขาคงพยายามเอาออกแต่มีจังหวะหนึ่งที่อาจทำให้มือดันเอาหินเม็ดหนึ่งเข้าไปในหูจนลึก เอาออกมาไม่ได้ น้องจึงออกมาแจ้งผู้ปกครอง เม็ดหินดังกล่าวเป็นทรายเซรามิก ทางผู้รับเหมาที่มาติดตั้งอุปกรณ์ยืนยันว่าปลอดภัย ไม่เป็นอันตราย แต่ถ้าลูกค้าหรือหน่วยงานที่มาตรวจสอบมองเห็นว่าไม่ปลอดภัย ทางร้านก็ยินดีที่จะเอาบ่อหินออกและเปลี่ยนเป็นวัสดุชนิดอื่นหรือของเล่นอื่นมาทดแทนก็ได้ แต่คาเฟ่ของตนไม่ได้เป็นที่แรกหรือแห่งเดียวที่มีบ่อหินอย่างนี้
เคสนี้ถือเป็นเคสแรกที่เกิดขึ้น สอบถามที่อื่นที่มีบ่อหินในรูปแบบที่เหมือนกันเขาก็ยังไม่มีเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ ส่วนการดูแลทั่วไปปกติมีพนักงานร้านเดินมาดูอยู่เป็นระยะๆ เพื่อไม่ให้เด็กแกล้งกัน และมีป้ายติดตั้งไว้ที่ขอบบ่อว่าผู้ปกครองควรดูแลเด็กอย่างใกล้ชิด ซึ่งเด็กส่วนมากก็จะมาเล่นตักทรายกระบะหรือของเล่นที่ร้านเตรียมไว้ให้ แต่น้องคนที่เป็นข่าวเขานอนลงไปจึงทำให้มีหินเข้าไปในหู
หลังเกิดเหตุและตนได้รับแจ้งตนก็เสนอให้เอาเครื่องมือดูดขี้หูที่ตนใช้กับลูกของตนเองเป็นประจำ เพื่อเอามาลองดูดให้ แต่ทางผู้ปกครองไม่สบายใจตนจึงพาไปส่ง รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ ในวันเกิดเหตุเลย แต่วันดังกล่าวไม่มีแพทย์เฉพาะทาง ญาติจึงขอย้ายไปรักษา รพ.เอกชน ซึ่งค่าใช้จ่ายจะสูงเพราะผู้ปกครองไม่อยากพาเด็กกลับบ้านซึ่งอยู่ อ.ดอยหลวง เนื่องจากระยะทางไกล เกรงหินในหูจะกระเทือนและเข้าไปในหูลึกกว่าเดิม ตนก็ตกลงตามนั้นและได้คืนเงินค่าบริการให้ผู้ปกครองไปแล้ว โดยช่วงนี้ที่ร้านมีโปรโมชั่นลดราคาจากปกติ 120/ชั่วโมง/คน แต่ช่วงวันที่ 1-31 ต.ค. คิดราคา 179 บาท/2 ชม./คน ตนก็ได้คืนเงินค่าบริการให้ไปเบื้องต้นก่อน
เจ้าของคาเฟ่บอกด้วยว่า อยากจะขอชี้แจงประเด็นที่ว่าร้านไม่รับผิดชอบ จริงๆแล้วทางร้านไม่ได้ปฏิเสธความรับผิดชอบ เพียงแต่ลูกค้าแจ้งว่าจะไปดำเนินการเอง หลังจากไปหาหมอแล้วผู้ปกครองเด็กแจ้งมาว่าใช้วงเงินประกันไป 10,000 บาท มีค่าใช้จ่ายส่วนเกินประกันอยู่ 5,000 บาท ลูกค้านัดให้ไปเจอกันที่ สภ.บ้านดู่ แต่วันนั้นตนไม่สะดวก เลยเสนอว่าอยากให้มาเจอกันที่ร้านจะสะดวกกว่า เนื่องจากตนอยู่ร้านตลอด และเสนอไปอีกว่าหากไม่สะดวกในวันดังกล่าวก็สามารถนัดหมายเวลาที่เหมาะสมได้ เพราะตนอยู่ดูแลร้านตลอดอยู่แล้ว