โดยนางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานเปิดและประธานพิธีร่วมปล่อยเรือไฟโบราณเพื่อขอขมาพระแม่คงคานำสิ่งที่ไม่ดีให้ไหลไปกับสายน้ำ
พร้อมทั้งชมการปล่อยไข่พญานาค กะโป๊ว (กระทงสาย) และเรือไฟโบราณเชื่อมสัมพันธ์สองฝั่งโขงไทยและ สปป.ลาว จำนวน 12 ลำ 12 นักษัตร และชมการแสดงฟ้อนรำจากกลุ่มแม่บ้านอำเภอธาตุพนม
นางสาวซาบีดา กล่าวว่า รัฐบาลมุ่งมั่นผลักดันวัฒนธรรมไทยให้ก้าวสู่ระดับนานาชาติ แสดงให้เห็นถึงเอกลักษณ์ความงดงามและพลังศรัทธาของคนไทย
การจัดงานมหกรรมไหลเรือไฟโลกในปีนี้ ไม่ได้เป็นเพียงงานประเพณีเท่านั้น แต่ยังเป็นเวทีสำคัญที่สะท้อนศักยภาพของประเทศไทยในการใช้ “พลังวัฒนธรรม”
เป็นเครื่องมือขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สร้างการฟื้นฟูและกระตุ้นรายได้ กระจายสู่พี่น้องประชาชนในพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรม ยังสอดคล้องกับการขับเคลื่อนงานวัฒนธรรม ภายใต้แนวคิด “ไท ไทย”
คือเปลี่ยนพลังวัฒนธรรมให้กลายเป็นรายได้จริง ผ่านการยกระดับทุนทางวัฒนธรรมให้เกิดคุณค่าทางเศรษฐกิจและสังคม ประเพณีไหลเรือไฟจึงเป็นตัวอย่างที่ชัดเจน
เพราะสะท้อนเอกลักษณ์ ความศรัทธาและภูมิปัญญาของคนไทยที่สามารถต่อยอดเป็นกิจกรรมท่องเที่ยว สินค้าท้องถิ่นและอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ได้ครบวงจร
ดังนั้น เทศกาลไหลเรือไฟไม่ใช่เพียงสัญลักษณ์ของศรัทธา แต่ยังเป็นพลังทางเศรษฐกิจที่เชื่อมอดีต ปัจจุบันและอนาคตของชุมชนเข้าด้วยกัน





“ดิฉันเชื่อว่าการผลักดันและยกระดับเทศกาลเรือไฟสู่เรือไฟโลก จะสอดคล้องและช่วยขับเคลื่อนกับนโยบาย ด้านศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม
ภายใต้วิสัยทัศน์ “สืบสาน สร้างสรรค์ นำวัฒนธรรมไทย สู่อนาคตอย่างยั่งยืน” ส่งเสริม “ROOT to RICH” หรือ จากรากเหง้า สู่รายได้
ภายใต้แนวคิด “ไท ไทย” ในการยกระดับคุณค่าชุมชน ขยายผลสู่ระดับประเทศ และต่อยอดสู่การแข่งขันบนเวทีโลกได้อย่างดี” นางสาวซาบีดา กล่าว



“ดิฉันได้เห็นความงดงามของประเพณีอันเก่าแก่ และมีการสืบทอดกันมาอย่างยาวนานและเป็นต้นกำเนิดของประเพณีไหลเรือไฟของพี่น้องชาวจังหวัดนครพนมจัดขึ้นในช่วงเทศกาลออกพรรษา
ด้วยความเชื่อว่าเป็นการบูชารอยพระพุทธบาทริมฝั่งแม่น้ำโขง รวมถึงการบูชาพญานาค การสำนึกในพระคุณของพระแม่คงคา และการขอขมาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย
เพื่อความสงบร่มเย็นและความเจริญรุ่งเรืองของบ้านเมืองและประชาชนริมโขงทั้งฝั่งจังหวัดนครพนมและฝั่งแขวงคำม่วนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
จึงขอชื่นชมการจัดงานประเพณีไหลเรือไฟโบราณ ภายใต้โครงการยกระดับเทศกาลเรือไฟสู่เรือไฟโลกจังหวัดนครพนมในวันนี้ เพราะประเพณีไหลเรือไฟโบราณจังหวัดนครพนม
ถือเป็นประเพณีเก่าแก่ที่สำคัญและสืบทอดกันมายาวนานของพี่น้องชาวจังหวัดนครพนม และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ซึ่งวันนี้มีพิธีปล่อยไข่พญานาค ลอยกะโป๊ว (กระทงสาย)
และเรือไฟโบราณเชื่อมสัมพันธ์สองฝั่งโขงไทย – ลาว จำนวน 12 ลำ 12 นักษัตร เป็นการสะท้อนถึงความร่วมมือและสายใยทางวัฒนธรรมที่แน่นแฟ้นของประชาชนทั้งสองประเทศ” รมว.วธ. กล่าว



