“นายกฯ” เคาะผลประชุมสมช. คงมาตรการเดิม ตรึงกำลังทหาร ปิดด่าน อนุมัติหลักการสร้างรั้วแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ผลักดันคนเขมรยึดหลักมนุษยธรรม

"นายกฯ" เคาะผลประชุมสมช. คงมาตรการเดิม ตรึงกำลังทหาร ปิดด่าน อนุมัติหลักการสร้างรั้วแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ผลักดันคนเขมรยึดหลักมนุษยธรรม

“นายกฯ” เคาะผลประชุมสมช. คงมาตรการเดิม ตรึงกำลังทหาร ปิดด่าน อนุมัติหลักการสร้างรั้วแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ผลักดันคนเขมรยึดหลักมนุษยธรรม

ข่าวที่น่าสนใจ

2 ต.ค.2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายฉัตรชัย​ บางชวด​ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ​ หรือ​ สมช. แถลงเพิ่มเติมผลการประชุมสมช. ว่า ในการประชุมวันนี้มีเรื่องสำคัญ คือการแก้ปัญหาความขัดแย้งไทยกัมพูชา ในหลักการได้เห็นชอบมาตรการ ต่อเนื่องจากมติสภาความมั่นคงแห่งชาติเดิมที่เคยทำไว้ ไม่ว่าจะเป็นมาตรการด้านการทหาร มาตรการด้านชายแดน การเปิดปิดจุดผ่านแดน การคุมคน​- สินค้า ที่ยังคงดำเนินการอยู่ และเรื่องของการสื่อสารจะพยายามสร้างเอกภาพ

 

ขณะที่ด้านการต่างประเทศ ยังคงใช้การทูตเชิงรุก ที่นายสีหศักดิ์​ พวง​เกตุ​แก้ว​ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ดำเนินการไปแล้ว​ ส่วนประเด็นเพิ่มเติมเรื่องของมาตรการเยียวยา จะทำให้ครอบคลุมกลุ่มที่อาจตกหล่นไป โดยจะมีอีกลักษณะผู้เสียชีวิตทางอ้อม​ คือผู้ที่มีความเครียดหรือกดดัน ที่นำไปสู่การฆ่าตัวตาย เนื่องจากเหตุการณ์ความไม่สงบดังกล่าว โดยมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสมช. เพิ่มนิยามความหมาย ดูแลกลุ่มคนดังกล่าว​ และที่ประชุมสมช. ยังมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย ในการดูแลให้ความช่วยเหลือครัวเรือน ซึ่งมีผู้ที่ได้รับผลกระทบประมาณ 2,000 ครัวเรือน​

 

นายฉัตรชัย​ ยังระบุว่า ที่ประชุมสมช.ได้เห็นชอบ ร่างนโยบายการบริหาร​และการพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ในช่วง 3 ปี​ 2568​-2570 ตามวงรอบที่กฎหมายกำหนด เป็นนโยบายที่เกิดจากการมีส่วนร่วมของประชาชนทุกภาคส่วน ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งเป็นนโยบายที่จะชี้ทิศทางด้านความมั่นคง และการพัฒนา โดยจะมีการแปลเป็นภาษาต่างๆ 5 ภาษา เผยแพร่ไปทั่วโลก เพื่อจะสะท้อนว่าประเทศไทยให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาภาคใต้โดยยึดหลักสันติวิธี ทั้งมุมมองการพัฒนาด้านความมั่นคง รวมไปถึงกระบวนการพูดคุย ที่เป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญ ที่ต้องดำเนินการต่อเนื่อง โดยจะนำเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี และหลังจากนั้นกฎหมายฉบับนี้ มีความพิเศษ ที่กำหนดให้แถลงนโยบายต่อรัฐสภา ซึ่งจะเป็นขั้นตอนต่อไป

ขณะเดียวกันที่ประชุมสมช.ยังเห็นชอบ แต่งตั้ง หัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุขชายแดนใต้คนใหม่​ คือ​ พลเอกสมศักดิ์​ รุ่งสิตา​ อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ​ ที่มีประสบการณ์แก้ไขปัญหาด้านความมั่นคงอยู่แล้ว โดยจะมีการฟอร์มทีมงาน และองค์ประกอบต่าง ๆ เพื่อดำเนินการกระบวนการพูดคุยต่อไป ทั้งนี้ยังไม่ได้มีการหารือเรื่องการตั้งประธานคณะกรรมการ ​เขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา หรือ JBC

ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติครั้งที่ 12/2568 ว่า ก็มีเรื่องที่พิจารณาอยู่ 2-3 เรื่อง รายละเอียดขอให้เลขาธิการ สมช.เป็นผู้แถลง ซึ่งในหลักการเราอนุมัติกรอบในการสร้างรั้วที่จะสร้างตามแนวเขตชายแดนไทย-กัมพูชา ส่วนพิกัดทางกองบัญชาการกองทัพไทยจะไปดำเนินการตัดสินใจว่าจะสร้างในช่วงไหน

 

 

เมื่อถามว่า รั้วจะสร้างแบบปกติ หรืออิเล็กทรอนิกส์ นายกฯ กล่าวว่า มันมีหลายรูปแบบ บางจุดก็เป็นรูปแบบนี้ ขึ้นอยู่กับสภาพภูมิประเทศและความสะดวกของประชาชนในแถบนั้น

เมื่อถามต่อว่า การผลักดันคนกัมพูชาออกจากบ้านหนองจาน และบ้านหนองหญ้าแก้ว ในวันที่ 10 ต.ค.นี้ ได้ให้นโยบายเรื่องนี้อย่างไร นายกฯ กล่าวว่า นโยบายคือต้องใช้กฎหมายที่ถูกต้อง และเราต้องคำนึงถึงหลักมนุษยธรรมด้วย และคำนึงถึงผลกระทบต่างๆ ที่จะตามมา จะใช้กฎหมายไหนตามกฎอัยการศึก หรือกฎหมายป่าไม้ หรือกฎหมายตรวจคนเข้าเมือง ตรงนี้ทางกองบัญชาการกองทัพไทยจะขอไปหารือกับทางผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และกระทรวงมหาดไทย

 

เมื่อถามย้ำว่า จะถึงขั้นมีการใช้กำลังหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า อันนี้ชาวบ้านทั่วไปไม่ใช่กองทัพ เราต้องคำนึงถึงวิถีชีวิตคนลำบากอยู่แล้ว มีทั้งเด็กมีทั้งคนชราและสตรี เมื่อถามอีกว่า เมื่อต้องผลักดันออกไปอยู่แล้ว แต่ขึ้นอยู่กับในช่วงเวลาระยะเวลาไหนใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า จะพยายามใช้กฎหมาย

เมื่อถามต่อว่า มีการระบุเป็นไทม์ไลน์ หรือว่าให้ทางกองทัพไปจัดการเลย นายกฯ กล่าวว่า วัน เวลา ตามที่เราเห็นเหมาะสม เมื่อถามย้ำว่า แต่ยังไม่ใช่ในวันที่ 10 ต.ค.นี้ ใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า น่าจะยังไม่ใช่ เมื่อถามอีกว่า เสียงสะท้อนของชาวบ้านในพื้นที่ เป็นเหมือนแรงกดดัน นายกฯ กล่าวว่า เราก็ต้องทำความเข้าใจกับทุกฝ่าย

 

เมื่อถามว่า ที่ประชุม สมช.ได้มีการพูดคุยถึงเรื่องเอ็มโอยู 43-44 หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่มี เป็นเรื่องของสภาฯ

เมื่อถามต่อว่า มีการหารือเรื่องการกดดันให้ทางฝ่ายกัมพูชาดำเนินการตามข้อตกลงเรื่องการถอนอาวุธหนัก ถอนกำลัง หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตรงนี้อยู่ในกรอบคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (GBC) ที่ทาง รมว.กลาโหม ได้ไปประชุมมา ในช่วงระหว่างการประชุม เราก็ยังยืนยันจุดยืนของเราว่าก่อนที่จะมีการดำเนินการใดๆ ในเรื่องของการเจรจา เรามีเงื่อนไขที่เราต้องการให้ทางกัมพูชาได้ปฏิบัติตาม

เมื่อถามย้ำว่า แต่ที่ผ่านมาการประชุม 2 ครั้งผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) และคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (GBC) เหมือนวนอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน นายกฯ กล่าวว่า มันจะเริ่มไปไหนแล้ว

เมื่อถามอีกว่า สิ่งที่นายกฯ จะทำให้เริ่มไปไหน คืออะไร และอะไรที่เราคาดหวัง นายกฯ กล่าวว่า มันมีความคืบหน้าของการเจรจา อย่างที่ นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.การต่างประเทศ ไปที่สหประชาชาติ (ยูเอ็น) ไปพูดถึงจุดยืนของประเทศไทย ว่าสิ่งที่หลายคนเข้าใจมันไม่ใช่ สิ่งที่นานาชาติถูกทำให้เข้าใจมันไม่ใช่เช่นนั้น ข้อเท็จจริงมันเป็นแบบนี้ ซึ่งมันก็จะนำไปสู่การเจรจาที่เราต้องดำเนินต่อไป

เมื่อถามว่า ดูเหมือนรัฐบาลจะใช้เวทีของกระทรวงการต่างประเทศในการกดดันทางกัมพูชามากกว่าที่จะใช้ในเรื่องของกำลัง นายกฯ กล่าวว่า ก็ต้องคู่กัน ในส่วนของกองทัพก็ต้องมีความพร้อม เราไปบอกที่สหประชาชาติ (ยูเอ็น) ว่าเราไม่ได้เป็นผู้รุกราน แต่เราต่างหากที่โดนรุกราน สถานะตรงนี้เราต้องรักษาเอาไว้ เพราะเราไม่ได้ดีแคร์ (ประกาศ) ตัวเองว่าเป็นผู้รุกราน แต่ในเรื่องของการป้องกันอธิปไตยของเรา ป้องกันแผ่นดินของเรา ทางกองทัพมีความพร้อมอันนี้ ตนได้รับคำยืนยันและทางรัฐบาลได้ให้การสนับสนุนกองทัพดูจากผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ครั้งแรก เมื่อวันที่ 30 ก.ย.ที่ผ่านมา ในกรณีที่จะต้องทำให้เกิดความพร้อมในการรักษาแผ่นดินของราชอาณาจักรไทย

เมื่อถามว่า นายกฯ จะมีมาตรการอะไรที่จะกดดันให้กัมพูชาปฏิบัติตามข้อตกลงคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) และคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (GBC) นายกฯ กล่าวว่า ทุกวันนี้เราก็กดดันกลายๆ อยู่แล้ว

เมื่อถามย้ำว่า แต่เขายังไม่ตอบรับกลับมาหลังจากที่ รมว.การต่างประเทศ ไปเวทีนานาชาติ นายกฯ กล่าวว่า สิ่งที่เราได้ทำไปคำว่าการตอบรับ มันไม่ได้คุยกันแบบนี้ มันต้องมีการติดต่อมาของฝ่ายที่พยายามจะให้เกิดสันติภาพ ผู้นำประเทศต่างๆ ที่ได้พยายามติดต่อเจรจามาว่าขอให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ คือ การตอบรับ แต่บางทีไม่ได้พูดกันโดยตรง แต่มีการสื่อสารที่ทำให้เราสามารถรับรู้รับทราบด้วยว่านี่คือสิ่งที่มันจะทำให้เดินไปสู่การตอบรับ และการดำเนินการใดๆเพื่อให้สถานการณ์ของทั้ง 2 ประเทศดีขึ้น

เมื่อถามอีกว่า ในประเด็นสำคัญคือทางกัมพูชายังไม่ได้ตอบรับจัดทำแผนอพยพคน และเรื่องการเก็บกู้วัตถุระเบิดในพื้นที่ของกองทัพภาคที่ 2 นายกฯ กล่าวว่า ถ้าเขาไม่ตอบรับ เราก็ไม่ตอบสนอง เพราะฉะนั้นสิ่งที่เขาจะให้ดำเนินการอยากให้ทำนั่น อยากไปทำนี่ ช่วยเปิดด่านหน่อย ช่วยนั่น ช่วยนี่ เราก็ไม่ทำ ตนไม่อยากใช้คำว่ากดดัน ทุกวันนี้กดดันกันมากอยู่แล้ว ลองหาวิธีการสื่อออกไปให้เห็นว่า ประเทศเราพร้อม ถ้าอยากจะอยู่กันแบบนี้ไทยก็พร้อม และถ้าอยากจะให้ชีวิตของพี่น้องประชาชนที่พวกเขารับผิดชอบอยู่ดีขึ้น ก็ต้องตอบรับเงื่อนไขของเรา

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"กรมการศาสนา" ร่วมกับเครือข่าย สืบสานเทศกาลวันออกพรรษา 2568 พร้อมเปิด "10 จุดเช็คอินวันออกพรรษาทั่วไทย" ส่งเสริมการท่องเที่ยวในมิติศาสนา
คนร้ายโจมตีโบสถ์ยิวที่อังกฤษดับ-เจ็บอย่างน้อย 5 คน
"โฆษกสถานทูตจีน" ปฏิเสธส่งอาวุธใหม่ เพิ่มให้กัมพูชาใช้รบทหารไทย โต้โดนปล่อยข่าวเท็จเจตนาปลุกปั่นวุ่นวาย
“นายกไก่” นำทีมร่วมยินดี “เสี่ยเฮ้ง” รับตำแหน่ง รมว.ทส.
นครฯ กวาดล้างรถท่อดัง ยึด 5 คัน
กองทัพบก แต่งตั้ง "พล.ท.บุญสิน" อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 เป็นที่ปรึกษาด้านความมั่นคงผบ.ทบ. จัดห้องทำงานไว้ใกล้กัน

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​