ข่าวที่น่าสนใจ
นายก่อพงศ์ เจ้ยแก้ว ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 15 กล่าวว่า ปัจจุบันพื้นที่ภาคใต้เริ่มเข้าสู่ฤดูฝนแล้ว ระดับน้ำในแม่น้ำสาขาต่างๆ ของลุ่มน้ำปากพนังเริ่มสูงขึ้น ประกอบกับการคาดการณ์ฝนของกรมอุตุนิยมวิทยา ในช่วงเดือนกันยายน – พฤศจิกายน 2568 ภาคใต้ฝั่งตะวันออกจะมีฝนมากกว่าค่าปกติ 10 % อาจจะมีฝนตกชุก เนื่องจากอิทธิพลของลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ และร่องมรสุมที่พาดผ่านภาคใต้ และอ่าวไทย อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก รวมทั้งน้ำล้นตลิ่งได้ โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาปากพนังล่าง ได้เปิดประตูระบายน้ำอุทกวิภาชประสิทธิ ซึ่งเป็นประตูระบายน้ำที่กั้นระหว่างน้ำจืด (เหนือน้ำ) และน้ำเค็ม (ท้ายน้ำ) เพื่อพร่องน้ำด้านเหนือ และปรับสภาพน้ำด้านท้าย ตั้งแต่วันที่ 24 กันยายน 2568 เป็นต้นมา พร้อมควบคุมค่าความเค็มให้เปลี่ยนแปลงไม่เกิน วันละ 2 กรัม/ลิตร เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อสัตว์น้ำ หากมีปริมาณฝนเพิ่มขึ้น และมีการปรับสภาพน้ำด้านท้ายเรียบร้อยแล้ว จะทำการเปิดประตูระบายน้ำ ทั้ง 10 บาน เพื่อป้องกันและบรรเทาอุทกภัยให้แก่พื้นที่ด้านเหนือประตู และลดผลกระทบจากอิทธิพลน้ำทะเลหนุนสูงให้แก่พื้นที่เทศบาลเมืองปากพนัง จึงขอให้ชาวประมงด้านท้ายประตูระบายน้ำอุทกวิภาชประสิทธิ เก็บเครื่องมือประมง และอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อป้องกันมิให้เกิดความเสียหาย ในช่วงที่เปิดประตูระบายน้ำอุทกวิภาชประสิทธิทั้ง 10 บาน จะมีผลทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำปากพนังขึ้น – ลง ตามการขึ้น – ลงของระดับน้ำทะเลด้วย ดังนั้น ชุมชนที่อยู่อาศัย และพื้นที่ทำการเกษตรสองฝั่งของแม่น้ำปากพนังอาจได้รับผลกระทบ ขอให้ขนย้ายทรัพย์สิน และของมีค่าไว้ในที่ปลอดภัย ซึ่งเป็นไปตามมติที่ประชุมคณะกรรมการจัดการชลประทานประตูระบายน้ำอุทกวิภาชประสิทธิ (JMC) ที่ได้มีการประชุม เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2568
ทั้งนี้ เพื่อเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์อุทกภัยช่วงฤดูฝน ประจำปี 2568 ตามนโยบายของ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และนายสุริยพล นุชอนงค์ อธิบดีกรมชลประทาน ที่มีความห่วงใยต่อพี่น้องประชาชนในพื้นที่ สำนักงานชลประทานที่ 15 ได้บูรณาการการทำงานร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการเฝ้าระวัง และติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด มีการนำข้อมูลมาวิเคราะห์ และวางแผนการบริหารจัดการน้ำ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในแต่ละพื้นที่ รวมทั้งพิจารณาปรับการระบายน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม พร้อมปฏิบัติตาม 9 มาตรการรับมือฤดูฝนปี 2568 อย่างเคร่งครัด ตรวจสอบอาคารชลประทาน ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน เร่งกำจัดวัชพืช และสิ่งกีดขวางทางน้ำ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ ครอบคลุมทุกแม่น้ำลำคลอง โดยเฉพาะในทางน้ำชลประทาน ให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม และมีผู้รับผิดชอบที่ชัดเจน รวมถึงเตรียมพร้อมเครื่องจักร – เครื่องมือ รวมทั้งสิ้น จำนวน 162 หน่วย ประจำจุดเสี่ยง 39 จุด ในพื้นที่รับผิดชอบ 5 จังหวัด (นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี กระบี่ พังงา ภูเก็ต) เพื่อป้องกันความเสียหาย และสร้างความเชื่อมั่นให้กับเกษตรกร และพี่น้องประชาชน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
