วันนี้ 23 ก.ย พ.ศ.2568 พ.อ.(พ)พงษ์เพชร เกษสุภะ อดีตหัวหน้าชุดปฏิบัติการ ศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 4 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ( ศปป.4 กอ.รมน.) หรือผู้การช้าง อดีตผู้การมือปราบทรัพยากรป่าไม้ชื่อดัง ได้กล่าวว่า หลังจากที่ออกมาคัดค้านพรบ. นิรโทษกรรมให้ผู้ที่ถูกดำเนินคดีบุกรุกป่า และนริโทษกรรมที่ดินให้กลับคืนมาให้กับผู้ที่ถูกดำเนินคดีบุกรุกป่าอีกแบบสุดซอย ย้อนหลังไปหลายสิบปีทั้ง 2 ร่าง ซึ่งเป็นร่างพรบ.นิรโทษกรรมครั้งแรกของประเทศไทย ที่ออกมา ลักษณะนี้
อดีตผู้การช้าง ยังกล่าวต่อไปว่า ปัจจุบันมีผู้อยู่อาศัยและทำกิน ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ จำนวนประมาณเกือบ 2 แสนคน เนื้อที่ประมาณ 2 ล้านกว่าไร่ และป่าอนุรักษ์ จำนวนประมาณ 3 แสนกว่าคน รวมเนื้อที่ประมาณ 4 ล้านกว่าไร่ โดยอาศัยนโยบายของรัฐบาลตามมติครม. 30 มิ.ย. 2541 และมติครม.26 พ.ย.2561 บุคคลเหล่านี้อยู่ร่วมกับป่าอย่างผาสุข เพราะปฏิบัติ ตามระเบียบ และกฎหมาย เงื่อนไข มติครม. 30 มิ.ย.2541 และมติครม. 26 พ.ย. 2561อย่างเคร่งครัด ซึ่งมติครม.30 มิ.ย.2541 ด้านป้องกัน ได้กำหนดเงื่อนไขไว้ว่า อยู่อาศัยและทำกินในเขตป่าเดิมได้ และตกทอดถึงลูกหลานได้ แต่ห้ามมิให้มีการบุกรุกพื้นที่ป่าใหม่ หรือขยายที่ดินทำกินเพิ่มเติม หรือห้ามมิให้มีการซื้อ -ขาย ที่ดินตามโครงมติครม.30 มิ.ย 2541ให้กับบุคคลอื่น หรือนายทุน หรือห้ามสร้าง บ้านพักตากอากาศ รีสอร์ท โรงแรม ฯลฯ ถ้าปฏิบัติตามเงื่อนไขตามมติครม.30 มิ.ย.2541 ได้ เจ้าหน้าที่ก็จะ ผ่อนปรนให้อยู่อาศัยทำกินในเขตป่าสงวนและในเขตป่าอนุรักษ์ได้ โดยไม่เข้าไปดำเนินจับกุมดำเนินคดีแต่อย่างใด
ผู้การช้าง กล่าวว่าเพราะฉะนั้นบุคคลที่ถูกดำเนินคดีบุกรุกป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติจากอดีตจนถึงปัจจุปัน มีจำนวนประมาณ 6 พันกว่าคน และตรวจยึดพื้นที่ได้ประมาณ 6 แสนกว่าไร่ และดำเนินคดีบุคคลที่บุกรุกในเขตป่าอนุรักษ์ จากอดีตจนถึงปัจจุปัน ประมาณ 3 พันกว่าคน เนื้อที่ที่ตรวจยึดได้ประมาณ 2 แสนกว่าไร่ รวมแล้วผู้ถูกดำเนินคดีข้อหาบุกรุกป่าอดีตจนถึงปัจจุปัน 1 หมื่นกว่าคน และพื้นที่ที่ตรวจยึดประมาณ 8 แสนกว่าไร่ ที่จะได้รับประโยชน์จากร่างพรบ. นิรโทษกรรมฯ ดังกล่าวนอกจากพ้นมลทินแล้ว ยังได้กลับไปครอบครองพื้นที่ป่าที่ได้ถูกตรวจยึดดำเนินคดีคืนตามเดิมประมาณ 8 แสนกว่าไร่ ที่บางพื้นที่ได้คืนสภาพ เป็นป่าสมบูรณ์ไปแล้ว บุคคลเหล่านี้ เป็นบุคคลที่ไม่เคารพกฎหมาย ฝ่าฝืนกฎหมาย หรือไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขมติครม .30 มิ.ย. 2541 เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน ไม่คำนึงประโยชน์ของส่วนรวม ทำลายพื้นที่ป่าที่อุดมสมบูรณ์ ทำให้ระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อม และ แหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า เสียหาย เป็นสาเหตุสำคัญ ทำให้เกิดภัยพิบัติ น้ำท่วม ดินถล่ม หรืออากาศเป็นพิษ ทำให้ประชาชน ที่ไม่ได้กระทำผิดกฎหมายบุกรุกป่า เป็นประชาชนที่เคารพกฎหมาย กลับเดือดร้อน อย่างแสนสาหัส จากภัยพิบัติ ที่มีต้นเหตุมาจากการบุกรุกทำลายป่า บุคคลเหล่านี้ จึงไม่สมควรได้รับการนิรโทษกรรม นอกจากได้รับการนิรโทษกรรมบุคคลแล้ว บุคคลเหล่านี้ ยังได้รับการ นิรโทษกรรมที่ดิน อีก เป็นครั้งแรกของประเทศไทย ที่มีร่างพรบ.นิรโทษกรรมแบบนี้ ทั้งที่บุคคลเหล่านี้ ส่วนใหญ่ก็ได้ล้างมลทิน การกระทำผิดไปแล้ว ตาม พรบ. ล้างมลทินฯในปีพ.ศ.2550 จึงไม่จำเป็นต้องออกพรบ.นิรโทษกรรมผู้ถูกดำเนินคดีบุกรุกป่าซ้ำอีก