เว็ปไซต์มาเลย์เมลเผยแพร่บทความที่เขียนโดยดร. ฟาร์ คิม เบง ศาสตราจารย์คณะอาเซียนศึกษา ที่มหาวิทยาลัยอิสลามนานาชาติแห่งมาเลเซีย และผู้อำนวยการสถาบันการศึกษานานาชาติและอาเซียนเมื่อวานนีั้ (21 กย.) ที่ออกมาเตือนบทบาทของมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียนและตัวกลางไกล่เกลี่ยข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชาว่าต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ โดยเฉพาะรายงานข่าวและแถลงการณ์ที่มาจากกัมพูชา
โดยเหตุการณ์ที่บ้านหนองหญ้าแก้วซึ่งเป็นการเผชิญหน้าล่าสุดที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กองทัพไทยยืนยันว่ากัมพูชาเป็นฝ่ายผิดที่ละเมิดข้อตกลงหยุดยิงซ้ำแล้วซ้ำอีก ด้วยการใช้โดรน, ทุ่นระเบิดและจัดฉากการประท้วง ไทยยืนยันว่าพื้นที่ที่ชาวบ้านเขมรรุกล้ำไม่ใช่พื้นที่พิพาท แต่เป็นของไทยอย่างไม่มีข้อสงสัย เป็นพื้นที่ที่มีการปักปันมานานแล้วและอยู่ในการดูแลของไทย การใช้แก้สน้ำตาและกระสุนยางกับผู้ประท้วงก็เป็นการป้องกันตัวและตอบโต้ที่ผู้ประท้วงรื่้อถอนรั้วลวดหนามและขว้างปาก้อนหิน
แต่กัมพูชาพยายามสร้างเรื่องและสร้างภาพให้ทหารไทยเป็นผู้ทำร้ายชาวบ้านผู้อ่อนแอ โดยใช้ผู้หญิง เด็กและพระมาเป็นด่านหน้าในการประท้วง และทำให้กลายข่าวพาดหัวในสื่อต่างประเทศจนสำเร็จ ด้วยการใช้ภาพระที่ไอและสำลักแก้สน้ำตา ซึ่งภาพเหล่านี้เป็นอาวุธสำคัญเหนือข้อเท็จจริงทั้งหมด
ปัญหายิ่งซับซ้อนมากขึ้นเมื่อนายกรัฐมนตรีฮุนมาเน็ตพยายามอ้างว่านายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม เห็นใจและสงสารฝั่งกัมพูชา ส่วนกองทัพไทยก็พูดน้อย เพียงแค่ชี้แจงว่ามาเลเซียกำลังถูกกัมพูชาหลอก
ดร. ฟาร์ คิม เบง เตือนว่าถ้ามาเลเซียถูกมองว่าเข้าข้างมาเลเซียโดยไม่มีการพิจารณาไตร่ตรองหลักฐานและข้อมูล มาเลเซียจะอยู่ในความเสี่ยงที่อาจมีปัญหากับไทย สมาชิกผู้ก่อตั้งอาเซียนและยังเป็นพันธมิตรสำคัญด้านการค้าและความมั่นคง นอกจากนี้ก็จะทำลายความน่าเชื่อถึอของมาเลเซียในฐานะประเทศผู้ไกล่เกลี่ย และไม่ใช่แค่เรื่องความขัดแย้งครั้งนี้เท่านั้น แต่จะกระทบถึงข้อพิพาทอื่นๆในอนาคตด้วย เช่นข้อพิพาททะเลจีนใต้และเมียนมา
มาเลเซียจึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ต้องให้ความสำคัญกับการเก็บข้อมูลหลักฐานจากทั้งสองฝั่ง ไม่ฟังแค่ผู้สังเกตการณ์กัมพูชาแต่ต้องฟังฝั่งไทยอย่างครบถ้วนด้วย รวมทั้งเก็บข้อมูลในที่เกิดเหตุ อย่างภาพถ่ายดาวเทียมและคลิปวีดีโอ นอกจากนี้ก็ต้องดึงผู้สังเกตการณ์จากชาติต่างๆในอาเซียนมาร่วมพิจารณาและตัดสินใจร่วมกันเพื่อป้องกันการถูกครอบงำจากกัมพุชา
เวลาแถลงตอ่ที่สาธารณะต้องใช้ข้อมูลอย่างรอบด้านและสมดุล เรื่องมนุษยธรรมมีความสำคัญก็จริง แต่ต้องตระหนักด้วยว่าความขัดแย้งไม่อาจเกิดขึ้นจากฝ่ายเดียว มาเลเซียต้องไม่ตกหลุกพรางที่อาจทำให้ขาดความน่าเชื่อถือบนเวทีโลกและในฐานะประธานอาเซียน นอกจากนี้ก็ต้องย้ำสื่อมาเลเซียให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนนำเสนอข่าวเพื่อทำให้ชาวมาเลเซียได้เข้าใจอย่างถูกต้อง ไม่ตราหน้าว่าใครเป็นผู้ร้ายใครเป็นเหยื่อ