กาฐมาณฑุ โพสต์ สื่อเนปาล รายงานเมื่อวาน ( 14 กันยายน) ว่า นักเศรษฐศาสตร์ประเมินความเสียหายทางเศรษฐกิจ หลังการประท้วงต่อต้านรัฐบาลและเรียกร้องการเปลี่ยนแปลง นำโดยกลุ่ม Gen Z เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อยู่ที่ประมาณ 3 ล้านล้านรูปีเนปาล หรือประมาณ 6.8 แสนล้านบาท เมื่อนับรวมความเสียหายทั้งในภาครัฐบาล และโครงสร้างพื้นฐานภาคเอกชน ตัวเลขนี้พอๆกับงบประมาณของเนปาล 1 ปีครึ่ง หรือครึ่งหนึ่งของผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ หรือ จีดีพี / จันทรา มานี อาทิคารี นักเศรษฐศาสตร์เนปาล กล่าวว่า ประเมินคร่าวๆ อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจปีงบประมาณนี้ น่าจะต่ำกว่า 1% และผู้เสียภาษีรายใหญ่สุดอย่างกลุ่มค้า พัต พาเตนี (Bhat-Bhateni) กลุ่มเชาด์ฮารี และ เอ็นเซลล์ (Ncell) กลุ่มสื่อสารโทรคมนาคม ได้รับผลกระทบหนัก
ความเสียหายที่ว่านี้ เพิ่มเติมจากผลกระทบจากภัยแล้งยาวนานที่เนปาลเผชิญ อีกทั้งการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในเดือนมีนาคม เร็วกว่ากำหนดกว่า 2 ปี คาดว่าจะดึงงบประมาณไปอีก 3 หมื่นล้านรูปีเนปาล (ประมาณ 6 พัน 750 ล้านบาท) การประเมินโดยรวบรวมจากผู้ประกอบการโรงแรม ผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ และกลุ่มค้าปลีก พัต พาเตนี ของเนปาล ยังพบว่า เหตุประท้วงทำลายทรัพย์สิน ทำให้ชาวเนปาลตกงานเกือบ 1 หมื่นคนในชั่วข้ามคืน
สมาคมโรงแรมเนปาล ออกแถลงการณ์สัปดาห์ที่แล้วว่า ภาคธุรกิจโรงแรม ได้รับความเสียหาย 2,500 ล้านรูปี หรือประมาณ 563 ล้านบาท / ส่วนห้างสรรพสินค้า พัต พาเตนี ที่มี 28 สาขาทั่วประเทศ ได้รับความเสียหายระหว่างจลาจลเมื่อวันอังคารที่ 9 กันยายน 21 แห่ง มีหลายแห่งถูกทำลายแบบสิ้นเชิง ทำให้ธุรกิจประกัน เป็นอีกภาคส่วนที่เผชิญแรงกดดันทางการเงินอย่างมหาศาล
กาฐมาณฑุ โพสต์ รายงานว่า ช่วงนี้เป็นฤดูใบไม้ผลิ เศรษฐกิจเนปาลปกติจะคึกคัก นักท่องเที่ยวหลั่งไหลไปเยือน ชาวเนปาลในต่างประเทศเดินทางกลับบ้านไปฉลองวันหยุดยาว เป็นช่วงกอบโกยของห้างค้าปลีก โรงแรม สายการบิน ผู้ประกอบการขนส่ง และธุรกิจห้างร้าน แต่สัปดาห์ที่ผ่านมา แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม ตั้งแต่เมืองโภคารา ไภรวะ และ จิตวัน เงียบกว่าปกติ ซากโรงแรมไหม้ดำ และซากรถยนต์ถูกเผาเป็นตอตะโก เป็นภาพที่พบเห็นทั่วประเทศ การประท้วงรุนแรงทำให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกหวาดกลัว โดยเฉพาะอินเดีย ที่เดิมคาดว่าจะจองทัวร์แสวงบุญไปยังภูเขาไกรลาสและทะเลสาบมนัสโรวาร์ สถานที่ศักดิ์สิทธิกันอย่างแน่นขนัด อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการโรงแรมคนหนึ่ง หวังว่า ในระยะสั้นนี้ หากเสถียรภาพการเมืองกลับมาโดยเร็ว การตั้งนายกรัฐมนตรีเฉพาะกาล ช่วยสร้างความมั่นใจแก่นักเดินทางได้ ผลกระทบต่อการท่องเที่ยวอาจอยู่ในวงจำกัด แต่ในระยะกลาง เสถียรภาพทางการเมืองจะยืนระยะได้นานแค่ไหน ขึ้นอยู่กับพรรคการเมืองว่าจะยังเล่นเกมการเมืองแบบเก่าๆหรือไม่ หากเป็นเช่นนั้น ความไม่แน่นอนอาจซ้ำเติมการท่องเที่ยวในระยะ 6 เดือนข้างหน้า และความเชื่อมั่นในระยะยาว
ตลอดสองทศวรรษที่ผ่านมา นับจากสงครามการเมืองยุติผ่านกระบวนการสันติภาพในปี 2549 เนปาลเผชิญวิบากกรรมหลายระลอก ขัดขวางการเติบโตทางเศรษฐกิจ ตั้งแต่แผ่นดินไหวใหญ่ การ ปันส่วนไฟฟ้า การผละงานประท้วง และโควิดระบาด กระนั้น นักสังเกตการณ์ชี้ว่า ความเสียหายใหญ่หลวงที่สุด เกิดจากความไร้เสถียรภาพการเมืองเรื้อรังที่อุ้มชูการทุจริต เป็นวัฏจักรการแสวงหาประโยชน์ และระบอบโจราธิปไตย หรือเผด็จการการเมืองแบบโกงกินที่ฝังรากลึกในเนปาล โดยผู้มีอำนาจการเมือง นักธุรกิจชั้นนำ และคนกลางที่เป็นอาชญากร สมคบคิดกันเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ให้กับตนเอง
นายจันทรา ทากัล ประธานหอการค้าและอุตสาหกรรมเนปาล ยอมรับว่า เขารู้สึกเจ็บปวดกับการเผาทำลายทรัพย์สินในระหว่างประท้วง แต่เรียกร้องให้ภาคอุตสาหกรรมและนักธุรกิจ อย่าขวัญเสียหรือถอดใจ เชื่อว่าทุกคนจะสามารถลุกขึ้นมาและสร้างทุกอย่างขึ้นมาใหม่ได้อีกครั้ง พร้อมเรียกร้องรัฐบาลวางแผนเยียวยาภาคเอกชนระยะสั้น กลางและระยะยาว แม้เป็นรัฐบาลเฉพาะกาล แต่ก็ช่วยกระตุ้นความมั่นใจได้ผ่านนโยบายการเงินและการคลัง
สมาคมโรงแรมเนปาล ยืนยันว่า มีโรงแรมเกือบ 24 แห่งได้รับความเสียหายรุนแรง ระหว่างการประท้วง / ความเสียหายจากการบุกทำลายทรัพย์สิน วางเพลิงและปล้นตามโรงแรมหลายแห่ง รวมถึงโรงแรมฮิลตัน ในกรุงกาฐมาณฑุ ประเมินเบื้องต้นไม่ต่ำกว่า 8 พันล้านรูปีเนปาล (กว่า 1,800 ล้านบาท) โรงแรมที่ไม่สามารถกลับมาให้บริการได้หากไม่ซ่อมแซม กระทบพนักงานกว่า 2 พันชีวิต นอกจากนี้ เจ้าของโรงแรมที่ต้องปิดบริการ ยังต้องดิ้นรนส่งเงินกู้ธนาคารและสถาบันการเงินด้วย