มช. สานต่อนวัตกรรมของมหาวิทยาลัย จากผู้นำอันดับที่ 44 ของโลก สู่ความยั่งยืนของชุมชน และสิ่งแวดล้อม


ศาสตราจารย์ ดร.นพ.พงษ์รักษ์ ศรีบัณฑิตมงคล อธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า มหาวิทยาลัย มุ่งใช้พลังแห่งองค์ความรู้และเทคโนโลยี เดินหน้าการเป็น “มหาวิทยาลัยชั้นนำที่รับผิดชอบต่อสังคมเพื่อการพัฒนา ที่ยั่งยืน ด้วยนวัตกรรม” พร้อมทั้งได้กำหนดทิศทางการดำเนินงานหลัก มุ่งสู่เป้าหมายของการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDGs) ส่งมอบคุณค่าสู่สังคม ทั้งในระดับท้องถิ่น ประเทศ และระดับโลก ผ่านการดำเนินงานและกิจกรรมต่างๆ ของมหาวิทยาลัยที่ผสานการพัฒนาอย่างรอบด้าน เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน จนได้รับการยอมรับ และจัดอันดับให้เป็นที่ 44 ของโลกใน THE University Impact Rankings 2025

มช. มุ่งเน้นการสร้างงานวิจัยและนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อม พร้อมกับการใช้เทคโนโลยีและองค์ความรู้ เพื่อขับเคลื่อนศักยภาพของคนรุ่นใหม่ในยุคดิจิทัล อาทิ ด้านการบริหารจัดการน้ำ Water Management ป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วม ได้มีการนำความรู้จากส่วนงานต่างๆ ไปช่วยแก้ไขปัญหา อาทิ ศูนย์วิชาการสนับสนุนการบริหารจัดการน้ำ มช. ซึ่งได้จัดทำระบบเตือนภัยน้ำท่วมพื้นที่เขตเมืองเชียงใหม่ กรณีน้ำจากแม่น้ำปิงล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ โดยมีเครื่องมือสนับสนุนการแจ้งเตือนภัยให้ประชาชนอย่างทันท่วงที ได้แก่
 1. แผนที่เสี่ยงภัยน้ำท่วม (Flood Hazard Map) 2. หลักเตือนระดับน้ำท่วมเขตเมือง จังหวัดเชียงใหม่ (CM Flood Poles) 3. เครื่องหมายระดับน้ำท่วม (Flood Mark) รวมถึงศูนย์วิจัยด้านการจัดการภัยพิบัติทางธรรมชาติ มช. ซึ่งมีอาจารย์นักวิชาการที่เชี่ยวชาญร่วมดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมกับหน่วยงานภาครัฐและจังหวัดเชียงใหม่
นอกจากนี้ ยังมีนวัตกรรมที่จะช่วยติดตามระดับน้ำเพื่อเตือนภัยแก่ประชาชน เช่น เครื่องวัดระดับน้ำอัตโนมัติ FloodBoy เพื่อเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำแบบเรียลไทม์ด้วย AI ช่วยแจ้งเตือนภัยล่วงหน้าในพื้นที่ภาคเหนือที่มีความเสี่ยงระวังน้ำท่วม น้ำหลาก ไปจนถึงน้ำรอการระบาย และการรายงานน้ำท่วมผ่าน PODD (ผ่อดีดี) แจ้งเหตุผ่านไลน์ @podd-report ซึ่งผู้พบเห็นเหตุสามารถแจ้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทราบ และตอบสนองต่อสถานการณ์น้ำท่วมได้อย่างรวดเร็ว ทำให้การช่วยเหลือมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
สำหรับด้านการรับมือและแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ PM 2.5 อย่างยั่งยืน ได้สร้างสรรค์นวัตกรรมตรวจวัดค่าฝุ่น PM2.5 เพื่อให้ประชาชนได้เข้าถึงได้ง่าย เช่น ระบบติดตามค่าฝุ่น PM2.5 และคุณภาพอากาศประเทศไทย สำหรับประชาชน ผ่าน Line Official Account: Air Quality by CMU (@aircmu), Dustboy เครื่องวัดปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กในอากาศด้วยระบบเซนเซอร์ รายงานสถานการณ์ฝุ่นแบบ Real Time ที่ติดตั้งทั่วประเทศ, FireD ระบบสนับสนุนการตัดสินใจในการบริหารจัดการเชื้อเพลิงชีวมวล นอกจากนี้ยังมีนวัตกรรมป้องกันตนเองจาก PM2.5  อย่างห้องปลอดฝุ่นและมุ้งสู้ฝุ่น ที่ใช้หลักการแรงดันอากาศความดันบวก นำอากาศที่ดีผ่านการกรองเข้ามาและปิดกั้นอากาศที่ไม่ดี ซึ่งมีคณะทำงานด้านวิชาการเพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาหมอกควันภาคเหนือ มช. เป็นหน่วยงานหลัก
 
พร้อมกันนี้ มหาวิทยาลัยยังขับเคลื่อนองค์กรให้เป็นมหาวิทยาลัยแถวหน้าของประเทศที่มุ่งความยั่งยืน ส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน ลดการปล่อยคาร์บอน เพื่อมุ่งสู่ความเป็นกลาง Carbon Neutrality เช่น การดำเนินการของศูนย์บริหารจัดการชีวมวลครบวงจร การนำขยะเปลี่ยนเป็นพลังงาน การติดตั้งระบบพลังงานแสงอาทิตย์บนอาคารต่างๆ เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าใช้ภายในมหาวิทยาลัย การพัฒนาถนนจากขยะพลาสติก
ในด้านการพัฒนาการจัดการศึกษา มหาวิทยาลัยมุ่งพัฒนาสู่มหาวิทยาลัยดิจิทัลและ AI มีการเปิดหลักสูตรที่บูรณาการการเรียนรู้หรือมีความร่วมมือกับผู้ใช้บัณฑิต เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและตอบสนองความต้องการในอนาคต สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของโลก เช่น หลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาศาสตร์แห่งความยั่งยืนแห่งแรกของเอเชีย เป็นหลักสูตรนานาชาติระดับปริญญาตรี จากศาสตร์ความรู้ 9 คณะ, “SAFE” หลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาผู้ประกอบการด้านเกษตรอัจฉริยะและอาหาร จากความร่วมมือ 6 คณะ เพื่อสร้างผู้ประกอบการเกษตรอัจฉริยะและอาหารอย่างครบวงจร ตั้งแต่ฟาร์มสู่โต๊ะอาหาร พร้อมทั้งเน้นการเรียนรู้ตลอดชีวิต ผ่านวิทยาลัยการศึกษาตลอดชีวิต ที่ครอบคลุมทุกช่วงวัย มีการให้ความรู้เรื่อง Al กับชุมชนสังคม และสร้างทักษะใหม่ที่ตรงใจตลาดงาน พร้อมทั้ง Reskill Upskill เตรียมความพร้อมนักศึกษาในทุกมิติ อีกทั้งยังมีชุดหลักสูตร Data Science From Zero to Hero แพ็คเกจ 10 หลักสูตรเพื่อพัฒนาศักยภาพด้านการวิเคราะห์ข้อมูล เรียนรู้ตั้งแต่การวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้น โดยใช้ Microsoft Excel ไปจนถึงปัญญาประดิษฐ์ (AI) เบื้องต้น เพื่อให้ผู้เรียนก้าวทันการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัล และพร้อมปรับตัวสู่โลกแห่งอนาคตอย่างแท้จริง
ในขณะเดียวกัน มหาวิทยาลัยเน้นการส่งเสริมนวัตกรรมการแพทย์ สุขภาพ และการดูแลผู้สูงอายุ เพื่อให้เกิดประโยชน์และคุณภาพชีวิตประชาชนสูงสุด เช่น นวัตกรรมหุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด New Chapter of Med CMU Robotic Surgery Center แห่งแรกของไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ช่วยลดภาวะแทรกซ้อน ฟื้นตัวเร็ว และลดความเจ็บปวดของผู้ป่วย
อีกทั้งได้ส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากงานวิจัย นวัตกรรม และการเชื่อมโยงสู่ความร่วมมือระดับโลก ตลอดจนมุ่งส่งเสริมความเป็นสากลและสร้างความร่วมมือระดับนานาชาติ เชื่อมต่อความหลากหลายทางวัฒนธรรม เพื่อสร้างความเข้าใจและการอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืน อาทิ โครงการ One Faculty One MoU มีการจัดทำหลักสูตร Double Degree PhD in Dentistry (International Program) กับมหาวิทยาลัย Tohoku ประเทศญี่ปุ่น เน้นส่งเสริมการวิจัยและแลกเปลี่ยนนักศึกษา นอกจากนี้ ยังมีการสร้างความร่วมมือกับ Nanjing University of Information Science & Technology และ Nanjing Medical University สาธารณรัฐประชาชนจีน ที่มุ่งแก้ปัญหามลพิษทางอากาศและผลกระทบต่อสุขภาพ , โครงการ BIG BANG ซึ่งเป็นความร่วมมือกับ Taisei Corporation ประเทศญี่ปุ่น เน้นการพัฒนา Carbon-Free Concrete สำหรับอุตสาหกรรมก่อสร้าง โดยนวัตกรรมนี้จะช่วยลดการปล่อยคาร์บอนและสร้างแนวทางสู่อุตสาหกรรมยั่งยืน

ข่าวที่น่าสนใจ

นอกจากนี้ ยังมีการส่งเสริมด้านล้านนาสร้างสรรค์ ผลักดันภูมิปัญญาท้องถิ่นให้สามารถสร้างคุณค่าและมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ที่มาจากชุมชน นักคิด ช่างฝีมือ นักศึกษา คนรุ่นใหม่ อาทิ เทศกาลล้านนาสร้างสรรค์ (Creative Lanna Festival) ส่งเสริมการประยุกต์ใช้องค์ความรู้ ศิลปะ และวัฒนธรรมล้านนาให้ร่วมสมัย สร้างสรรค์เป็นธุรกิจและอัตลักษณ์ใหม่ๆ โดยงานจะจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ณ พิพิธภัณฑ์เรือนโบราณล้านนา มช. การผลักดัน Creative Lanna Craft จากท้องถิ่นสู่ตลาดโลกในคอนเซ็ปต์ “มาเหนือ MAKE” นำเสนอผลงานของ มช. และชุมชนข้างเคียงบนพื้นที่  “ICONCRAFT” ณ ไอคอนสยาม กรุงเทพมหานคร โดยตั้งเป้าสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ กว่า 450 ล้านบาท ภายในเวลา 3 ปี ตลอดจนยังมีการบูรณาการในการขับเคลื่อนในเรื่องสำคัญ อาทิ การส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีด้าน Future Food การส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ Tourism and Creative Economy และบริหารจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพด้วยความโปร่งใสในทุกมิติ
ปัจจุบันมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ดำเนินงานตามแผนพัฒนาการศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ระยะที่ 13 (พ.ศ. 2566 – 2570) ปรับปรุงปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ด้วยวิสัยทัศน์ “มหาวิทยาลัยชั้นนำที่รับผิดชอบต่อสังคมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ด้วยนวัตกรรม”
ในการพัฒนามหาวิทยาลัย ได้กำหนดเป้าหมายการบรรลุวิสัยทัศน์ในปี 2570 ไว้ 3 ประเด็น ได้แก่ 1) ได้รับรางวัลการบริหารสู่ความเป็นเลิศที่มีความโดดเด่นด้านนวัตกรรม Thailand Quality Class Plus (Innovation)       2) ได้รับการจัดอันดับจาก Time Higher Education University Impact Ranking (THE UIR) อยู่ใน 50 อันดับแรกของโลก และ 3) ผลการประเมิน Socio-Economic Impact 60,000 ล้านบาท
จากการดำเนินการทุกภาคส่วนของมหาวิทยาลัยได้มุ่งมั่นสร้างสรรค์ผลงานอย่างต่อเนื่อง มีการสั่งสมความรู้และมีผลงานที่เห็นถึงความก้าวหน้าและเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ ส่งผลให้ปัจจุบันมหาวิทยาลัยได้บรรลุผลเป้าหมายตามวิสัยทัศน์แล้ว 2 ประเด็น
ประเด็นแรก : การได้รับรางวัลการบริหารสู่ความเป็นเลิศที่มีความโดดเด่นด้านนวัตกรรม มหาวิทยาลัย เชียงใหม่ได้รับรางวัลการบริหารสู่ความเป็นเลิศที่มีความโดดเด่นด้านนวัตกรรม ประจำปี 2566 (Thailand Quality Class Plus : Innovation หรือ TQC+ (Innovation) จากสำนักงานรางวัลคุณภาพแห่งชาติ สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ กระทรวงอุตสาหกรรม เป็นความสำเร็จของเป้าหมายที่ได้บรรลุวิสัยทัศน์ที่ได้ตั้งไว้
ประเด็นที่สอง :  มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้รับการจัดอันดับจาก Time Higher Education ให้อยู่ใน 50 อันดับแรกของโลก ในปี 2568 โดยก้าวสู่อันดับที่ 44 ของโลก ใน THE University Impact Rankings 2025 จากสถาบันการศึกษาที่ได้รับการจัดอันดับทั้งหมด 2,318 แห่ง เพื่อประเมินบทบาทของมหาวิทยาลัยทั่วโลกในการสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals – SDGs) ขององค์การสหประชาชาติ โดย มช. สามารถสร้างความโดดเด่นติดอันดับ Top 20 ของโลกใน SDGs 3 ด้านที่สำคัญ ได้แก่:
– SDG 5: Gender Equality (อันดับ 10 ของโลก) ด้านการส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศในทุกมิติ ได้แก่   การสนับสนุนงานวิจัยด้านความหลากหลายและความเท่าเทียม ตลอดจนการส่งเสริมความเสมอภาคในสถานศึกษา
– SDG 17: Partnership for the Goals (อันดับ 15 ของโลก) ด้านการเสริมสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับนานาประเทศ
– SDG 4: Quality Education (อันดับ 17 ของโลก) ด้านความมุ่งมั่นในการจัดการศึกษาที่มีคุณภาพและเข้าถึงได้
นอกจากนี้ ยังติดอันดับที่ 40 ของโลกใน SDG 13: Climate Action ด้านการรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ และมีความโดดเด่นใน SDG 9: Industry, Innovation and Infrastructure ด้านการเสริมสร้างศักยภาพการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมยั่งยืน เป็นอันดับที่ 81 ของโลกอีกด้วย
สำหรับผลการประเมิน Socio-Economic Impact เป้าหมายปลายแผน 60,000,000,000 บาท (หกหมื่นล้านบาท) ในปี 2570 นั้น ปัจจุบันมหาวิทยาลัยสามารถสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคม 46,225,264,923 บาท (สี่หมื่นหกพันสองร้อยยี่สิบห้าล้านสองแสนหกหมื่นสี่พันเก้าร้อยยี่สิบสามบาท) คิดเป็น 77.04 % จากเป้าหมายที่ตั้งไว้
ความสำเร็จที่เกิดขึ้นสะท้อนถึงพลังร่วมแรงร่วมใจของคณาจารย์ บุคลากร และนักศึกษาทุกคน ที่ทำให้มหาวิทยาลัยเชียงใหม่สามารถก้าวสู่เวทีระดับโลกได้อย่างภาคภูมิ เราไม่เพียงแค่เป็นสถาบันการศึกษา แต่ยังยึดมั่นในบทบาท “ที่พึ่งของสังคม” ที่มุ่งหวังสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน โดยอุทิศตนตามปณิธานของการก่อตั้งมหาวิทยาลัย เพื่อเสริมสร้างความรู้ พร้อมพัฒนาสังคมในยุคใหม่ สู่การเป็นสถาบันที่มีอิทธิพลและมีคุณค่าต่อการพัฒนาประเทศและโลกในอนาคตอย่างแท้จริง
นภาพร ขัติยะ ผู้สื่อข่าวTopNewsทั่วไทย จ.เชียงใหม่

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

บรรยากาศแห่งความอบอุ่น งาน สร้างพลัง “ฮีลใจให้เกิน 100” รุ่นที่ 2
รองเจ้าคณะ จัดทำพิธีบำเพ็ญบุญทักษิณานุประทาน
ดร.ฉลาด ขามช่วง ลงพื้นที่ สืบสานวัฒนธรรม แก้ปัญหาชาวบ้าน
นายกฯรักษาการเนปาล ย้ำเร่งประชุมครม. หาข้อยุติ แก้ปม ”คอรัปชั่น” ตามคำประท้วงกลุ่มเจน Z ทำหน้าที่แค่ 6 เดือน แล้วเลือกตั้งใหม่
แม่ค้าตลาดสด และแม่ค้าก๋วยเตี๋ยวชาวจังหวัดกาฬสินธุ์ วอนหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องเอาจริง เอาจัง เร่งปราบแก๊งบัญชีม้า และคอลเซ็นเตอร์ให้สิ้นซาก
หึงเดือด! คว้ามีดไล่ฟันกลางห้างเมืองเพชรบูรณ์ ตร.รวบทันควัน

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​