“ดีอี” เตือนข่าวปลอม “ปรับสิทธิค่ายาข้าราชการ ปี 69 เบิกได้เฉพาะยาสามัญ” บิดเบือนข้อมูล สร้างความเข้าใจผิด สับสนในสังคม

"ดีอี" เตือนข่าวปลอม “ปรับสิทธิค่ายาข้าราชการ ปี 69 เบิกได้เฉพาะยาสามัญ” บิดเบือนข้อมูล สร้างความเข้าใจผิด สับสนในสังคม

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ตรวจพบข่าวปลอมรายสัปดาห์ ที่ประชาชนให้ความสนใจสูงสุดอันดับที่ 1 เรื่อง “ปรับสิทธิค่ายาข้าราชการ ปี 69 เบิกได้เฉพาะยาสามัญ” รองลงมาคือเรื่อง “ไทยยิงปราสาทพระวิหารเสียหาย” โดยขอให้ประชาชน อย่าหลงเชื่อข่าวปลอม อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิด สับสน ตื่นตระหนก และวิตกกังวลในสังคม รวมทั้งอาจทำให้สูญเสียทรัพย์สิน และข้อมูลส่วนบุคคล โดยขอให้เลือกเชื่อ เลือกแชร์ ข้อมูลที่เป็นประโยชน์

นายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (BDE) ในฐานะโฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวถึงผลการมอนิเตอร์และรับแจ้งข่าวปลอมของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ระหว่างวันที่ 5 – 11 กันยายน 2568 พบข้อความที่เข้ามาทั้งหมด 998,983 ข้อความ โดยมีข้อความที่ต้องดำเนินการตรวจสอบ (Verify) ทั้งสิ้น 807 ข้อความ

สำหรับช่องทางที่มีการพบเบาะแสมากที่สุด คือ ข้อความที่มาจาก Social Listening จำนวน 785 ข้อความ ตามมาด้วยการแจ้งเบาะแสผ่าน Line Official จำนวน 21 ข้อความ ช่องทาง Facebook จำนวน 1 ข้อความ รวมเรื่องที่ต้องดำเนินการตรวจสอบทั้งหมด 216 เรื่อง และจากการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้รับผลการตรวจสอบกลับมาแล้ว 89 เรื่อง

ทั้งนี้ กระทรวงดีอี ได้แบ่งข่าวปลอมที่ได้รับความสนใจเป็น 5 กลุ่ม ประกอบด้วย

กลุ่มที่ 1 : นโยบายรัฐบาล ข่าวสารทางราชการ ความสงบเรียบร้อยของสังคม ขัดศีลธรรมอันดี และความมั่นคงภายในประเทศ จำนวน 121 เรื่อง

กลุ่มที่ 2 : ผลิตภัณฑ์สุขภาพ วัตถุอันตราย เครื่องสำอาง รวมถึงสินค้าและบริการที่ผิดกฎหมายจำนวน 25 เรื่อง

กลุ่มที่ 3 : ภัยพิบัติ จำนวน 14 เรื่อง

กลุ่มที่ 4 : เศรษฐกิจ จำนวน 4 เรื่อง

กลุ่มที่ 5 : กลุ่มอาชญากรรมออนไลน์ จำนวน 52 เรื่อง

นายเวทางค์ กล่าวต่อว่า เมื่อพิจารณาจากข่าวปลอมที่ได้รับความสนใจในลำดับต้นๆ ในสัปดาห์นี้ส่วนใหญ่เป็นข่าวเกี่ยวกับความมั่นคงระหว่างประเทศไทย และกัมพูชา การให้บริการของหน่วยงานรัฐ นอกจากนี้ยังพบข่าวที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์สุขภาพ และข่าวภัยพิบัติรวมอยู่ด้วย ซึ่งทั้งหมดมีผลกระทบต่อสังคมส่วนใหญ่ อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิด สับสน ตื่นตระหนก และวิตกกังวลได้ รวมทั้งอาจทำให้สูญเสียทรัพย์สิน หรือ ข้อมูลส่วนบุคคล โดยข่าวที่ได้รับความสนใจจากประชาชนมากที่สุด 10 อันดับ ได้แก่

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

อันดับที่ 1 : เรื่อง ปรับสิทธิค่ายาข้าราชการ ปี 69 เบิกได้เฉพาะยาสามัญ

อันดับที่ 2 : เรื่อง ไทยยิงปราสาทพระวิหารเสียหาย

อันดับที่ 3 : เรื่อง ศบ.ทก. อนุมัติ แผนสร้างรั้ว 16 กิโลเมตร หลักเขตแดนที่ 50 ถึง 51

อันดับที่ 4 : เรื่อง ผลิตภัณฑ์ BLACK RHINO ช่วยเพิ่มขนาดน้องชาย

อันดับที่ 5 : เรื่อง แจ้งเตือนให้พลเรือน จ.สระแก้ว ออกจากพื้นที่ชายแดน

อันดับที่ 6 : เรื่อง กทม. จัดซื้อสายสูบน้ำดับเพลิง ท่อดูด เส้นละ 42,900 บาท

อันดับที่ 7 : เรื่อง กระทรวงวัฒนธรรม ยอมรับ รามเกียรติ์เป็นของกัมพูชา

อันดับที่ 8 : เรื่อง กระทรวงวัฒนธรรม พร้อมยกชุดไทยให้กัมพูชา

อันดับที่ 9 : เรื่อง ประกาศวันหยุดราชการพิเศษ วันที่ 12 กันยายน 2568

อันดับที่ 10 : เรื่อง เลขาฯ ป.ป.ส. เตรียมยื่นใบลาออกหลังมีการประกาศนายกคนที่ 32 ของไทย

สำหรับอันดับ 1 เรื่อง “ปรับสิทธิค่ายาข้าราชการ ปี 69 เบิกได้เฉพาะยาสามัญ” กระทรวงดีอี ได้ประสานงานร่วมกับ กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ตรวจสอบข่าวเรื่อง รัฐปรับสิทธิค่ายาข้าราชการ ปี 69 เบิกได้เฉพาะยาสามัญ หากเลือกยาต้นแบบต้องร่วมจ่ายเอง พบว่าเป็นข้อมูลเท็จ โดยขอชี้แจงว่า ในขณะนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณายังไม่มีข้อสรุปที่แน่ชัด ขอให้ประชาชนติดตามข่าวความคืบหน้าการดำเนินงาน ผ่านทาง www.cgd.go.th หรือ Facebook กรมบัญชีกลางที่มีเครื่องหมาย verify เท่านั้น เพื่อให้ได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง

ด้านข่าวปลอมอันดับ 2 เรื่อง “ไทยยิงปราสาทพระวิหารเสียหาย” กระทรวงดีอี ประสานงานร่วมกับ กองทัพบก กระทรวงกลาโหม ตรวจสอบพบว่าเป็นข้อมูลเท็จ โดยขอชี้แจงว่า กรณีที่ฝ่ายกัมพูชาได้กล่าวอ้างผ่านสื่อต่างประเทศ ว่าฝ่ายไทยใช้อาวุธยิงสนับสนุนในการปฏิบัติการทางทหาร จนส่งผลให้ปราสาทพระวิหารได้รับความเสียหายในช่วงการสู้รบที่ผ่านมานั้น ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด การปฏิบัติของกำลังทหารไทยมีเป้าหมายอย่างชัดเจนในการตอบโต้เฉพาะต่อกำลังทหารฝ่ายกัมพูชา มิได้มุ่งเป้าไปยังพื้นที่พลเรือน หรือสถานที่ใด ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติการทางทหาร ซึ่งพื้นที่บริเวณปราสาทพระวิหารไม่ได้อยู่ในแนวทิศทางการใช้อาวุธของฝ่ายไทย

อย่างไรก็ตาม ดีอี มีความห่วงใยประชาชน เรื่องความตระหนักรู้เท่าทันข่าวปลอมที่ถูกแพร่กระจายบนสื่อออนไลน์ โซเชียล ซึ่งหากขาดความรู้เท่าทันส่งต่อข้อมูลข่าวปลอม ทำให้เกิดการหลงเชื่อ สร้างความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เกิดความวิตกกังวล หรืออาจสร้างความเสียหายต่อชีวิต ทรัพย์สิน หรือข้อมูลส่วนบุคคล และอาจส่งผลกระทบต่อประชาชนในสังคมเป็นวงกว้าง ดังนั้นจึงควรตรวจสอบข้อเท็จจริงของข่าวหรือลิงก์เว็บไซต์ให้แน่ชัด

หากประชาชน พบข่าวน่าสงสัย ข้อมูลบิดเบือน สามารถแจ้งเบาะแส และตรวจสอบข่าวปลอมได้ที่ โทรสายด่วน 1111 ต่อ 87 (24 ชม.) หรือที่
| เว็บไซต์ www.antifakenewscenter.com
| Line ID: @antifakenewscenter
| Facebook : Anti-Fake News Center Thailand
| X : @AFNCThailand
| TikTok : @antifakenewscenter
| IG : afnc_thailand/

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"กรมทะเล" ขับเคลื่อนภาคีเครือข่ายป่าชายเลนประเทศไทย (TMA) ตั้งเป้าฟื้นฟูป่าชายเลน 5 แสนไร่ ภายในปี 2573
"นายกฯ อนุทิน" ยันยังไม่เปิดด่านชายแดนเขมร ลั่นต้องฟังเสียงปชช. รวมผลเจรจาทางทหารก่อน
สระแก้ว ทีมงาน "กัน จอมพลัง" มอบบังเกอร์มาตรฐานและติดตั้งกล้องวงจรปิด ชายแดนบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว
โคราชปลุกกระแสท่องเที่ยว “คัลเลอร์ฟูล บอลลูน แฟนตาซี” ครั้งแรกที่ปักธงชัย สร้างแลนด์มาร์กใหม่กลางอ่างเก็บน้ำลำสำลาย
"ดีอี" เตือนข่าวปลอม “ปรับสิทธิค่ายาข้าราชการ ปี 69 เบิกได้เฉพาะยาสามัญ” บิดเบือนข้อมูล สร้างความเข้าใจผิด สับสนในสังคม
อบรมอาสาสมัครอำนวยความสะดวก

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​