“เท้ง ณัฐพงษ์” เดินหน้าใช้เสียงสส.กำกับ “รัฐบาล” ปลดล็อกแก้รธน. ฮึ่มปชน.พร้อมล้มทันทีถ้าผิดสัญญา

"เท้ง ณัฐพงษ์" เดินหน้าใช้เสียงสส.กำกับ "รัฐบาล" ปลดล็อกแก้รธน. ฮึ่มปชน.พร้อมล้มทันทีถ้าผิดสัญญา

วันนี้ 10 ก.ย. 68 นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน พร้อมด้วย นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรค พร้อมด้วย สส.ของพรรค แถลงถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย เรื่องกระบวนการจัดทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ

โดยนายณัฐพงษ์ กล่าวว่า พรรคประชาชน ยืนยันว่า เป้าหมายสําคัญในการแก้ไขปัญหาประเทศควบคู่ไปกับการฟื้นฟูความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ คือการจัดทํารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ที่มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่ถูกระบุไว้อย่างชัดเจนในข้อตกลง MOA ที่พรรคประชาชนได้จัดทํากับพรรคภูมิใจไทย

วันนี้ (10 ก.ย.) ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยไว้อย่างชัดเจนแล้วว่า กระบวนการจัดทํารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จะต้องมีการทําประชามติทั้งหมด 2 รอบ ได้แก่
ประชามติรอบที่ 1 เพื่อสอบถามประชาชนพร้อมกันใน 2 ประเด็น คือ 1.1 เห็นด้วยหรือไม่ ว่าสมควรมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และ 1.2เห็นด้วยหรือไม่ กับวิธีการและเนื้อหาเกี่ยวกับการจัดทํารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ตามร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ หมวด 15 ที่รัฐสภาเห็นชอบประชามติรอบที่ 2 เพื่อสอบถามประชาชนว่า เห็นด้วยหรือไม่ กับร่างรัฐธรรนมูญฉบับใหม่

ดังนั้น หลังจากนี้พรรคประชาชนเห็นว่า เราควรเดินหน้าสู่การจัดทําประชามติรอบที่ 1 พร้อมกับการเลือกตั้งทั่วไปที่จะเกิดขึ้นจากการยุบสภาภายใน 4 เดือน หลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) ใหม่ เข้าปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งจะกระทําการได้หลังจากที่รัฐสภาพิจารณา และให้ความเห็นชอบกับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ หมวด 15 เพื่อเพิ่มกลไกในการจัดทํารัฐธรรมนูญฉบับใหม่

ข่าวที่น่าสนใจ

พรรคประชาชน จึงมีข้อเสนอต่อรัฐบาลชุดใหม่ และเพื่อนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ให้มีการดําเนินการ ดังต่อไปนี้ 1. สส. จากแต่ละพรรคการเมือง ควรยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ หมวด 15 เข้าสู่รัฐสภาโดยเร็ว ซึ่งไม่ควรเกินสัปดาห์หน้า เพื่อให้สามารถดําเนินการจัดทําประชามติรอบที่ 1 ได้ทัน พร้อมกับการเลือกตั้งทั่วไปที่จะเกิดขึ้น จากการยุบสภาภายใน 4 เดือน หลัง ครม. ใหม่ เข้าปฏิบัติหน้าที่

ปัจจุบัน ทาง สส.พรรคประชาชน และ สส.พรรคเพื่อไทย ได้ยื่นร่างต่อประธานรัฐสภา และถูกบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมรัฐสภามาก่อนหน้านี้แล้ว ดังนั้น พรรคภูมิใจไทยในฐานะพรรคแกนนํารัฐบาล ควรพิจารณารวบรวมเสียง สส.รัฐบาล เพื่อยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ หมวด 15 ของตนเองเข้าสู่รัฐสภาโดยเร็ว ซึ่งควรมีเนื้อหาที่เป็นการเสนอให้มี สสร.ที่มาจากการเลือกตั้งตามข้อตกลง

แม้ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยว่า รัฐสภาไม่อาจให้ประชาชนเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญโดยตรง แต่เราเห็นว่าคําวินิจฉัยดังกล่าว อาจยังไม่ได้ปิดประตูต่อการมี สสร.ที่มาจากการเลือกตั้ง เนื่องจากรัฐสภา สามารถออกแบบกลไกให้ สสร. ส่งร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่ สสร. จัดทํา มาที่รัฐสภา ก่อนส่งไปทําประชามติกับประชาชนได้ อย่างไรก็ตาม คงต้องรอดูรายละเอียดในคําวินิจฉัยฉบับเต็ม

2. สส.จากแต่ละพรรคการเมือง ควรร่วมกันผลักดันให้มีการเปิดประชุมรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ หมวด 15 ในวาระที่ 1 ภายในเดือนกันยายนนี้ โดยไม่จําเป็นต้องรอการแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภา เนื่องจากเป็นกระบวนการของฝ่ายนิติบัญญัติ ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับฝ่ายบริหารโดยตรง เพราะการดําเนินการดังกล่าว จะเป็นจุดเริ่มต้นสําคัญ ที่จะทําให้เป้าหมายในการจัดทําประชามติรอบที่ 1 พร้อมกับการเลือกตั้งทั่วไป ที่จะเกิดขึ้นจากการยุบสภาภายใน 4 เดือน หลัง ครม. ใหม่ เข้าปฏิบัติหน้าที่ เป็นจริงได้

นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า พรรคประชาชนยืนยันว่า เราจะทําหน้าที่เต็มที่ในฐานะพรรคฝ่ายค้าน เพื่อดําเนินการตรวจสอบเสนอแนะ และผลักดันรัฐบาลใหม่ ให้บริหารประเทศเพื่อประโยชน์ของประชาชน และเดินหน้าสู่การปลดล็อกการจัดทํารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ตามที่ได้สัญญากับประชาชนไว้ในข้อตกลง

เมื่อถามว่า มติเช่นนี้ เหมือนกับการที่รัฐสภายื่นดาบอำนาจให้ศาลรัฐธรรมนูญในการตีความหรือไม่ นายณัฐพงษ์ มองว่า ไม่ได้เป็นการปิดทางมากขึ้นแต่อย่างไร แต่จากคำวินิจฉัยที่บอกว่าให้สามารถทำประชามติ 3 ครั้ง แต่ครั้งที่ 1 และ 2 พร้อม กันได้ ดังนั้น ในวันนี้จึงเป็นที่ชัดเจนว่าสามารถทำประชามติได้ 2 รอบ เพียงแต่รอบแรกต้องมีการทำออกแบบคำถามอย่างไร เป็นเรื่องที่ต้องคุยกันในสภาต่อ

เมื่อถามถึงการที่ในข้อตกลงมีการเขียนไว้ 2 ข้อ แต่ในคำวินิฉัยมีเขียนไว้เฉพาะจำนวนการทำประชามติ และมีเรื่อง สสร. เข้ามาด้วย จะทำให้การเลือกตั้ง สสร. โดยประชาชน แท้งเลยหรือไม่ และได้มีการคุยกับพรรคภูมิใจไทยแล้วหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ยังไม่มีการพูดคุยกันเพิ่มเติม แต่คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญค่อนข้างชัดเจน ที่ยังไม่ได้มีการปิดช่องว่า จะมี สสร. ที่มาจากการเลือกตั้งได้ ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ต่อไป เป็นสิ่งที่พวกเราต้องหารือกันในรัฐสภา เพื่อให้เป็นไปตามข้อตกลง

เมื่อถามถึงคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่รัฐสภาไม่สามารถให้ประชาชนเลือกผู้มาร่างรัฐธรรมนูญได้โดยตรง มองว่าหมายความว่าไม่ได้ปิดกั้น สรร.ใช่หรือไม่นาย ณัฐพงษ์ ระบุว่า ยังมีขั้นตอนรายละเอียดอื่น ๆ เช่น การออกแบบกระบวนการที่เป็นไปได้ แม้แต่การตีความว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ออกมานั้น วินิจฉัยในกรอบรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ก่อนการแก้ไขหมวด 15 ซึ่งไม่มีบทบัญญัติการแก้ไขที่เกี่ยวกับ สสร. ดังนั้น หน้าที่ของสภา คือการแก้ไขเพิ่มเติมหมวด 15 ให้แล้วเสร็จใน 4 เดือน ส่วนรายละเอียดอื่นๆ เป็นหน้าที่ สส.ทุกคน ที่ต้องตกผลึก

เมื่อถามว่า หากสมาชิกมองว่า ควรมีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาให้เรียบร้อยก่อน จึงจะให้ดำเนินการ มีความเป็นไปได้หรือไม่ หรือกลัวไม่ทัน นายณัฐพงษ์ เห็นว่า การแก้ไขเพิ่มเติมในหมวด 15 เป็นหน้าที่โดยตรงฝ่ายนิติบัญญัติ จึงไม่มีความจำเป็นแต่อย่างใดที่ต้องรอการแถลงต่อรัฐสภา ยิ่งทอดเวลาออกไป ยิ่งเพิ่มความเสี่ยง ที่จะทำให้ไม่สามารถดำเนินการได้ทันกรอบเวลา 4 เดือน

 

เมื่อถามถึงกรณีที่หากนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี อาจมีการระบุว่า 4 เดือนไม่ทัน ขอเวลามากกว่านี้ เพื่อให้กระบวนการเสร็จสิ้นโดยไม่มีข้อสงสัยนั้น นายณัฐพงษ์ ย้ำว่า ตนได้ชี้แจงไปหมดแล้วว่า สิ่งที่พรรคประชาชนออกมาแสดงความชัดเจน คือการดำเนินการต่อจากนี้ ควรจะต้องทำอย่างไร เช่น การแก้ไขหมวด 15 โดยเร็วทันที โดยไม่ต้องรอให้มีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ซึ่งถือเป็นทางออกแบบหนึ่ง เพื่อให้บรรลุตามข้อตกลง ส่วนพรรคภูมิใจไทยจะมีการดำเนินการหรือไม่นั้น ยังไม่สามารถตอบแทนได้ เป็นสิ่งที่สื่อมวลชนต้องไปถามนายอนุทิน และพรรคภูมิใจไทย ตนยืนยันว่า การดำเนินการใดๆ ที่จะทำให้พวกเราเห็นว่า พรรคภูมิใจไทยไม่ได้ดำเนินการตามข้อตกลง เราพร้อมใช้เสียงที่มีในสภา กำกับรัฐบาลให้เป็นไปตามข้อตกลง

อย่างไรก็ดี ในขณะนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยกับใครเลย รวมถึงพรรคภูมิใจไทยด้วย เพราะการพูดคุยกับพรรคภูมิใจไทย มีเพียงการพูดคุยผ่านวิปตามปกติ ย้ำว่า ตั้งแต่การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ไม่มีการต่อสายตรงหลังบ้าน ไม่เคยมีการสื่อสารใดๆ กับหัวหน้าพรรคการเมืองใด ที่ผ่านมา พวกเราพยายามทำหน้าที่ในฐานะฝ่ายค้าน ที่ไม่มีอำนาจในการกำกับทิศทางฝ่ายบริหารโดยตรง

เมื่อถามว่า หากนายอนุทิน ไม่เห็นด้วยกับการตีความของพรรคประชาชน ทั้งเรื่อง สสร.และการจัดทำประชามติ จะทำอย่างไร นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ต้องรอพูดคุยแลกเปลี่ยนกันก่อน โดยสำนึกของวิญญูชน เราสามารถเห็นได้ว่า พรรคภูมิใจไทยมีความจริงใจมากน้อยแค่ไหน ในการเดินหน้าตามเจตนารมณ์ของข้อตกลง เพราะหากมีการบิดพลิ้ว เราก็พร้อมใช้ 143 เสียงล้มรัฐบาลทันที และกำกับทิศทางรัฐบาลให้เป็นไปตามข้อตกลงมากที่สุด

สำหรับกรณีที่นายปิยบุตร แสงกนกกุล กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า แสดงความเห็นว่า เมื่อกำหนดกรอบไว้มากขนาดนี้ ต่อให้ดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญได้จริงตามกระบวนการ แต่ก็อาจไม่ใช่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่แท้จริง เห็นด้วยหรือไม่ นายณัฐพงษ์ ระบุว่า เป็นหน้าที่ของ สส.ทุกคน ที่ต้องผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของประชาชน ในฐานะผู้มีอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญมากที่สุด

 

นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงการเปิดตัว นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ โดยระบุว่า พร้อมทำหน้าที่ตรวจสอบในฐานะฝ่ายค้านทันทีที่มีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ณ ตอนนี้ หากให้ความเห็นไปในฐานะผู้นำฝ่ายค้านแล้วมีการปรับปรุงโฉมหน้า ครม. ตามที่ตนให้ความเห็น จะกลายเป็นว่าพรรคประชาชนไปยุ่งเกี่ยวกับ ครม. ซึ่งเป็นเส้นแบ่งที่ไม่ถูกต้อง ที่เราพยายามสื่อสารกับสังคมมาโดยตลอด ดังนั้น ความคิดเห็นใดๆ เกี่ยวกับการจัด ครม. ขอให้เป็นข้อคิดเห็นของสาธารณชน และ สส.ทุกคน แต่ในฐานะหัวหน้าพรรค ขอรอให้เกิดความชัดเจนก่อน

เมื่อถามว่ามีการบ้านอะไรที่จะมอบให้รัฐมนตรีใหม่หรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า กรอบเวลา 4 เดือน ก็เป็นกรอบระยะเวลาสั้นๆ ที่ตนอยากให้รัฐบาลชุดใหม่ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ที่สุด และอย่าลืมคำนึงถึงผลผูกพัน เช่น การใช้จ่ายงบประมาณไปถึงรัฐบาลชุดหน้า สิ่งที่เราต้องการตอนนี้ คือรัฐบาลชุดใหม่ที่ประชาชนเลือกมาไปพร้อมกับการเปิดประตูแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ก็คงไม่ฝากอะไรมากไปกว่าให้ทุกคนเดินหน้าไปตาม MOA ที่ทำมา

เมื่อถามว่าพรรคประชาชนสามารถตรวจสอบว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นบุรีรัมย์คอนเนคชัน และเป็นคนสนิทของ สว.สีน้ำเงิน ได้หรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ก็พร้อมตรวจสอบทันที อยากให้จับตาการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาวันแรก ที่นอกเหนือจากเนื้อหาที่จะแถลง ก็ยังมีความเหมาะสมของ ครม. ที่เราเตรียมเนื้อหาไว้อภิปรายเรียบร้อยแล้ว

ส่วนที่มีคนมองว่าเป็นความรับผิดชอบของนายณัฐพงษ์ ที่ทำให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นบุรีรัมย์คอนเนคชัน นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า อย่างที่บอกไป ขอยังไม่ให้ความเห็นในส่วนนี้ รอการแต่งตั้งและทำหน้าที่อย่างเป็นทางการก่อนดีกว่า

“ผมพร้อมให้ความคิดเห็นอย่างเต็มที่เรื่อง ครม. แต่หากตนให้ความเห็นไปก่อน แล้วมีการปรับเปลี่ยน ครม. ก็แปลว่าตนไม่ได้ดำรงสภาพในพรรคฝ่ายค้าน”

ขณะที่ตำแหน่งที่มีการยืนยันแล้ว เช่น นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีจะควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยด้วย จะทำให้เกิดข้อครหาหรือไม่ ควรจะเป็นคนกลางหรือคนนอกมารับตำแหน่งนี้หรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่ 100% อาจจะยังมีการปรับเปลี่ยนได้ ตอนนี้ขออนุญาตจริงๆ ว่ายังไม่ให้ความเห็นในส่วนนี้

ผู้สื่อข่าวถามว่าการไม่ให้ความเห็นเท่ากับยอมรับหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า รอดูการทำหน้าที่วันแรกของการเป็นพรรคฝ่ายค้านอย่างเต็มตัว หมุดหมายวันแรกคือการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา วันนั้นถ้ามีความชัดเจนแล้ว เราพร้อมจะตรวจสอบอย่างเต็มที่และตรงไปตรงมาแน่นอน

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) จีนปล่อยจรวดกลางทะเล ส่งดาวเทียมดวงใหม่สู่วงโคจร
(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) COMAC ส่งมอบ 'เครื่องบินกู้ภัยทางการแพทย์' ลำแรกของจีน
รวบ 2 หนุ่มเมียนมาเสพยา วิ่งหนีตำรวจเข้าป่าแต่ไม่รอด
(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) หุ่นยนต์นักกีฬาทีมจีน-ไทย ปะทะฝีแข้งงาน RoboCup ในฉงชิ่ง
ซ้อมแผนอพยพหนีไฟ เสริมความปลอดภัยด้านอัคคีภัยระดับจังหวัด
ตำรวจหญิง สภ.เมืองประจวบฯ ช่วยเหลือลุงพิการท่ามกลางสายฝน

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​