ไม่ยอมง่ายๆ “สส.เพื่อไทย” รวมตัวยื่นหนังสือถึงประธานสภาฯ ส่งคำร้องศาลรธน.วินิจฉัยสมาชิกภาพ “อนุทิน-ณัฐพงษ์” ทำ MOA ตั้งรัฐบาลขัดรัฐธรรมนูญ – Top News รายงาน
เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2568 รายงานข่าว ระบุว่า สส.พรรคเพื่อไทย นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย เข้าชื่อยื่นหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอให้ส่งคำร้องเรียนถึงศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาวินิจฉัยสมาชิกภาพ สส.นายอนุทิน ชาญวีรกูล สส. พรรคภูมิใจไทย และนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส. พรรคประชาชน สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101(3) ประกอบกับมาตรา 185 (1)(2) หรือไม่
ด้วยผลจากการที่ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยให้ความเป็นรัฐมนตรีของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต้องสิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 170 (4) ประกอบ มาตรา 160 (5) ตามเรื่องพิจารณาที่ 17/2568 เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2568 จึงทำให้รัฐมนตรีต้องพ้นจาก ตำแหน่งทั้งคณะ ตามมาตรา 167 (1) ซึ่งตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 168 วรรคหนึ่ง (1) บัญญัติให้คณะรัฐมนตรีที่พ้นจากตำแหน่งในกรณีดังกล่าวให้อยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าคณะรัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นใหม่จะเข้ารับหน้าที่ ยกเว้นนายกรัฐมนตรีจะอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปมิได้ ต่อมาคณะรัฐมนตรีได้มีมติให้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรีนั้น
เมื่อนายกรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่งข้างต้นแล้ว ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ต้องดำเนินการตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ มาตรา 154 ให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคล ซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่แทน ซึ่งตามหลักการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และตามประเพณีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยของประเทศไทย พรรคการเมืองที่จะเสนอบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น จะต้องรวบรวมเสียงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรให้ได้มากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร ตามที่บัญญัติไว้ในวรรคสามของมาตรา 159 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
ข้อเท็จจริงปรากฏว่าพรรคภูมิใจไทยได้รวบรวมเสียง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคการเมืองอื่นได้เพียงไม่เกิน 146 เสียงจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มีอยู่ใน ปัจจุบัน 492 เสียง เมื่อไม่สามารถหาเสียงในจำนวนที่มากกว่ากึ่งหนึ่งได้จึงได้ทำข้อตกลงร่วมกับพรรคประชาชน โดยตกลงกันว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคประชาชนจะให้ความเห็นชอบ นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ โดยพรรคประชาชนจะไม่เข้าร่วมรัฐบาล ภายใต้เงื่อนไขที่พรรคประชาชนและพรรคภูมิไทย งตกลงร่วมกัน ดังต่อไปนี้
1. นายกรัฐมนตรีคนใหม่ต้องยุบสภาผู้แทนราษฎรภายใน 4 เดือน นับตั้งแต่วันที่ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภา เพื่อจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป
2. ในกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ในการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จำเป็นต้องมีการออกเสียงประชามติก่อนที่รัฐสภาจะดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ตามมาตรา 256 นั้น คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ต้องจัดให้มีการออกเสียงประชามติในประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 เพื่อนำไปสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้งโดยเร็ว ทั้งนี้ต้องไม่เกินกว่าวันลงคะแนนเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป
3. ในกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ในการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ไม่จำเป็นต้องมีการออกเสียงประชามติก่อนที่รัฐสภาดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ตามมาตรา 256 นั้น คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ พรรคประชาชน และพรรคภูมิใจไทยจะเร่งผลักดันร่างรัฐธรรมญแก้ไขเพิ่มเติม เพื่อกำหนดให้มีกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้งให้แล้วเสร็จในวาระของสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้โดยเร็ว
4. เพื่อสร้างหลักประกันว่านายกรัฐมนตรีคนใหม่จะยุบสภาผู้แทนราษฎรภายใน 4 เดือนจริง พรรคภูมิใจไทยต้องไม่ดำเนินการโดยวิธีการใดๆ เพื่อทำให้เป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก
5. พรรคประชาชนยืนยันเป็นฝ่ายค้านต่อไป โดยจะทำหน้าที่ตรวจสอบการบริหารราชการแผ่นดิน ของรัฐบาลชุดใหม่อย่างเต็มที่ และจะไม่มีบุคคลใดจากพรรคประชาชนไปดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี