สนธยายันพัทยาพร้อมสุดขีด เปิดเมือง 1 พ.ย.รับนักท่องเที่ยวต่างชาติ

กำหนดมาตราการคุมเข้มโควิด -19 สำหรับโรงแรม ที่พัก ร้านอาหาร ปรับปรุงถนนหนทาง พัฒนาชายหาดสะอาด ขยายหน้าหาดให้ลึกขึ้นเพื่อรองรับการทำกิจกรรม ตั้งเป้ามีนักท่องเที่ยวเข้าพัทยาเดือนละ 2 แสนคน อนาคตเล็งปรับยุทธศาสตร์ให้พัทยาเป็นที่อยู่อาศัยที่ทำงานไม่ใช้มาเที่ยวอย่างเดียว วางเป้าหมายเป็นเมืองหลวงอีอีซีรองรับ 15 ล้านคน

นายสนธยา คุณปลื้ม นายกฯเมืองพัทยา ให้สัมภาษณ์พิเศษ “ท็อปนิวส์” ถึงการเตรียมความพร้อมเปิดเมืองพัทยา หรือ “พัทยา มูฟ ออน ” ( Pattaya move on) ในวันที่ 1 พ.ย. เพื่อรองรับการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติภายใน 120 วัน ตามที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯประกาศไปเมื่อวันจันทร์ที่ 11 ต.ค.ที่ผ่านมา ทั้งนี้ในส่วนของเมืองพัทยาได้มีการเตรียมความพร้อมไว้หลายเรื่อง ประกอบด้วย

 

1. ประสานผู้ประกอบการโรงแรม ร้านอาหาร ธุรกิจบริการ เพื่อเตรียมความพร้อมในการเปิดให้บริการกับนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามา รวมถึงมาตราการรักษาความปลอดภัยจากโควิด -19 ทั้งพนักงานโรงแรม เจ้าหน้าที่ต่างๆ ต้องมีการตรวจอย่างเข้มข้นต่อเนื่อง ที่พักทุกแห่งต้องมี SHA มาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัยเพื่อนักท่องเที่ยว

2. การเตรียมความพร้อมเรื่องถนนหนทาง ที่จอดรถ สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆนาๆ ล่าสุดได้มีการปรับปรุงความสะอาดของชายหาดทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น หาดกระทิงลาย หาดวงศ์อำมาตย์ หาดพัทยา หาดจอมเทียน รวมถึงขยายความลึกของชายหาดเพื่อเพิ่มพื้นที่ในการทำกิจกรรมได้มากขึ้น โดยประสานงานกับกรมเจ้าท่าเบื้องต้นชายหาดพัทยาสามารถเพิ่มความลึกหน้าหาดได้เพิ่มขึ้นเป็น 35 เมตร โดยใช้งบประมาณไป 400 ล้านบาทขณะนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว ขณะที่หาดจอมเทียนมีโครงการขยายความลึกของหาดทรายให้ได้ 50 เมตรใช้งบประมาณ 1,000 ล้านบาท แบ่งเป็นเฟสแรก 3.5 ก.ม. และเฟสสองอีก 3.5 ก.ม.เพื่อรองรับการทำกิจกรรมของนักท่องเที่ยว

3. ปรับปรุงเรื่องระบบน้ำทั้งอุปโภคและบริโภคในเมืองพัทยา เรื่องบริหารจัดการน้ำดีและน้ำเสีย การเพิ่มปริมาณน้ำปะปาให้เพียงพอกับการใช้งานของภาคธุรกิจ ทั้งโรงแรม ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร ภัตตาคาร ฯลฯ ทุกแห่งในพัทยา จากเดิม 1 แสนคิวต่อวันขยายเป็น2.5 แสนคิวต่อวัน

4.จัดเทศกาลและกิจกรรมรองรับนักท่องเที่ยวตลอดเดือนพ.ย.ถึงธ.ค. โดยปีนี้จะเพิ่มการจัดงานดนตรีพัทยามิวสิคเฟสติวัลจากเดิม 2 อาทิตย์เป็น 4 อาทิตย์ รวมถึงงานกิจกรรมอื่นๆ ตลอด 2 เดือนที่เป็นไฮซีซั่นเพื่อต้อนรับการกลับมาของนักท่องเที่ยว ประกอบด้วย สัปดาห์ที่ 1-2 พ.ย.จะเป็นเทศกาลพัทยามิวสิคเฟสติวัล ช่วงที่ 1 สัปดาห์ที่ 3 เทศกาลลอยกระทง สัปดาห์ที่ 4 งานพลุไฟพัทยา จากนั้นในเดือนธ.ค. สัปดาห์ที่ 1-2 เทศกาลพัทยามิวสิคเฟสติวัล ช่วงที่ 2 สัปดาห์ที่ 3 เทศกาลถนนคนเดินถิ่นนาเกลือ สัปดาห์ที่ 4 เคาท์ดาวน์พัทยา จากนั้นในปีหน้า 2565 เมืองพัทยาจะมีการจัดกิจกรรมใหญ่ 8 เทศกาลตลอดทั้งปีเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว

นายสนธยากล่าวต่อว่า ทั้งนี้สำหรับนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาเที่ยวในเมืองพัทยา หากผ่านการตรวจตามมาตราการของรัฐที่สนามบินสุวรรณภูมิหรือดอนเมืองหรืออู่ตะเภาแล้ว ก็สามารถท่องเที่ยวทุกพื้นที่ได้ตามปกติตามนโยบายเปิดประเทศที่พล.อ.ประยุทธ์ประกาศไปเมื่อ 11 ต.ค. โดยเบื้องต้นเราตั้งเป้าหมายว่าหลังเปิดประเทศ 1 พ.ย. จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาราว 20 % ของนักท่องเที่ยวในช่วงปกติที่เคยมีมาก่อนหน้านี้ ซึ่งเดิมในช่วงเดือนพ.ย.-ธ.ค.ที่เป็นไฮด์ซีซั่นจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาพัทยาราว 1-2 ล้านคน เพราะฉะนั้นเป้าหมายของเราจึงวางไว้อยู่ที่เดือนละ 2 แสนคนหรือใกล้เคียงให้ได้มากที่สุด

นายกฯเมืองพัทยากล่าวต่อว่า หลังเกิดวิกฤติโควิด-19 อนาคตพัทยาจะต้องปรับแนวคิดและยุทธศาสตร์ใหม่ในการรองรับนักท่องเที่ยว จากเดิมที่พัทยาเป็นเมืองที่พึ่งพิงเศรษฐกิจขาเดียวคือมีรายได้มาจากการท่องเที่ยวเท่านั้น ต่อไปพัทยาต้องปรับไปเน้นในเรื่องความเป็นเมื่องแห่ง 1. การอยู่อาศัย 2.การทำงาน เพื่อดึงนักท่องเที่ยวให้อยู่ในพัทยามากขึ้น นอกจากนี้ในอนาคตพัทยาจะต้องเตรียมความพร้อมในการรองรับการลงทุนจากโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ที่อีก 5 ปีข้างหน้าจะมีการลงทุนเพิ่มมากขึ้นถึง 2 ล้านล้านบาท และมีคนเข้ามาทำงานในอีอีซีมากถึง 15 ล้านคน ครอบคลุมทุกโครงการทั้งรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน สนามบินอู่ตะเภา ท่าเรือมาบตาพุด ท่าเรือแหลมฉบัง ฯลฯ

เพราะฉะนั้นพัทยาจะเปรียบเสมือนเมืองหลวงของอีอีซี อนาคตเราเตรียมโครงการรถไฟรางเบา (แทรม-TRAM) ซึ่งจะเชื่อมต่อจากสถานีรถไฟความเร็วสูงสถานทีพัทยาเข้ามาในตัวเมืองเลย โดยล่าสุดเราได้ทำการศึกษาโครงการรถไฟรางเบาพัทยาไว้เรียบร้อยหมดแล้ว โดยในเฟสแรกจะมีระยะทาง 9.9 ก.ม. มี 14 สถานี เริ่มตั้งแต่สถานีแรกที่เชื่อมจากรถไฟความเร็วสูงมาถึงแหลมบาลีไฮ เบื้องต้นคาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 2 หมื่นล้านบาท โดยจะเป็นการลงทุนก่อสร้างโครงการในรูปแบบ PPP ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการรอผลการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม รวมถึงต้องรอดูท่าทีจากซีพีในเรื่องการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงซึ่งมีแนวโน้มว่าซีพีอาจจะขยับพื้นที่การก่อสร้างสถานีพัทยาใหม่จากพื้นที่เดิมที่วางไว้ก่อนหน้านี้ เมื่อทุกอย่างแล้วเสร็จก็จะได้นำเสนอข้อมูลทั้งหมดแก่รัฐบาล
///////////////////////

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ยกระดับสินค้าสหกรณ์ตามมาตรฐาน “จีเอพี” สู่ความยั่งยืนอีกก้าวของเกษตรกรสมาชิก
รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยวเดินสายสร้างความเชื่อมั่นการท่องเที่ยวของไทยกับประชาคมต่างชาติ
"โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ" ประณามกัมพูชา ใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ทำทหารไทยขาขาด 1 นายที่ปราสาทตาควาย
“นฤมล” รับสะเทือนใจ เหตุนร.เขมรถูกจับ ย้ำศธ.ยึดหลักมนุษยธรรม พร้อมดูแลปัญหาร่วมหน่วยงานเกี่ยวข้อง
ปทุมธานี-ตร.ทางหลวงหน้าแตกดักจับรถสิบล้อน้ำหนักเกินแต่พอชั่งแล้วไม่เกินรีบเผ่นแน่บ
"อธิบดีอัยการฯ" ยื่นมือช่วยนร.เขมรโดนแจ้งจับในไทย "ภูมิธรรม" สั่งการมท.เร่งหาทางออกดีที่สุด

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​