ข่าวที่น่าสนใจ
โดยการลงนาม MOU ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันในการศึกษาและพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการเพาะเลี้ยงจุลสาหร่าย การสกัดน้ำมันจากจุลสาหร่าย และการผลิตอาหารสัตว์จากกากจุลสาหร่ายรวมถึงเป็นกรอบความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนข้อมูล ความรู้ และประสบการณ์ระหว่างคู่ความร่วมมือและส่งเสริมการสร้างคุณค่าและการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรชีวภาพอย่างยั่งยืน
“ความร่วมมือในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญในการใช้ทรัพยากรชีวภาพอย่างคุ้มค่า เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้ง ยังเปิดโอกาสให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีชีวภาพ พลังงานสะอาด พร้อมพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่เพิ่มมูลค่าสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้แก่ชุมชนเกษตรกร ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนานวัตกรรมด้านพลังงานและการเกษตรของประเทศไทย นับเป็นจุดเริ่มต้นของความสำเร็จจะก่อให้เกิดนวัตกรรมที่มีคุณค่าทั้งด้านพลังงาน เกษตรกรรม และสิ่งแวดล้อมนำพาประเทศไทยก้าวไปสู่อนาคตที่มั่นคงและยั่งยืน”นายอรรถกร กล่าว
นายอรรถกร กล่าวต่อด้วยว่า ทั้งสามฝ่ายพร้อมผนึกกำลังในการขับเคลื่อนในการพัฒนา “จุลสาหร่าย”ทั้งในด้านกรอบการวิจัย การพัฒนา การแบ่งปันข้อมูล การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ความร่วมมือทางวิชาการ รวมทั้งการร่วมกันผลักดันให้เกิดการใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ที่เหมาะสม โดยในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะดำเนินการในการร่วมพิจารณาและวิเคราะห์แนวทางการบริหารจัดการและเทคโนโลยีด้านการเพาะเลี้ยงและสกัดน้ำมันจากจุลสาหร่าย รวมทั้งการผลิตอาหารสัตว์ พร้อมทั้ง ประสานงานและเจรจากับหน่วยงานภายนอกที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้โครงการเป็นรูปธรรมและเกิดประสิทธิภาพต่อไป
ภาพ/ข่าว ทีมข่าว TOPNEWS ทั่วไทย จ.เชียงราย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง