นายกฯนำครม.วางพวงมาลาถวายบังคมน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ในหลวง ร.9

นายกฯนำครม.วางพวงมาลาถวายบังคมน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ในหลวง ร.9

วันนี้ (13 ตุลาคม 2564) เวลา 08.30 น. ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและภริยา เป็นประธานพิธีวางพวงมาลา เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร 13 ตุลาคม 2564 โดยมี รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เข้าร่วมพิธี

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีและผู้ร่วมพิธีถวายความเคารพหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรแล้ว วางพวงมาลาหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร จากนั้นนายกรัฐมนตรีกล่าวน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ

“เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศ มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในวันนี้ ข้าพระพุทธเจ้า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรี ข้าราชการ และพสกนิกรชาวไทย ทุกหมู่เหล่า ต่างน้อมจิตมั่นร้อยรวมดวงใจเป็นหนึ่งเดียวกัน เพื่อแสดงความจงรักภักดี และน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาสุดมิได้

ปวงข้าพระพุทธเจ้าต่างประจักษ์ชัดแจ้งที่ตลอดรัชสมัยของพระบาทสมเด็จ พระบรมชนกาธิเบศ มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงปกครองอาณาประชาราษฎร์ด้วยทศพิธราชธรรม และทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจเป็นอเนกประการ เพื่อวางรากฐานการพัฒนาประเทศให้มีความเจริญก้าวหน้าอย่างมั่นคง ทรงเป็น พระมหากษัตริย์นักพัฒนา และเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนในชาติ พระราชกรณียกิจน้อยใหญ่ที่ทรงปฏิบัติบำเพ็ญด้วยพระราชวิริยอุตสาหะ ยังคงผลิดอกออกผลและสร้างความผาสุกร่มเย็นแก่พสกนิกรจวบจนกาลปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ศาสตร์แห่งพระราชา” ซึ่งยังประโยชน์อันไพศาลแก่พสกนิกรและผืนแผ่นดินไทย ด้วยพระราชปณิธานที่ทรงมุ่งหวังให้ปวงประชาสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีคุณภาพ และเกิด การพัฒนาประเทศอย่างสมดุลและยั่งยืน

ด้วยพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้น พระองค์จึงสถิตอยู่ในดวงใจของทวยราษฎร์ตลอดมา ทรงเป็นมิ่งขวัญ เป็นกำลังใจ และกำลังศรัทธาของชาวไทยทุกหมู่เหล่า ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย จักขอสืบสานพระราชปณิธานด้วยความจงรักภักดี จะยึดมั่นในการปฏิบัติดี เพื่อรักษาชาติ บ้านเมือง และสร้างสรรค์คุณประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชนสืบไป

ในโอกาสนี้ ขอให้ผู้ที่ชุมนุมกัน ณ สถานที่แห่งนี้และสถานที่ต่าง ๆ พร้อมใจกันยืน สงบนิ่ง เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศ มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ผู้ทรงเป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทย และขอเทิดทูนพระองค์ไว้เหนือเกล้าเหนือกระหม่อม ตราบนิจนิรันดร์”

นายกรัฐมนตรีได้นำผู้เข้าร่วมพิธียืนสงบนิ่งน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ เป็นเวลา 89 วินาที จากนั้นถวายความเคารพหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

จากนั้นพลเอกประยุทธ์ ได้โค้งคำนับน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณฯ ต่อหน้าสื่อมวลชนด้วย ขณะที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวเนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร โดยมั่นใจว่าประชาชนชาวไทย จะยังคงรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ ตลอดเวลา ไม่เฉพาะวันนี้ แต่ในทุกวันที่ผ่านมาและในอนาคตข้างหน้าตลอดไป เพราะสิ่งที่พระองค์ท่านได้ทรงทำมาเป็นประโยชน์มหาศาลกับประเทศและบ้านเมือง และยังเป็นทิศทางสำหรับให้คนไทยทั้งประเทศเดินไปข้างหน้า ถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้า ล้นกระหม่อมของคนไทยทุกคน

นอกจากนี้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้เห็นคลิปวีดีโอเมื่อปี2559 ในการสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษโดย เอกอัครทูตสหรัฐอเมริกาประจำสหประชาชาติสแมนต้า ได้ลุกขึ้นพูดต่อหน้าที่ประชุมใหญ่สมัชชาสหประชาชาติท่ามกลางสมาชิกกว่า 200 ประเทศ โดยได้กล่าวถึงพระเกียรติคุณของในหลวงรัชกาลที่ 9 ไว้อย่างน่าประทับใจทั้งเรื่องพระราชกรณียกิจเรื่องแก้มลิงเรื่องการไม่ประทับอยู่ในพระราชวังแต่เสด็จไปเยี่ยมราษฎร และพูดถึงครอบครัว โดยเอกอัครทูตสแมนต้าได้ยกย่องที่ 9 ทรงยิ่งใหญ่ โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกายกย่องว่ายิ่งใหญ่ เนื่องจากทรงได้พระบรมราชสมภพที่สหรัฐอเมริกาและเข้าพระทัยถึงความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับอเมริกาเป็นอย่างดี และทูตสหรัฐได้ชื่นชมในหลายเรื่องมากแต่คนไทยอาจจะเห็นจนชินตาและมองผ่าน ๆ แต่ฝรั่งได้เห็นเกิดความประทับใจ แล้วจบจนวันนี้ผ่านไป 5 ปีในวันคล้ายวันสวรรคตพระองค์ยังสถิตในหทัยราษฏร์ และคนไทยยังไม่ลืมพระมหากรุณาธิคุณ ไม่ลืมรอยพระบาทที่ย่างกราย พระราชดำรัสที่ทรงรับสั่ง รวมถึงพระราชกรณียกิจที่ทรงกระทำบำเพ็ญเพื่อคนไทย และวันนี้ก็เกิดดอกออกผลขึ้นมาอย่างมากมาย เพราะฉะนั้น 13 ตุลาคม เป็นวันสำคัญ เพื่อให้พวกเราได้รำลึกถึงวันสวรรคตที่ทรงจากไปเมื่อปี 2559 ส่วนตัวเชื่อว่าจะอยู่ในหัวใจของคนไทยทุกคน

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

สิบล้อขับพุ่งชนรถพ่วงจอดเสียซ่อมข้างทาง พบยาบ้า ยาไอซ์ และ เครื่องชั่ง
ทหารพราน ทพ.1304 สังกัด กองกำลังบูรพา รวบ 6 คนไทย ลอบข้ามแดนกลับไปทำงานคาสิโนปอยเปต
“นายกฯ” ยันเหตุไมค์โขกศีรษะ นักข่าวไม่ได้ตั้งใจ ขอบคุณทุกความห่วงใย
ชาวบ้านรวมใจส่งใจไปชายแดน มอบสิ่งของเป็นขวัญกำลังให้ทหารหาญ
"มนพร" เดินหน้าผลักดัน "ท่าเรือระนอง" รับมือขนส่งสินค้าพุ่ง 251 % สั่งการ กทท.เร่งดำเนินการยกระดับเทียบชั้นสากล
รมว.กลาโหมกัมพูชาแขวะกองทัพไทยอวดศักยภาพอาวุธ
จีนดับ 3 รายน้ำท่วม 'อาคารจอดรถใต้ดิน'หูหนาน
“อนุทิน” ยันข่าวปลอม “เนวิน” คุยลุง หนุน “พีระพันธุ์” เป็นนายกฯ สวน “ภูมิธรรม” ไม่เคยคิดฉวยโอกาส ลั่นชัดไม่ตั้งรัฐบาลสู้
จันทบุรี กัมพูชาส่งเอกสารปิดผนึกถึงผู้ว่าจันทบุรี
"พงศ์พรหม" ชำแหละ "นายกอิ๊งค์" โดนแบล็คเมล์ รอบ 2 โชว์บุญคุณ เหนือตระกูลชิน ชี้ไม่จบง่าย "ฮุน เซน" ขย่มต่อนักการเมือง ทุนไทยเทา

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น