“กองทัพภาคที่ 1” สรุปผลประชุม RBC ไทย-กัมพูชาเห็นชอบ 13 ข้อตกลงหยุดยิง เพิ่มร่วมกำจัดทุ่นระเบิด-ปราบสแกรมเมอร์

"กองทัพภาคที่ 1 " สรุปผลประชุม RBC ไทย-กัมพูชาเห็นชอบ 13 ข้อตกลงหยุดยิง เพิ่มร่วมกำจัดทุ่นระเบิด-ปราบสแกรมเมอร์

22 สิงหาคม 2568 ที่สโมสรสรนายทหาร มณฑลทหารบกที่ 19 พลโท อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาคที่ 1  นำแถลงสรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคไทย-กัมพูชา (RBC) ในระดับแม่ทัพ ฝั่งกองทัพภาคที่ 1 โดยทั้ง 2 ฝ่าย ตกลงด้วยดี ตอบรับ 13 ข้อตกลงหยุดยิง จากการประชุม GBC ที่ผ่านมา นอกจากนี้ที่ประชุมได้เห็นชอบเพิ่มเติม 3 ประเด็น จากที่ไทยเสนอ 4 ประเด็น คือ

ข่าวที่น่าสนใจ

2. ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกัน ร่วมมือประสานงานกันแก้ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยให้ใช้เวทีมหาดไทยกัมพูชา หารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทย และเห็นควรให้เสนอหารือร่วมกัน GBC ครั้งต่อไป

3. ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบ ให้มีกลไกแก้ปัญหา ด้วยการจัดตั้งชุดประสานงาน Coordination Group (CG) และคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่น เพื่อเป็นกลไกรองรับคณะ RBC ในการแก้ไขปัญหาระดับพื้นที่

 

 

ส่วนข้อที่ 4 ในการแก้ไขปัญหาการละเมิด MOU43 ฝ่ายกัมพูชาขอให้ใช้กลไกอื่นในการหารือ เพราะไม่ได้อยู่ในอำนาจของ RBC โดยฝ่ายไทยยืนยันเสนอให้ฝ่ายกัมพูชาได้ทราบว่าเป็นพื้นที่ที่สำคัญ และได้แจ้งเจตนารมณ์ที่ชัดเจนของฝ่ายไทยในการแก้ไขปัญหา

 

ทั้งนี้ แม่ทัพภาคที่ 1  ย้ำว่า เรื่องนี้กัมพูชาขอไปใช้กลไก JBC หรือคณะกรรมาธิการร่วมเขตแดนไทยกัมพูชาแทน แต่อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ก็ต้องเสนอผ่านกลไก GBC

 

 

 

ทั้งนี้ พลโท อมฤต ยังย้ำว่า การประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค(RBC) ไทย – กัมพูชา สมัยวิสามัญ ในครั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายมีความเห็นตกลงกันด้วยดี

ขณะที่ กองทัพภาคที่ 1 ยืนยันว่าไทยยึดถือการปฏิบัติทุกอย่างโดยใช้แผนที่ 1 ต่อ 50,000 ซึ่งลักษณะพื้นที่ของ กองทัพภาคที่ 1 แตกต่างจาก กองทัพภาคที่ 2 เพราะพื้นที่ กองทัพภาคที่ 2 มีลักษณะภูมิประเทศเด่นชัด โดยเฉพาะที่ติดกับกัมพูชาเป็นแนวเทือกเขา คือ เทือกเขาพนมดงรัก ทอดยาวชัดเจนโดยเฉพาะที่ติดกับกัมพูชาเป็นหน้าผาสูง และไม่มีชุมชนขนาดใหญ่ตามแนวชายแดน  แต่พื้นที่ของ กองทัพภาคที่ 1 เป็นพื้นที่ราบแบบดินต่อดิน

การกำหนดแนวชายแดนใช้หมุดหลักเขตเป็นช่วง ๆตลอดพื้นที่ อาจมีแนวคลองลึก, คลองน้ำใส เป็นบางช่วง และมีชุมชนตลอดแนวชายแดนหนาแน่นทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งเป็นไปตามแผนที่ 1 ต่อ 50,000 โดย กองทัพภาคที่ 1 สามารถดูแล และควบคุมหลักเขตได้ มีเฉพาะบางหลักเขต ที่กัมพูชาไม่ยอมรับถึงเป็นที่มาของ MOU 43 ซึ่งเป็นการทำข้อตกลงระหว่างรัฐบาลทั้ง 2 ประเทศ โดยห้ามทำสิ่งใดๆ ภายในพื้นที่ที่ยังตกลงไม่ได้จนกว่าจะดำเนินการปักปันเขตแดนเสร็จ โดยได้รับความยินยอมทั้ง 2 ประเทศ
ส่วนการปฏิบัติในพื้นที่ของ กองทัพภาคที่ 1 สถานการณ์ความตึงเครียดเกิดขั้นในพื้นที่ กองทัพภาคที่ 2 ตั้งแต่เดือน ก.พ.68 มีการยั่วยุมาโดยตลอด ตั้งแต่การร้องเพลงชาติที่ประสาทตาเมือนธม , เหตุการณ์ที่ช่องบก การวางทุ่นระเบิด และยกระดับเริ่มมีการปฏิบัติทางทหารในวันที่ 24 ก.ค. 68 ซึ่งตลอดห้วงระยะเวลาดังกล่าว ทั้งสองฝ่ายได้มีการเพิ่มเติมกำลังพล และยุทโธปกรณ์ รวมทั้งการดัดแปลงที่มั่นคงแข็งแรงทางทหารมา   โดยต่อเนื่องภาพรวมของกองทัพบก กองทัพบก ได้สั่งการให้ กองทัพภาคที่ 1 เริ่มเคลื่อนย้ายเข้าพื้นที่ปฏิบัติการเมื่อวันที่ 24 ก.ค.68 และเข้าพื้นที่ครบทุกหน่วยในบ่ายวันที่ 25 ก.ค.68 และเริ่มทำการปฏิบัติต่อที่หมายในเวลา 0500 วันที่ 26 ก.ค.จนถึง 28 ก.ค.68

ส่วนการปฏิบัติในพื้นที่ บ.หนองจาน ทางกองทัพภาคที่1 ทำการผลักดันและรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างทางทหารได้โดยไม่มีการปะทะ หลังจากนั้นจึงมาวางแนวรั้วลวดหนามป้องกันตนเอง  ทางยุทธวิธีเพื่อป้องกันกำลังพลของฝ่ายเรา โดยสามารถควบคุมพื้นที่ลักษณะเช่นเดียวกับปราสาท   ตาควาย และควบคุมประชาชนชาวกัมพูชาได้

และตามที่มีข่าวว่า กองทัพภาคที่ 1 วางลวดหนามหลังแนวชายแดนที่มีหมุดหลักเขต ขอทำความเข้าใจว่าหมู่บ้านหนองจานเป็นพื้นราบอยู่ระหว่างหลักเขตที่ 46 และ 47 เพราะฉะนั้นจะไม่มีหมุด หลักเขต แต่มีการนำภาพหมุดหลักเขตมาประกอบภาพกับแนวลวดหนามบ้านหนองจาน จึงไม่เป็นความจริง

สำหรับบ้านหนองจานเป็นศูนย์อพยพเก่าที่ชาวกัมพูชาหลบหนีภัยสงครามตั้งแต่ปี 2520          เมื่อเหตุการณ์ภายในประเทศสงบ มีบางส่วนขออาศัยอยู่ฝ่ายไทยก็ได้อนุโลม และขยายหมู่บ้าน          จนรุกล้ำดินแดนไทย นอกจากนี้ยังเป็นพื้นที่ที่มีการทำข้อตกลง MOU 43 ด้วย ซึ่งกองกำลังบูรพาได้   ทำการประท้วงมาโดยตลอด และกัมพูชามิได้แก้ไขอะไร ซึ่งกองทัพภาคที่ 1 ได้เสนอเรื่องนี้  ในที่ประชุม RBC ในครั้งนี้ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาได้ยอมรับข้อเสนอ และให้ดำเนินการในวาระ JBC ต่อไป ซึ่งเป็นการประชุมระหว่างรัฐบาลกับรัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศทั้งสองฝ่าย

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

สมุทรปราการ ป.ป.ส. ลุยเผาสิ่งเสพติดล็อตใหญ่ 26 ต้น! ปิดบัญชี 139 ล้านเม็ด ย้ำนโยบายรัฐบาลปราบจริงจัง
พิธีลงนาม MOU สนับสนุนการพัฒนาธุรกิจพลังงานสะอาด และ ธุรกิจศูนย์ข้อมูล
"มนพร" เป็นประธานมอบประกาศนียบัตร แก่นักเรียนเดินเรือพาณิชย์นาวี หลังจบการศึกษา ปี 2567 จำนวน 105 นาย
โฆษกอัยการฯ ชี้อุทธรณ์คดี "ทักษิณ" ผิดม.112 พ.ร.บ.คอมพ์ เป็นอำนาจของอสส.ตัดสินใจ
"อ.แก้วสรร" ซัดแนวคิดใช้สันติภาพเอาชนะ "กัมพูชา" เชื่อเขมรไม่รับแผนที่ 1 ต่อ 50,000 ชี้ไม่มีใจสู้ยกเหตุฟ้องศาลไทยเอาผิด "ฮุน เซน"
ฉะเชิงเทรา วิทยาลัยอาชีวศึกษาฉะเชิงเทราเปิดโครงการสัปดาห์วันวิทยาศาสตร์

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​