สธ.ตรวจ “วัดพระบาทน้ำพุ” ส่อผิดสร้างสถานพยาบาล พบเพิ่งจดทะเบียนเมื่อปี 67

สธ.ตรวจ "วัดพระบาทน้ำพุ" ส่อผิดสร้างสถานพยาบาล พบเพิ่งจดทะเบียนเมื่อปี 67

เมื่อเวลา 10.30 น. ที่ผ่านมา (20 ส.ค.68) นายกองตรี ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ลงพื้นที่ตรวจสถานชีวบาล วัดพระบาทน้ำพุ นำทีมผู้เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบในจุดแรกคือ สถานชีวาภิบาล โดยพูดคุยกับคณะผู้ดูแล และผู้ป่วยที่ไม่ใช่กลุ่มผู้ป่วยติดเชื้อ ก่อนจะพาคณะเดินทางออกมาอีกอาคาร คือ อาคารเมตตาธรรม ซึ่งเป็นจุดที่ผู้สื่อข่าวเคยเข้าไปสำรวจ แล้วพบว่ามีถังออกซิเจน และอุปกรณ์ทางการแพทย์วางเกลื่อนไว้เต็มพื้นที่ ซึ่งขณะนายกองตรี ดร.ธนกฤต เจรจากับเจ้าหน้าที่ของวัด เพื่อเปิดทางให้สื่อมวลชนขึ้นไปยังอาคารดังกล่าว หลังถูกสั่งห้ามไม่ให้ขึ้น

เมื่อคณะเดินขึ้นไปบริเวณด้านบน สำรวจห้องต่าง ๆ พบว่าแต่ละห้องอยู่ในสภาพที่ไม่พร้อมใช้งาน และถูกทิ้งร้างตามที่ปรากฏในข่าวจริง ก่อนพูดคุยกันบอกว่าอาคารดังกล่าวนั้น มีการออกแบบลักษณะคล้ายกับสถานพยาบาล ก่อนจะขึ้นไปในแต่ละชั้นและพบว่าบริเวณชั้น 3 ที่ไปพบถังออกซิเจนนั้น ไปพบป้ายประกาศที่ติดเอาไว้ระบุว่า สิทธิ์ของผู้ป่วย ทำให้นายกองตรี ดร.ธนกฤต แจ้งให้คณะผู้ติดตามเก็บประกาศดังกล่าวไว้เป็นหลักฐาน เพราะเชื่อว่าอาคารดังกล่าวสร้างขึ้นมา เพื่อใช้รักษาผู้ป่วยจริง ซึ่งตลอดทางที่เดินสำรวจได้ดูในเรื่องของความสะอาดที่มีฝุ่นเต็มทุกพื้นที่

หลังจากนั้นคณะเดินต่อไปยังอาคารคนทำดีอวดผี เพื่อไปดูจุดเก็บรักษายาของผู้ติดเชื้อเอชไอวี ซึ่งเดินเข้าสำรวจ และพบการเก็บรักษายาไว้อย่างดี โดยมี อย.เข้าร่วมสำรวจด้วย ก่อนเดินไปยังห้องด้านข้างที่มีผู้ป่วยติดเตียงรักษาตัวอยู่

ภายหลังการตรวจพื้นที่ นายกองตรี ดร.ธนกฤต ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า ในการตรวจสอบครั้งนี้มีหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แบ่งทีมดูแลกันดังนี้ สปสช. ดูแลเรื่องสถานที่ ว่าเข้าข่ายสถานพยาบาลหรือไม่ รวมถึงการเบิกจ่ายของผู้ป่วยชีวาภิบาลที่เสียชีวิต ซึ่งทางวัดขอรับเงินจากทาง สปสช.  ส่วน อย.ดูเรื่องของยา และผลิตภัณฑ์ที่ใช้ ว่าได้รับอนุญาตถูกต้องหรือไม่  ในส่วนของกรมการแพทย์แผนไทย ลงพื้นที่บริเวณใกล้วัดที่ทราบว่ามีการปลูก และผลิตกัญชาก่อนส่งออก ต้องตรวจสอบว่าพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในความดูแลของวัดหรือไม่ และดำเนินการถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ สำหรับกรมอนามัย จะดูเรื่องของการได้รับโล่รางวัลที่มีการประกวดว่าได้มาตรฐาน ว่ายังคงมาตรฐานเดิมหรือไม่

เบื้องต้นสถานชีวาภิบาลยังไม่มีอะไรที่ผิดปกติ เว้นแต่มีข้อแนะนำบางส่วน ว่าให้ทางวัดจัดหาพื้นที่ หรือทำเป็นมูลนิธิ หรือหาอาคารสักหนึ่งหลัง จดทะเบียนเป็นสถานพยาบาล หรือคลินิกแยกส่วนออกมา  ส่วนอาคารคนทำดีอวดผี ที่เป็นอาคารรักษาผู้ป่วย HIV ไม่พบความผิดปกติ เรื่องยาก็ให้ทาง อย.ตรวจแล้ว ทราบว่าเป็นยาที่รับมาจากโรงพยาบาลพระนารายณ์มหาราชจริง และมีรายชื่อของผู้ป่วยตรงนั้นจริง ส่วนเรื่องอาคารเมตตาธรรม จากข้อสังเกตมีลักษณะคล้ายกับสถานพยาบาล จึงจะต้องตรวจสอบ ว่าจะเข้าข่ายความผิดหรือไม่อย่างไร

ด้าน นายแพทย์ อุดม อัศวุฒมางกุร สาธารณสุขนิเทศก์ เขตสุขภาพที่ 4 เปิดเผยว่า เรื่องแรกที่มาดูคือ จุดสถานชีวาภิบาล ซึ่งเป็นจุดพักพิงผู้ป่วยติดเชื้อระยะสุดท้าย ที่เป็นการดูแล ไม่ใช่การรักษา และทางกรมอนามัยจะดูเรื่องของการดูแลรักษาความสะอาดตามสุขลักษณะ ได้มีการกำจัดขยะติดเชื้ออย่างไร กำจัดของเสียอย่างไร ซึ่งถือว่าสามารถจัดการได้ดี ประเด็นที่2 คือเรื่องการดูแลผู้ป่วยติดเชื้อ HIV ระยะสุดท้าย ซึ่งที่วัดมีผู้ป่วย 60 คน พักรักษาตัวนอนรวมกันอยู่ ส่วนผู้ป่วยติดเชื้ออีก 60 ราย ที่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้จะพักรักษาอยู่ตามบ้านพัก พบว่าเป็นไปตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข เพราะมีการไปเบิกยาจากโรงพยาบาลพระนารายณ์มหาราช แล้วนำมาให้ผู้ป่วยที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ขณะที่ทันตแพทย์อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กล่าวว่า ในส่วนของอาคารก็มีทั้งหมด 3 ส่วน อาคารที่เป็นชีวาภิบาล ก็เป็นไปตามที่กรมอนามัย ได้อนุญาตไปแล้ว แต่ในส่วนของอาคารที่เอาไว้ใช้สำหรับผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวี เข้าใจว่าไปรับยาจากโรงพยาบาล และนำยาตรงนี้มาจ่ายยาตามที่แพทย์สั่ง ซึ่งกลไกส่วนนี้ก็ถือว่าถูกต้องตามมาตรฐาน แต่ว่าในอนาคตจะต้องมาขอขึ้นทะเบียนเป็นเนอสซิ่งโฮมจะดีที่สุด เพราะการให้บริการโดยแคร์กิฟเวอร์ จะต้องมีการอบรม ขึ้นทะเบียนเป็นผู้ให้บริการ

 

 

และในส่วนอาคารเมตตาธรรม ซึ่งเป็นอาคารร้าง อาคารนี้พบข้อพิรุธหลายส่วนด้วยกัน เช่น ถังออกซิเจน รถอีเมอร์เจนซี่ ในการเคลื่อนย้ายยาสำหรับผู้ป่วยฉุกเฉิน ในห้องตรวจแพทย์ และพบคำประกาศสิทธิผู้ป่วย นอกจากนี้ยังพบห้องกดจุดผู้ป่วยด้วย ซึ่งในส่วนนี้จะต้องสืบสวนอีกรอบ โดย กรม สบส.จังหวัด จะร่วมมือกันสืบสวนหาดูว่าพยานหลักฐานเป็นอย่างไรบ้าง เราจะดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายต่อไป

 

 

ส่วนนายแพทย์ประสาน ชัยวิรัตนะ ผู้อำนวยการศูนย์อนามัยที่ 4 กล่าวว่า ในส่วนของกรมอนามัย เป็นเรื่องของการเก็บศพที่เป็นธรรมสังเวช เก็บไว้ให้ดูเพื่อปลงอาบัติ แต่ว่าจำนวนศพที่พบตอนนี้มี 20 ศพ และมีการฉีดฟอร์มาลีน ซึ่งสภาพศพเก็บมาหลาย 10 ปีแล้ว แห้งเป็นปกติ แต่ พ.ร.บ.ที่ดูแลเรียกว่า พ.ร.บ.ฌาปนสถานและสุสาน ซึ่ง พ.ร.บ.นี้ ควบคุมโดยท้องถิ่น จากการสอบถามเทศบาลเขาสามยอด ที่เข้าร่วมตรวจสอบด้วย ท่านก็บอกว่า ยังไม่มีการร้องเรียน ซึ่งถ้าหากมีการร้องเรียน หรือแจ้งกล่าวโทษ จึงจะดำเนินการต่อได้ ทั้งนี้ ศพทั้งหมดจะต้องนำไปฌาปนกิจ

 

 

ทั้งนี้ นายกองตรี ดร.ธนกฤต ย้ำว่า ศพต้องไปฌาปนกิจ หน้าที่ของการดูแลศพเป็นท้องถิ่น เอาไว้อย่างนี้ไม่ได้ ส่วนเรื่องตึกร้าง ก็เข้าข่ายเป็นสถานพยาบาล เดี๋ยวจะต้องดู และรวบรวมพยานหลักฐานก่อน หากพบความผิดก็จะดำเนินคดี ใครที่เป็นผู้บริหารในนี้ ก็จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ

ส่วนเรื่องตึกร้างได้ปิดทำการไปนานแล้ว ก็จะต้องไปดูเรื่องของอายุความ หากพบว่ามีองค์ประกอบอื่นสัมพันธ์กับเรื่องของตำรวจกองปราบที่ดำเนินคดี ก็จะเป็นหนึ่งในจิ๊กซอว์ หรือสารตั้งต้น ที่เกี่ยวพันกับการทำมูลนิธิ และการเรียกรับ ก็จะต้องมีข้อมูลว่า เมื่อไม่ได้เปิดเป็นสถานพยาบาล แต่มีการเรี่ยไรในเรื่องของการรักษาพยาบาล ที่ผ่านมาทำกันอย่างไร ก็จะดูว่าเข้าข้อกฎหมายอะไรบ้าง

 

 

สำหรับการเบิกเงินของผู้เสียชีวิตทางวัดเป็นคนเบิกจาก สปสช. แต่ก็ต้องไปตรวจสอบ เบื้องต้นทราบว่าเมื่อปี 67 วัดเบิกไปประมาณ 160,000 บาท ส่วนก่อนที่จะเปิดเป็นสถานชีวาภิบาล ได้เบิกไปประมาณ 130,000 บาท แต่อย่างไรก็ตาม ก็จะไปตรวจสอบว่าการเบิกถูกต้องหรือไม่ แต่ตอนนี้ยังไม่มีอะไรผิดสังเกต หากเทียบกับที่วัดต้องดูแลคน น่าจะมากกว่าเงินที่ไปเบิก  ส่วนที่มีคุณหมอมาร้องเรียนเกี่ยวกับเรื่องยาต้าน ก็ให้คุณหมอคนดังกล่าวเข้ามาให้ข้อมูล และข้อเท็จจริง อย่างไรก็ตาม อยากให้ทุกคนที่มีข้อมูลเข้ามาพบ หรือให้ข้อมูลดีกว่า

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ยโสธร ปลูกฝังเยาวชนรุ่นใหม่ ให้มีจิตสำนึกรักสามัคคีและปรองดอง
"ในหลวง" โปรดเกล้าฯ ให้ "สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ" ทรงดำรงตำแหน่งรองผบ.หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์
เมืองพัทยาลงพื้นที่มอบถุงยังชีพช่วยเหลือ ผู้ป่วยติดเตียง ผู้สูงอายุ ขับเคลื่อนดูแลสุขภาพเชิงรุกตามนโยบาย “Better Pattaya”
"รศ.หริรักษ์" ดับสารพัดข่าวลือ ลุ้นไต่สวน "แพทองธาร" มองข้ามช็อตไม่รอด ฝากคิดต่อการเมืองไปงัยต่อดี
"ท็อปนิวส์" ร่วมแสดงความยินดี ครบรอบ 84 ปี กรมการศาสนา จัดงาน "วันศาสนูปถัมภ์" ปี 68 สืบสานภารกิจทำนุบำรุงศาสนาและพัฒนาคุณธรรมจริยธรรมอย่างยั่งยืน
"รมว.แรงงาน" เปิดสัมมนาวิชาการนานาชาติ OAIC ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัย เพิ่มคุณภาพชีวิตแรงงานไทย

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​