16 มิ.ย.2564 ที่ผ่านมา คือวันที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ประกาศผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย (ทรท.) จะเปิดประเทศให้ได้ภายใน 120 วัน หรือ 4 เดือนนับตั้งแต่ที่ออกอากาศผ่านทีวีพูลสัญญาประชาคมกับคนไทยทั่วประเทศในวันนั้น หลังจากวันนั้นรัฐบาลก็เดินหน้าเต็มที่ใส่เกียร์เต็มกำลังในการทำสงครามโรคต่อสู้รบพุ่งอย่างหนักหน่วงกับโควิด-19 ตลอดระยะเวลากว่า 1 ปีครึ่ง คนไทยต่างทนทุกข์กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างแสนสาหัส เดือดร้อน ตกงาน ไร้บ้าน ครอบครัวแตกแยก หนักสุดคือคนใกล้ชิด คนในครอบครัวอันเป็นที่รัก ลูก เมีย พ่อแม่ ต้องเสียชีวิตล้มหายตายจากไปมากมายเพราะโรคห่าซาตานที่ว่านี้
ในภาวะที่คนไทยกำลังพบกับความยากลำบากอย่างแสนสาหัสในการต่อสู้กับโควิด-19 พล.อ.ประยุทธ์และรัฐบาลก็เดินหน้าเต็มกำลังในการรักษาคนป่วยช่วยคนไม่ให้ตาย ใช้องคาพยพทุกอย่างระดมทุกสรรพกำลังเพื่อคลี่คลายวิกฤติ ต่อสู้กับโรคร้ายที่คร่าชีวิตผู้คนมากมายมหาศาลในทั่วทุกมุมโรค ข้อมูลสถานการณ์โควิด-19 ล่าสุด ( 11 ต.ค. 2564) มีคนติดเชื้อทั่วโลก 238.64 ล้านคน รักษาหายได้กลับบ้าน 215.82 ล้านคน เสียชีวิตทั่วโลก 4.86 ล้านคน เฉพาะประเทศไทยตั้งแต่เกิดการระบาดในช่วงต้นปี 2563 จนถึงวันนี้ ( 11 ต.ค. 2564) มีผู้ติดเชื้อ 1.72 ล้านคน รักษาหาย 1.59 ล้านคน เสียชีวิตรวม 17,751 คน ยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 110,265 คน เป็นผู้ป่วยอาการหนัก 2,969 ราย ใส่เครื่องช่วยหายใจ 680 ราย ในส่วนของการฉีดวัคซีนล่าสุดสามารถฉีดไปได้แล้วกว่า 60.22 ล้านโดส แบ่งเป็นเข็มแรก 35.09 ล้านรายคิดเป็น 48.7 % เข็มสอง 23.4 ล้านรายคิดเป็น 32.5% เข็มสาม 1.7 ล้านรายคิดเป็น 2.4 % จะเห็นได้ว่าแม้การฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม ยังไม่ครอบคลุมถึงเป้าหมายฉีดวัคซีนให้คนไทย 50 ล้านคนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ 70 % ทั่วประเทศ แต่ถ้านับคนที่ได้ฉีดวัคซีนแล้วตั้งแต่ 1 ถึง 3 เข็ม ประเทศไทยก็มีคนที่ฉีดวัคซีนทะลุ 50 ล้านคนไปมากแล้ว ขณะที่สถานการณ์โดยรวมตัวเลขคนติดเชื้อใหม่ก็ลดจำนวนจากหลักหมื่นต้นๆต่อวันเหลือ 9 พันปลายๆ ขณะที่วัน ว.เวลา น. นับถอยหลัง 120 วันเปิดประเทศ ตามที่พล.อ.ประยุทธ์เคยลั่นวาจาไว้ก็ใกล้เข้ามาทุกขณะ ที่สุดหลังบวกลบคูณหารประเมินผลได้ผลเสียทุกอย่างแล้ว ช่วงค่ำวานนี้พล.อ.ประยุทธ์เลยออกรายการทีวีพูลประกาศเปิดประเทศตั้งแต่ 1 พ.ย.เป็นต้นไป งานนี้เรียกว่าเทหมดหน้าตักกันเลยทีเดียว
” วันนี้ ผมได้สั่งการ เร่งให้ ศบค และ กระทรวงสาธารณสุข ร่วมพิจารณา ภายในสัปดาห์นี้ โดยตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน เป็นต้นไป ประเทศไทยจะเริ่มเปิดรับการเดินทางเข้าประเทศไทย โดยไม่ต้องกักตัว สำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว และเดินทางเข้าประเทศไทยโดยทางอากาศ โดยมาจากประเทศที่เรากำหนดว่า เป็นประเทศความเสี่ยงต่ำ เราจะขอเพียงแค่ เมื่อเดินทางเข้าประเทศไทย ทุกคนต้องแสดงตัวว่าปลอดเชื้อโควิด-19 โดยต้องมีหลักฐานผลการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR ซึ่งทำการตรวจก่อนเดินทางออกจากประเทศต้นทาง และจะมีการตรวจหาเชื้อโควิด-19 อีกครั้ง เมื่อเดินทางมาถึงประเทศไทย หลังจากนั้น จึงสามารถเดินทางไปพื้นที่ต่างๆ ได้อย่างอิสระ เช่นเดียวกับที่คนไทยปกติทั่วไปสามารถทำได้ในเบื้องต้น เราเริ่มต้นกำหนดรายชื่อประเทศความเสี่ยงต่ำ ที่จะสามารถเดินทางเข้าประเทศไทยได้ โดยไม่ต้องกักตัว ไว้ที่อย่างน้อย 10 ประเทศ ซึ่งจะรวมประเทศ อย่างเช่น อังกฤษ สิงคโปร์ เยอรมนี จีน และ อเมริกา โดยเราตั้งเป้าจะเพิ่มจำนวนประเทศให้มากขึ้นอีก ภายในวันที่ 1 ธันวาคม และหลังจากนั้น ภายในวันที่ 1 มกราคม เราจะเพิ่มจำนวนประเทศให้มากขึ้น อย่างกว้างขวาง” นายกฯกล่าวผ่านทรท.
นอกจากเปิดประเทศแล้ว ภายในวันที่ 1 ธ.ค. บิ๊กตู่ยืนกรานจะปล่อยผี พร้อมพิจารณาอนุญาตให้ทุกคนสามารถดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอร์ในร้านอาหารได้ และจะพิจารณาอนุญาตให้สถานที่พักผ่อนหย่อนใจรวมทั้งสถานบันเทิงเปิดให้บริการได้ ภายใต้มาตรการด้านสาธารณสุขที่เหมาะสม เพื่อสนับสนุนและกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว การพักผ่อนและบันเทิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่เรากำลังจะเข้าสู่เทศกาลเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสปีใหม่ แปลความกันง่ายๆ พวกผับ บาร์ เธค โรงเบียร์ ฯลฯ รวมถึงสรวงสวรรค์ของคนขี้เมื่อยอย่าง อาบ อบ นวด ฯลฯ เตรียมกลับมาเปิดให้บริการอย่างแน่นอนในต้นเดือนธ.ค.นี้
หลังการประกาศเปิดประเทศของพล.อ.ประยุทธ์วานนี้ บรรดาร้านรวงต่างๆ ธุรกิจท่องเที่ยง ธุรกิจบันเทิง รากหญ้ารากแก้ว ต่างพากันดีใจที่ประเทศไทยจะกลับมาเดินหน้าอีกครั้ง ข่าวการเปิดประเทศ 1 พ.ย. สร้างแรงบวกในทุกวงการ เปิดตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเช้านี้ การซื้อขายหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 12.34 จุด จากเดิมที่เปิดตลาด ดัชนีอยู่ที่ 1,633.44 จุด โดย ณ เวลา 10.19 น. พบว่าดัชนีซื้อขายอยู่ที่ 1,645.78 จุดขยับขึ้นมา 0.76 % เรียกว่าเขียวทั้งกระดาน บรรดาธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวก็พาลเขียวตามไปหมด ดีดขึ้นแบบอัตโนมัติ ได้อานิสงฆ์จากการประกาศเปิดประเทศของลุงตู่แบบเต็มๆ ทั้งสายการบิน โรงแรมและที่พัก ร้านอาหาร ร้านค้า ภัตตาคาร ภาคบริการ น้ำมัน ฯลฯ
งานนี้ภาคเอกชนออกมาขานรับการเปิดประเทศกันอย่างคึกคัก สนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เห็นด้วยกับนายกฯอย่างยิ่งเขามองว่า สถานการณ์ปัจจุบันตัวเลขผู้ติดเชื้อมีแนวโน้มทรงตัวถึงลดลง ประกอบกับแผนการจัดหาและจัดสรรวัคซีนมีความชัดเจนมากขึ้นทำให้ส่งผลให้ประชาชนได้รับวัคซีนเพิ่มขึ้น การกระจายวัคซีนไปต่างจังหวัดเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งการติดเชื้อจากต่างประเทศก็มีปริมาณไม่มาก ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีที่พล.อ.ประยุทธ์ ออกมาประกาศสร้างความชัดเจนในการเปิดประเทศ เพราะจะช่วยทำให้ผู้ประกอบการและนักเดินทางได้รู้ล่วงหน้าและมีการเตรียมตัวที่ดีขึ้น
“สิ่งสำคัญในขณะนี้ คือการสร้างความเชื่อมั่น โดยการสื่อสารไปยังประเทศต่าง ๆ ถึงกระบวนการในการเดินทางเข้าประเทศไทยที่เป็นมาตรฐานสากล นอกจากนั้น มาตรการ COVID FREE SETTING ของภาครัฐ ได้มีการปรับให้เหมาะสมกับสถานประกอบการต่าง ๆ ให้สามารถปฏิบัติตามได้ ทั้งเรื่องการได้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม และต้องตรวจ ATK ตามกำหนดที่สำคัญคือ ผู้ประกอบการและประชาชนจะต้องมีวินัย เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น และจะทำให้การเปิดประเทศเป็นไปอย่างยั่งยืน หอการค้าประเมินว่าการเปิดประเทศรอบนี้ จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเดือนละ 1 แสนราย ส่งผลให้ GDP ในปีนี้เติบโตเพิ่มมากขึ้น แต่ยังคงอยู่ในกรอบ 0 ถึง 1% ” สนั่นกล่าว
จากนี้ยังต้องลุ้นกันต่อไปว่าหลังเปิดประเทศ 1 พ.ย. ต้อนรับนักท่องเที่ยวจาก 10 ประเทศความเสี่ยงต่ำแล้ว ถัดจากนั้นในวันที่ 1 ธ.ค. รัฐบาลเตรียมเปิดทุกกิจกรรมทั้งหมด โรงเบียร์ ผับ บาร์ อาบ อบ นวด คาราโอเกะ ปล่อยผีเรื่องกินเหล้าในที่สาธารณะต่างๆได้ ถึงตอนนั้นจะมีคลัสเตอร์ใหม่ๆที่ไหนเกิดขึ้นอย่างไร ลำพังแค่ตอนนี้แม้กรุงเทพฯและหลายจังหวัดจะดีขึ้น แต่หลายพื้นที่ก็ยังเกิดการระบาดหนักโควิด-19 ยังระบาดไปทั่ว โดยเฉพาะหลายจังหวัดทางปักษ์ใต้ นครศรีธรรมราช สงขลา นราธิวาส ปัตตานี ยะลา ฯลฯ ที่สถานการณ์ยังหนักหน่วงอ่วมอรทัยอยู่ หากเกิดเปิดประเทศขึ้นมาอีกเตียงคนไข้ โรงพยาบาล เจ้าหน้าที่แพทย์ พยาบาล ในต่างจังหวัดจะพอไหม จะบริหารจัดการกันอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์กับรัฐบาลจะรับมือไหวไหม เพราะเปิดประเทศกันล้อนจ้อนหมดแล้วคงไม่สามารถปิดหรือล็อคดาวน์ประเทศกันได้อีก หากปิดๆเปิดๆ ชักเข้าชักออกบ่อยๆ คงไม่คุ้มไม่พ้นถูกชาวบ้านด่ากันขรมสวดกันระงมเป็นแน่
” ผมรู้ว่าการตัดสินใจแบบนี้มีความเสี่ยง ที่เกือบจะแน่นอนเลยว่า เมื่อเราเริ่มต้นการผ่อนคลายต่างๆ จะทำให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น เป็นการชั่วคราว ซึ่งเราต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และประเมินดูว่า เราจะรับมือกับสถานการณ์นั้นอย่างไร เราต้องไม่ปล่อยโอกาสนี้ เพราะถ้าเราต้องเสียโอกาส ในช่วงเวลาทอง ของการทำมาหากินไปอีก เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน ผมคิดว่าประชาชนคงรับมือไม่ไหวอีกต่อไปแต่อย่างไรก็ตาม ถ้าเราเห็นว่า ในสองสามเดือน หรือสี่เดือนข้างหน้า มีสายพันธุ์ใหม่ที่อันตรายมากๆ เกิดขึ้นอีก แน่นอนว่า เราก็ต้องจัดมาตรการที่เหมาะสมและพอเหมาะพอดี มาจัดการคุมสถานการณ์เอาไว้ให้ได้ เมื่อเรารู้ว่า ไวรัสนี้ได้ทำให้ทั่วทั้งโลกต้องตกใจมาแล้วหลายรอบ ดังนั้น เราต้องพร้อมรับมือ หากมันเกิดขึ้นอีก” นายกฯกล่าว
ดูทรงจากคำพูดของนายกฯวานนี้ เชื่อแน่ว่าพล.อ.ประยุทธ์คงมีของมีแนวทางรับมือหากโควิด-19 เกิดการระบาดใหม่ไว้แล้ว ปิดประเทศมาปีครึ่งรับมือวิกฤติมาก็นานโข ประสบการณ์ก็มีเพียบ กรณีหนักๆก็เจอมาเยอะแล้ว ถ้ายังเอาไม่อยู่รับมือไม่ได้ก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว ให้กำลังใจพล.อ.ประยุทธ์ เอาใจช่วยคนไทยทุกคน ไม่ประมาท การ์ดอย่าตก เปิดประเทศไทย 1 พ.ย.นี้ เร่งฉีดวัคซีนให้มาก ตามหาหยูกยาหามาให้พร้อม บุคลากรและโรงพยาบาลก็ต้องมีเพียงพอ คนไทย เมืองไทย ประเทศไทยต้องไปรอดแบบยาวๆให้จงได้
///////////////////////
