“ดร.ณัฏฐ์” วิเคราะห์คำชี้แจง “แพทองธาร” ปมคลิปเสียงคุยฮุนเซน ย้ำแนวโน้มคดีมีโอกาสรอดน้อย

ดร.ณัฐวุฒิ วงศ์เนียม นักกฎหมายมหาชนชื่อดัง วิเคราะห์คำชี้แจงของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในคดีคลิปเสียงสนทนากับนายฮุน เซน ชี้ข้อต่อสู้ไม่แตะประเด็นสำคัญ “การยกเลิกประชุม สมช.” วันที่ 16 มิ.ย. 68 จนกลายเป็นจุดตาย เพิ่มน้ำหนักให้ฝ่ายผู้ร้อง ขณะที่ถ้อยคำ “อยากได้อะไรก็บอกมา” เปิดช่องศาลตีความได้หลายนัย ย้ำแนวโน้มคดีมีโอกาสรอดน้อย

“ดร.ณัฏฐ์” วิเคราะห์คำชี้แจง “แพทองธาร” ปมคลิปเสียงคุยฮุนเซน ย้ำแนวโน้มคดีมีโอกาสรอดน้อย – Top News รายงาน

 

 

ดร.ณัฏฐ์

 

เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2568 สืบเนื่องจากสื่อมวลชนได้เผยแพร่เนื้อหาข้อชี้แจงของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง ในปมคลิปสนทนากับ นายฮุน เซน ประธานวุฒิสภาและอดีตผู้นำกัมพูชา หลายประเด็นและขอให้ศาลยกเลิกคำสั่งวิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษานั้น

ล่าสุด “ดร.ณัฎฐ์” หรือ ดร.ณัฐวุฒิ วงศ์เนียม นักกฎหมายมหาชนคนดัง ได้ให้ความเห็นเพื่อประโยชน์สาธารณะว่า เนื้อหาคำชี้แจงของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง ที่จงใจปล่อยเผยแพร่ผ่านสื่อปรากฏให้ประชาชนทราบเป็นการทั่วไปนั้น หากมองด้วยใจเป็นธรรมว่า คำชี้แจงมีน้ำหนักหักล้างคลิปเสียงพยานวัตถุ สว.สีน้ำเงิน ฝ่ายผู้ร้องได้หรือไม่เพียงใด   ดังนี้

 

(1) ปมคลิปสนาทนาระหว่างนางสาวแพทองธารฯกับนายฮุน เซน การสนทนาเกิดขึ้นในวันที่ 15 มิถุนายน 2568 และคลิปถูกเผยแพร่ผ่านสังคมโซเชี่ยลในกัมพูชาวันที่ 18 มิถุนายนก 2568 ในคำชี้แจงหักล้างฝ่ายผู้ถูกร้อง นางสาวแพทองธาร ได้ยอมรับข้อเท็จจริงว่า ขณะพูดคุย “ได้อยู่เพียงลำพัง” แต่ในคำชี้แจงกลับไม่ได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้และหักล้างว่า ในการนัดประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ ที่ได้กำหนดล่วงหน้า โดยมีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ในวันที่ 16 มิถุนายน 2568   เหตุใดถึงกลับ “ยกเลิกการประชุมกระทันหัน” ในวันดังกล่าว เป็นประเด็นสำคัญแห่งคดี  แต่ไปยกข้อต่อสู้อื่นว่า มีนัดประชุม(โต๊ะเล็ก)ความมั่นคงที่บ้านพิษณุโลกในวันต่อมา เพื่อกลบเกลื่อนเจตนาแท้จริงทำให้ข้อเท็จจริงนี้ ศาลสงสัย จึงเรียก นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการ สมช.มาไต่สวนข้อเท็จจริง ในวันที่ 21 ส.ค.2568

 

ข่าวที่น่าสนใจ

(2) การยกเลิกประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ ถือเป็นเรื่องสำคัญ ในเรื่องความมั่นคงภายในประเทศและระหว่างประเทศโดยเฉพาะปัญหาไทย-กัมพูชาหากไม่แก้ไขปัญหาทันท่วงที ย่อมมีผลกระทบต่อความมั่งคงของชาติโดยตรง เพราะการยกเลิกประชุม สมช.คณะใหญ่ แต่กลับไปประชุมความมั่นคงที่บ้านพิษณุโลก เป็นคณะเล็กๆ เป็นการย้อนแย้งกัน ตรงนี้ เป็นจุดตายของนางสาวแพทองธารฯผู้ถูกร้อง และที่ไม่ได้ยกต่อสู้หักล้างไว้ในคำชี้แจง  หากไม่ได้พูดคุยเอื้อผลประโยชน์ ในวันที่ 15 มิถุนายน 2568 จะหลีกเลี่ยงการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ คณะใหญ่ ที่นางสาวแพทองธารฯ นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ในวันที่ 16 มิถุนายน 2568 จะไปเพิ่มน้ำหนักฝ่ายแก่ฝ่ายผู้ร้องที่ว่า “อยากได้อะไรก็ให้ท่านบอกมาได้เลยค่ะ เดี๋ยวจะจัดการให้” และมีปัญหากับตัวแม่ทัพภาค 2 ทำให้คำชี้แจงของนางสาวแพทองธารฯ ผู้ถูกร้อง มีน้ำหนักน้อย

 

(3) ข้อความในบทสนทนาที่ว่า “อยากได้อะไรก็ให้ท่านบอกมาได้เลยค่ะ เดี๋ยวจะจัดการให้” แม้จะยกข้อกล่าวอ้างว่า มีเจตนาเพียงต้องการให้คู่เจรจาได้เสนอเงื่อนไขหรือความต้องการออกมาก่อน ตาม หลักการเจรจาเชิงผลประโยชน์ (Principled Negotiation) ใช้เทคนิคสำคัญ คือ การตั้งคำถามเพื่อค้นหาความต้องการที่แท้จริง (Interest-Based) ไม่ได้มีเจตนาที่จะดำเนินการตามเงื่อนไขที่เสนอมาทุกกรณีนั้น ความหมายนี้ อาจแปลได้ทั้งบวกและลบ เปิดช่องให้ศาลตีความได้หลายนัยยะ ยกตัวอย่าง ตีความคำว่า “ลูกจ้าง” สมัยนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นต้น ทำให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความได้หลายนัย ว่า เป็นการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะนายกรัฐมนตรีโดยไม่ซื่อสัตย์สุจริต โดยมีพฤติกรรมให้นายฮุน เซน ต่างชาติ ใช้อำนาจของนางสาวแพทองธารฯ ในตำแหน่งนายรัฐมนตรีของประเทศไทยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทำให้ขาดคุณสมบัติรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธารฯทันที  ให้พี่น้องประชาชนจับสังเกต ศาลได้นัดอ่านคำวินิจฉัยคดีนี้รวดเร็วเพราะมีข้อเท็จจริงเพียงพอที่จะวินิจฉัยและลงมติได้

(4) ข้อเท็จจริง กรณีโทรศัพท์ไปอธิบายกับแม่ทัพภาค 2  และขอโทษแม่ทัพภาค 2 แม้แม่ทัพภาค 2 ไม่ติดใจ แต่ถือว่า ได้รับข้อเท็จจริงว่าได้พูดจริง แต่อธิบายแจตนา ซึ่งไม่ตรงกับเจตนาแรก เพราะคำว่า ตรงกันข้าม หมายถึง อยู่คนละฝ่ายและขัดแย้งกัน เป็นคนละขั้วอำนาจกัน  มีผลเป็นการเพิ่มน้ำหนักให้ฝ่ายผู้ร้อง แม้จะยกอ้างการปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์ก่อนทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี แต่เป็นเพียงบทบังคับและเป็นไปตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญเท่านั้น

(5) นางสาวแพทองธารฯ ผู้ถูกร้อง ยกข้ออ้างว่า คลิปเสียง ไม่ได้ถอดข้อความเสียงและไม่ได้แปลเป็นภาษาไทย ข้อต่อสู้นี้ มีน้ำหนักน้อยเช่นกัน เพราะภายหลังคลิปเผยแพร่ นางสาวแพทองธารฯ ได้แถลงยอมรับข้อเท็จจริงต่อสาธารณะชนทันที ว่า “เป็นคลิปเสียงจริง” จึงเป็นกรณีไม่ได้ประเด็นข้อพิพาทในเนื้อหาคลิป จึงไม่จำเป็นต้องถอดข้อความและแปลเป็นภาษาไทย ศาลรัฐธรรมนูญใช้ระบบไต่สวน แสวงหาข้อเท็จจริงการแปลภาษากัมพูชาเป็นภาษาไทยได้

การพูดยอมรับคลิปเสียง  ในแง่กฎหมายมหาชน ไม่ต่างกับ กรณี การให้คำมั่นสัญญาประชาคมของผู้นำทางการเมือง ย่อมมีผลผูกพันทางกฎหมาย อีกประการหนึ่ง  หากศาลมีคำสั่งให้แปลภาษา เท่ากับเปิดช่องให้นางสาวแพทองธารฯ ผู้ถูกร้องใช้ช่องนี้ ต่อท่อหายใจ และขยายระยะเวลาไต่สวนออกไปอีก ส่งผลทำให้คดีพิจารณาล่าช้า

 

 

(6) ประเด็น ผู้ถูกร้อง “คุกคามสื่อมวลชน” หากพิจารณาจากข้อเท็จจริง ในภายหลังจบการแถลงข่าวดนางสาวแพทองธารฯ เดินไปสอบถามกลุ่มสื่อมวลชนว่า “เค้าโกรธอะไรเหรอ ตะกี้” ซึ่งกลุ่มสื่อมวลชนในขณะนั้น ได้ตอบกลับมาว่า “ไม่ได้โกรธ” “เป็นคาแรคเตอร์” และ “ไม่มีใครโกรธนายกเลยครับ” ตรงนี้ ไม่ได้เป็นพฤติกรรมคุกคามสื่อมวลชน เพราะได้กระทำขณะแถลงแม้มมีพฤติกรรม อาจไม่พอใจบ้าง แต่ไม่เป็นพฤติกรรมการคุกคาม เพราะผลการไม่เก็บอาการ ไม่ทำให้เกิดความเสียหายแก่สื่อมวลชนแต่ประการใด มีเฉพาะประเด็นนี้ฟังขึ้น เพียงประเด็นเดียว

 

(7) ข้อต่อสู้ของนางสาวแพรทองาร ที่ว่า “พยานหลักฐานที่นําเสนอ ได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย”นั้น แม้จะห้ามศาลมิให้ศาลรับฟังพยานหลักฐานที่ได้มาโดยมิชอบ แต่มีข้อยกเว้นการได้มาโดยมิชอบเพื่อประโยชน์ในการอำนวยความยุติธรรมมากกว่า ผลเสียอันเกิดจากผลกระทบต่อมาตรฐานของระบบงานยุติธรรมทางอาญาหรือสิทธิเสรีภาพพื้นฐานของประชาชน ตาม ป.วิอาญามาตรา 226/1 แต่ใช้เฉพาะคดีอาญา ข้อกล่าวหาที่ศาลรรัฐธรรมนูญพิจารณามิใช่เป็นคดีอาญา แต่เป็นคดีรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับคุณสมบัติรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธารฯ นายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160(4)และ(5)ศาลรัฐธรรมนูญย่อมใช้อำนาจหยิบคลิปบทสนทนาและที่นางสาวแพทองธารฯยอมรับว่า เป็นคลิปจริง มาพิจารณาในประเด็นคุณสมบัติได้

ส่วนในประเด็นอื่นๆและยกคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ย่อมไม่มีผลทำให้ ข้อเท็จจริงหลักเปลี่ยนแปลงไปและถือว่าเป็นข้อความย่อยหรือ “พลความ” ไม่ใช่ข้อสาระสำคัญของคดี ภาพรวมเนื้อหาข้อชี้แจงของนางสาวแพทองธารฯ นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง ยังมีน้ำหนักน้อย ไม่อาจหักล้างพยานวัตถุปมคลิปเสียงได้เพราะกระทบต่อความมั่นคง ทั้งไม่อาจหักล้างเจตนาแท้จริงและการยกเลิกประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ ที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน แนวโน้มผลคดีวันที่ 29 สิงหาคม 2568 โอกาสรอดน้อยหรือแทบไม่มีเลย

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

อบจ.ภูเก็ต เชิญชวนร่วมงาน “PHUKET PARKLAND & MUSIC FEST 2025”
"หลวงพ่ออลงกต" ยืนยัน ยังไม่ลาออก ตำแหน่งเจ้าอาวาส "วัดพระบาทน้ำพุ" ขอเวลา 1 เดือน จัดการทุกเรื่องให้ชัดเจน
สคบ. สมาพันธ์ชมรมคุ้มครองผู้บริโภค กทม. ผนึกกำลัง เสริมเกราะป้องกันวัยใส รู้สิทธิ รู้เท่าทันบริโภค
“4ส15” สถาบันพระเกล้า ลุยปัตตานี-ยะลา-นราธิวาส เปิดมุมมองสันติภาพชายแดนใต้
อดีต ผช.ผบช.ทบ. ห่วงใยกำลังพล ประสาน เสี่ยตัน และ เฮิร์บแลนด์  ‘ส่งหัวใจไปแนวหน้า’
อำเภอบางละมุง ประชุมสัญจรหัวหน้าส่วนราชการ รายงานผลการขับเคลื่อนนโยบาย “หักดิบบางละมุง”

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​