เมื่อวันที่ 12 ต.ค. ที่รัฐสภา นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. .. พร้อมคณะ กมธ. ร่วมกันแถลงข่าวภายหลังการประชุมว่า วันนี้เป็นการประชุมเป็นครั้งที่ 2 โดยได้เชิญผู้เชี่ยวชาญระหว่างประเทศมาให้ความเห็นต่อร่างกฎหมายที่ผ่านสภาทั้ง 4 ฉบับ โดยยึดการพิจารณาร่างของรัฐบาลเป็นหลัก ซึ่งกมธ.อยากให้การพิจารณาวาระที่ 2 เสร็จสิ้นภายในเดือนต.ค. เพื่อให้ทันเสนอเข้าสู่สภาในวาระ 2 และ 3 ช่วงเปิดประชุมสภาสมัยสามัญ ช่วงต้นเดือนพ.ย.นี้ ยืนยันว่าการทำงานจะไม่เร่งรีบจนเกินไปแต่จะเพิ่มวันประชุมแทน เพื่อให้การพิจารณากฎหมายเป็นไปอย่างรอบคอบและจะต้องอนุวัติให้เป็นไปตามอนุสัญญญาระหว่างประเทศ ที่ประเทศไทยได้ไปลงนามไว้ เพราะสังคมอยากเห็นกฎหมายฉบับนี้มีผลบังคับใช้หลังจากที่มีคดีพ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือผู้กำกับโจ้ ก็ยิ่งทำให้กฎหมายฉบับนี้เป็นที่ติดตามของสังคมมากขึ้น
ด้านนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะรองประธานกมธ.ฯ กล่าวว่า องค์กรระหว่างประเทศจำนวนมากและทั่วโลกกำลังจับตามองร่างกฎหมายฉบับนี้ของไทย และประชาชนก็รอคอยกฎหมายฉบับนี้มาอย่างเนิ่นนาน เราตั้งความหวังให้มีผลบังคับทันใช้เพื่อที่จะได้ไม่เกิดกรณีคดีซ้อมผู้ต้องหาที่จ.นครสวรรค์ และผู้ลี้ภัยจำนวนไม่น้อยที่ตกในความเสี่ยงอันตราย หรือบางส่วนถูกอุ้มหายสร้างผลกระทบความสะเทือนใจให้กับประชาชนมาเนิ่นนาน ยืนยันว่ากฎหมายฉบับนี้ไม่ได้ต้องการทำเพื่อคนบางกลุ่ม แต่เราต้องการสร้างหลักประกันเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าสังคมของเราจะปลอดภัย และเชื่อว่าหากสามารถผลักดันให้กฎหมายฉบับนี้มีความก้าวหน้าและประกาศใช้ได้เมื่อไร สังคมไทยจะมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น