“โฆษกทบ.”โต้สื่อออนไลน์กล่าวหา เลี่ยงโจมตีบ่อนกาสิโน เหตุทหารเอี่ยวผลประโยชน์

โฆษก ทบ. แจงการปฏิบัติทางทหารตามแนวชายแดนสระแก้วที่ผ่านมา เป็นไปตามแผนการใช้กำลังของรัฐบาลและกองทัพบก ยืนยันไม่มีผลประโยชน์ข้องเกี่ยว พร้อมเดินหน้าจัดระเบียบพื้นที่ชายแดนอย่างรอบคอบ

“โฆษกทบ.” โต้สื่อออนไลน์กล่าวหา เลี่ยงโจมตีบ่อนกาสิโน เหตุทหารเอี่ยวผลประโยชน์ – Top News รายงาน

 

โฆษกทบ.

 

เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2568 พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยถึงกรณีที่มีสื่อออนไลน์เผยแพร่ข้อมูลว่า ช่วงการสู้รบวันที่ 24–28 กรกฎาคม 2568 ในพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 1 บริเวณจังหวัดสระแก้ว ไม่มีปรากฏการณ์การใช้กำลังและอาวุธทางทหารโจมตีต่อเป้าหมายทางพลเรือน เช่น บ่อนคาสิโนและอาคารพาณิชย์ ที่อาจต้องสงสัยว่าเป็นสำนักงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในปอยเปต โดยกล่าวหาว่าหากถูกทำลายก็เหมือนถูกทุบหม้อข้าวจะเสียหายหนัก รวมทั้งเจ้าของบ่อนจริงๆ ก็น่าจะมีคนไทยเป็นหุ้นส่วนอยู่ด้วย โดยสาเหตุที่ไม่มีการดำเนินการนั้น เนื่องจากทั้งสองฝ่าย ซึ่งอาจหมายถึงเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารกองทัพภาคที่ 1 อาจไปมีผลประโยชน์ร่วมกันกับผู้ประกอบการธุรกิจในบริเวณพื้นที่ดังกล่าว

 

ข่าวที่น่าสนใจ

โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า ข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริง โดยช่วงมีสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างไทย–กัมพูชา กองทัพบกได้มอบหมายให้แต่ละหน่วยในสังกัดดำเนินการตามแผนยุทธการฯ และปฏิบัติตามขั้นตอน มีการกำหนดพื้นที่เป้าหมายการรบหลัก เช่น ในเขตพื้นที่ของกองทัพภาคที่ 2 และพื้นที่เป้าหมายการรบรอง ในเขตพื้นที่กองทัพภาคที่ 1 และกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราด ของกองทัพเรือ

สำหรับกรณีการใช้กำลังหรือการใช้อาวุธแต่ละชนิด จะมีระดับการควบคุมตามสายการบังคับบัญชา เพื่อความรอบคอบและความเร่งด่วนในการอำนวยการยุทธ รวมทั้งให้มีความพร้อมปฏิบัติเมื่อสั่ง เนื่องจากพื้นที่ปฏิบัติการโดยรอบมีลักษณะเป็นเขตเมืองใหญ่ที่มีประชาชนอยู่หนาแน่นทั้งสองประเทศ ซึ่งต่างจากพื้นที่ปฏิบัติการของกองทัพภาคที่ 2 ดังนั้นกองทัพภาคที่ 1 จึงได้กำหนดเป้าหมายเฉพาะที่ส่งผลกระทบต่อกำลังพล ยุทโธปกรณ์ และที่ตั้งทางทหารของฝ่ายกัมพูชา ที่อยู่ในเขตอธิปไตยของประเทศไทยเป็นหลัก อันเป็นการปฏิบัติที่ถูกต้องตามกฎการใช้กำลัง และสอดคล้องกับหลักกฎหมายระหว่างประเทศ โดยเฉพาะกฎหมายด้านมนุษยธรรม (International Humanitarian Law) ที่ใช้บังคับเกี่ยวกับวิธีการทำสงคราม และการปฏิบัติต่อพลรบและพลเรือนอย่างมีมนุษยธรรมในระหว่างการทำสงคราม (Jus in bello) การปฏิบัติที่ผ่านมาในพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 1 จึงมุ่งที่จะเข้าไปยึดครอง และรื้อถอนทำลายสิ่งปลูกสร้างทางทหารที่รุกล้ำเข้ามาอย่างชัดเจนในเขตอธิปไตยของไทย ตามสิทธิอันชอบธรรม

 

ส่วนการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ที่มีประชาชนชาวกัมพูชาเข้ามาอยู่อาศัย ได้จัดทำแผนแนวทางและมาตรการแก้ไข ซึ่งปัจจุบันได้นำเสนอให้กับกองทัพบก และกองบัญชาการกองทัพไทย เพื่อพิจารณาดำเนินการ โดยจะร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ รวมถึงอาศัยความร่วมมือกับองค์กรนานาชาติในการสนับสนุนและร่วมสังเกตการณ์การดำเนินการ เพื่อให้การแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อนมากกว่าการใช้มิติทางทหารเพียงอย่างเดียว เป็นแนวทางการแก้ไขปัญหาในรูปแบบองค์รวม (Comprehensive solution) ที่เป็นที่ยอมรับและได้รับการสนับสนุนจากนานาชาติ อีกทั้งจะไม่เป็นสาเหตุให้ฝ่ายตรงข้ามนำไปใช้บิดเบือนในเวทีโลกได้

ขอยืนยันว่าไม่มีหน่วยงานในสังกัดกองทัพบกเข้าไปเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ใดๆ ในบริเวณด่านช่องทางเข้า-ออกชายแดน ทั้งในช่วงภาวะปกติที่อยู่ในความรับผิดชอบดูแลโดยฝ่ายปกครองร่วมกับหน่วยราชการต่างๆ และในช่วงภาวะไม่ปกติเช่นปัจจุบันที่อยู่ในความดูแลโดยฝ่ายทหารก็ตาม

ทั้งนี้ หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการปฏิบัติงานของหน่วยงานในสังกัดกองทัพบก กองทัพบกพร้อมให้ความร่วมมือในการตรวจสอบและให้ข้อมูลด้วยความโปร่งใสอย่างตรงไปตรงมา

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"ชัชชาติ" มอบเกียรติบัตร "ท็อป นิวส์" สื่อมวลชน เกาะติดการบริหารนโยบายเมือง ย้ำไม่ถึงเวลาตัดสืนใจ ลงสมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.สมัย 2
ชาวบ้านสงสารพลทหาร บันดาลโทสะยิง 2 วัยรุ่นเจ็บ พร้อมเผย เป็นอันธพาลประจำหมู่บ้าน หนึ่งในนั้นมีเชื้อเขมร
เปิดความจริง "พลทหาร รัฐภูมิ" โดนก๊วนโจ๋เมาแขวะถากถาง เครียดลั่นไกยิงเจ็บก่อนปลิดชีวิตตัวเอง
"โฆษกทบ."โต้สื่อออนไลน์กล่าวหา เลี่ยงโจมตีบ่อนกาสิโน เหตุทหารเอี่ยวผลประโยชน์
จริงใจ ฟาร์มเมอร์ มาร์เก็ต  ยกทัพนำผลผลิตมาจำหน่ายโดยตรงแก่ผู้บริโภค
สศร.เปิดตัวศิลปินกลุ่มที่สาม เข้าร่วมโครงการจัดงานมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ Thailand Biennale, Phuket 2025 ณ ริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อก

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​