โฆษกกต. แถลงผลสรุป ชี้แจงคณะทูตฯ ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิด 5 ครั้งใน 1 เดือน จี้ “กัมพูชา” เร่งเก็บกู้ ยืนยันมีหลักฐานชัดเป็นของใหม่ ไม่ใช่มรดกสงคราม

โฆษกกต. แถลงผลสรุป ชี้แจงคณะทูตฯ ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิด 5 ครั้งใน 1 เดือน จี้ "กัมพูชา" เร่งเก็บกู้ ยืนยันมีหลักฐานชัดเป็นของใหม่ ไม่ใช่มรดกสงคราม

โฆษกกต. แถลงผลสรุป ชี้แจงคณะทูตฯ ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิด 5 ครั้งใน 1 เดือน จี้ “กัมพูชา” เร่งเก็บกู้ ยืนยันมีหลักฐานชัดเป็นของใหม่ ไม่ใช่มรดกสงคราม

 

ข่าวที่น่าสนใจ

15 ส.ค. 2568 ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงผลการบรรยายสรุปแก่คณะทูตและองค์การระหว่างประเทศ ว่า การบรรยายสรุปวันนี้ มีวัตถุประสงค์หลัก เพื่อให้ข้อเท็จจริงกรณีที่ฝ่ายกัมพูชาลอบวางทุนระเบิดสังหารบุคคล บริเวณชายแดนไทยกัมพูชาส่งผลให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บ ถึงขั้นทุพพลภาพถาวรและสร้างความเสี่ยงกับชีวิตของประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณชายแดนและเป็นการชี้แจงข้อมูลข้อเท็จจริงและเหตุผลการดำเนินการของไทยเกี่ยวกับเรื่องนี้

โดยกระทรวงฯ ได้เชิญคณะทูตจากประเทศสมาชิกในอาเซียน รัฐภาคีของอนุสัญญาออตตาวา ผู้แทนองค์การระหว่างประเทศและองค์กรภาคประชาสังคมในการเก็บกู้วัตถุระเบิดเข้าร่วมรับฟัง ประกอบไปด้วยผู้แทนคณะฑูตจาก 41 ประเทศ 1 องค์กร และ 4 องค์การระหว่างประเทศ รวม 67 ท่านเข้าร่วม สำหรับการบรรยายสรุปวันนี้ มีนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวเปิดผ่านทางบันทึกวิดีทัศน์ นายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ พลโทณัฐพงษ์ เพราแก้ว เจ้ากรมกิจการชายแดนทหาร นายปิยะภักดิ์ ศรีเจริญ อธิบดีกรมเอเชียตะวันออก ร่วมชี้แจง

นายนิกรเดช กล่าวว่า การชี้แจงวันนี้ ได้สรุปประเด็นสำคัญได้ 6 เรื่อง ประกอบด้วย

1. ประเทศไทยยึดมั่นในกฎหมายระหว่างประเทศและพร้อมปฏิบัติตามพันธะกรณีระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัดรวมถึงพันธะกรณีภายใต้อนุสัญญาออตตาวา ในการกำจัดทุนระเบิดให้หมดไป ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย และด้านมนุษยธรรม สำหรับประชาชน จนถึงปัจจุบันไทยได้เก็บกู้พื้นที่ปนเปื้อนทุนระเบิดไปแล้วกว่า 99.5% ครอบคลุมพื้นที่ 2,500 ตารางกิโลเมตร และยังให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยให้สามารถดำรงชีวิตได้อย่างมีศักดิ์ศรี

 

2. ในช่วงเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ทหารไทยต้องเหยียบกับระเบิดที่วางโดยกัมพูชาไปแล้ว 5 ครั้ง เมื่อวันที่ 16 ,23 และ 28 ก.ค.โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 9 และ 12 สิงหาคม 2568 ส่งผลให้มีผู้ทุพลภาพอย่างถาวร 5 คน และได้รับบาดเจ็บหลัก 10 คน โดยฝ่ายไทยมีหลักฐานเชิงประจักษ์ ที่บ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดที่พบในบริเวณชายแดน เป็นทุนระเบิดประเภท PMN-2 ที่ถูกนำมาวางใหม่ ไม่ใช่ทุ่นระเบิดที่เป็นมรดกจากสงครามในอดีตที่ฝ่ายกัมพูชากล่าวอ้าง พร้อมย้ำว่าฝ่ายไทยไม่มีทุนระเบิดในครอบครอง

3. ประเทศไทยได้ดำเนินการประท้วงกัมพูชา ในช่องทางต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินการตามกรอบอนุสัญญาออตตาวา การมีหนังสือท้วงไปยังเลขาธิการสหประชาชาติ ประท้วงไปยังประธานคณะมนตรีความมั่นคงต่อสหประชาชาติ โดยไทยได้ประณามอย่างรุนแรงที่สุดต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลตามแนวชายแดนกัมพูชา ซึ่งเป็นการละเมิดอธิปไตย ละเมิดบูรณาภาพดินแดนของไทย ขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ รวมถึงหลักการพื้นฐานของกฎบัตร สหประชาชาติรวมถึงเป็นการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศและพันธอนุสัญญาออตตาวาที่ทั้งไทยและกัมพูชาเป็นภาคี อีกทั้งยังเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ที่กำหนดให้ประเทศทั้งสองยุติการใช้อาวุธทุกชนิดรวมถึงทุนระเบิดสังหารบุคคลด้วย

 

4. กัมพูชา ปฏิเสธที่จะหารือเรื่องการเก็บกู้ทุ่นระเบิด รวมถึงการปราบปรามการหลอกลวงทางออนไลน์ตามที่ไทยเคยเสนอในการประชุม GBC ในการประชุมสมัยวิสามัญในช่วงที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นถึงมิติการไม่สุจริตใจและไม่จริงใจของฝ่ายกัมพูชา ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้กัมพูชายุติการกระทำที่ละเมิดอนุสัญญาออตตาวาและประกาศหยุดยิงโดยทันที พร้อมแสดงความจริงใจที่จะฟื้นฟูสันติภาพบริเวณชายแดน รวมถึง ร่วมมือกับไทยในการเก็บกู้ทุนระเบิดในพื้นที่ชายแดน

 

5. ประเทศไทยหวังว่า ประเด็นเรื่องการเก็บกู้ทุนระเบิดจะได้รับการพิจารณาในการประชุม RBC และ จีบีซี ที่จะมีขึ้นในเร็ว ๆ นี้ และจะเป็นประเด็น ที่ส่งผลต่อความปลอดภัยและการดำรงชีวิตของประชาชนทั้งสองประเทศ

6. ในวันพรุ่งนี้ (16 ส.ค.) กระทรวงต่างประเทศพร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะจัดให้คณะทูตจากประเทศสมาชิกอาเซียนรัฐภาคีอนุสัญญาแต่ว่าและผู้แทนองค์กรภาคประชาสังคมที่มีภารกิจในการเก็บกู้ทุนระเบิดและสื่อมวลชนไทยสื่อมวลชนต่างชาติลงพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษเพื่อสังเกตความเสียหายที่เกิดจากการใช้ทุ่นระเบิดของฝั่งกัมพูชาเพื่อให้บุคคลกลุ่มนี้ได้นำหลักฐานเชิงประจักษ์ กลับไปพิจารณาทบทวนในการให้ความช่วยเหลือกัมพูชาในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดอย่างรอบคอบ รวมถึงกดดันให้กัมพูชารับผิดชอบในเรื่องนี้

 

 


นายนิกรเดช กล่าวว่า ขอเน้นย้ำในอีก 2 ประเด็นว่า 1 ไทยยังยืนยันความมุ่งมั่นให้แก้ไขปัญหาเขตแดนความตึงเครียดต่าง ๆ ระหว่างไทยกับกัมพูชาโดยสันติวิธีผ่านกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ไม่ว่า จะเป็น อาร์บีซี จีบีซี หรือเจบีซี โดยไทยจะปฏิบัติข้อตกลงหยุดยิงด้วยความจริงใจและสุจริตใจ และคาดหวังในทางเดียวกันให้กัมพูชาแสดงความจริงใจและสุจริตใจในกลไกเหล่านี้เช่นเดียวกัน 2 ฝ่ายไทยขอเรียกร้องให้กัมพูชายุติการบิดเบือนข้อมูลข่าวสารซึ่งนอกจากจะขัดต่อเงื่อนไขการหยุดยิงที่กำหนดให้งดเว้นการแพร่ข้อมูลเท็จหรือข่าวปลอมแล้ว ไม่เป็นผลดี ต่อการสร้างภาวะที่เอื้อต่อการแก้ไขปัญหาและลดความตึงเครียดที่มีอยู่อีกด้วย

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

กลุ่มไรเดอร์ วินมอเตอร์ไซค์ เข้ากระทรวงแรงงาน หารือ พงศ์กวิน แก้ร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมและคุ้มครองแรงงานอิสระ
องค์การสวนสัตว์ฯ คว้ารางวัล ทรัพย์สินทางปัญญาดีเด่น ปี 2568
ขบวนการลักลอบค้าสัตว์ ต้นตอทำสัตว์เอเลี่ยนสปีชีส์หลุดระบาด
โฆษกทบ. แจงปฏิบัติทางทหาร ตรึงกำลังเข้มชายแดนสระแก้ว ยึดคำสั่งรัฐบาล-กองทัพบก ไม่มีผลประโยชน์ข้องเกี่ยว เดินหน้าจัดระเบียบพื้นที่รอบคอบ
"ดีเอสไอ" เตรียมออกหมายเรียกสอบเพิ่ม สว.1,200 คน โยงเส้นทางเงิน "คดีฮั้ว"
วุฒิสภาลงพื้นที่ ระยอง–เกาะเสม็ด ยกเครื่องมาตรการความปลอดภัยท่องเที่ยว ครอบคลุมบก–น้ำ เสริมเครือข่ายกู้ชีพ 1669 รับมือเหตุฉุกเฉิน

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​