วันที่ 4 ส.ค. 2568 นายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการอิสระ ออกบทความในรูปแบบถาม-ตอบ เรื่อง “เมื่อ..สุวรรณภูมิกลายเป็นนรกภูมิ ???” มีเนื้อหาดังนี้
ถาม กลุ่มรวมพลังฯ จะลงถนนล้อมทำเนียบไล่รัฐบาลชินวัตร เมื่อไหร่
ตอบ เท่าที่บอกกล่าวกันในกลุ่ม ก็ยังเป็นแค่คำประกาศให้พี่น้องประชาชนเตรียมพร้อมเท่านั้นครับ สถานการณ์มันงวดและน่าเป็นห่วงจริงๆ ว่าเราอาจจะเสียพื้นที่ทั้งการทหารและการทูตให้ระบอบฮุนเซนอีกมาก
ถาม ทุกวันนี้ยังเป็นห่วงกันมากว่า ระบอบชินวัตรกับฮุนเซนยังไม่ขาดจากกัน อาจารย์เห็นอย่างไร
ตอบ งานนี้พิเคราะห์แล้ว ก็ทรยศกัน พลิกเกมส์กันหลายคู่ครับ
คือก่อนปะทะ ๕ วันนั้น ทักษิณคงได้รับคำมั่นจากฮุนเซนแล้วว่า จะไม่มีการปะทะจริงจังอะไร จึงให้คำมั่นบนเวทีเนชั่นว่า ต่างก็โชว์พลังดำน้ำแข่งกันเท่านั้น แต่พอฮุนเซ็นลงมือลุยทหารไทย เทจรวดใส่ชาวบ้าน หวังสร้างเรื่องให้ใหญ่โตเอาเข้ายูเอ็นให้ได้ ถึงตรงนี้ทักษิณจึงโมโหมากให้สัมภาษณ์ว่า ฮุนเซนเจ้าเล่ห์มากต้องให้ทหารสั่งสอนให้เข็ด
ข้างกองทัพเราเองนั้น การรบตามแผนจักรพงษ์ฯ ที่ลุยยึดคืนพื้นที่ใช้เครื่องบินโจมตีตัดกำลังตลอดแนวนั้น ชัดเจนว่าต้องเหนือความคาดหมายทั้งของทักษิณและฮุนเซนอย่างแน่นอน พอแผนนี้คืบหน้าจวนจะลุล่วง ตรงนี้ความตกลงของ ฮุน-ชิน ให้หยุดยิงทันทีไม่มีเงื่อนไข โดยให้อเมริกา และนายกฯอันวาร์เพื่อนทักษิณเข้ามาแทรกจึงเกิดขึ้นอย่างที่เห็น ความพ่ายแพ้ในชายแดนอย่างราบคาบของเขมรจึงไม่เกิดขึ้น การยอมหยุดยิงอย่างทรยศเช่นนี้นี่เอง ที่ทำให้เวทีรวมพลังต้องประกาศขับไล่รัฐบาลโดยไม่รอศาลอีกต่อไป
ถาม การเข้ามาของอเมริกา ก็ถือเป็นการทรยศประการหนึ่งหรือไม่
ตอบ วันนี้มันชัดเจนว่า เขมรทรยศจีน และได้ลงนามเข้าเป็นภาคีในสัญญาอินโด-แปซิฟิค ที่จับมืออเมริกาปิดล้อมจีนเรียบร้อยแล้ว ตรวจสอบความเป็นมาแล้ว พบว่าฮุนเซ็นส่งลูกชายร่วมทีมทหารเขมรไปคุยกับผู้บัญชาการทหารสหรัฐที่ฮาวาย ก่อนลงมือเริ่มยิงใส่ฝ่ายไทยไม่กี่วันเอง ครั้นรบไป ๕ วัน พอเพลี่ยงพล้ำ จำต้องขออเมริกาให้เข้ามาบีบให้ไทยหยุดยิง ก็พบว่าเขมรยอมผูกมัดลงนามเข้าภาคีอินโด-แปซิฟิก ในวันเดียวกับวันหยุดยิงนั้นเลย