“ศบ.ทก.” แถลงย้ำพบฝ่าย “กัมพูชา” เพิ่มเติมกำลังพล บริเวณ 7 พื้นที่ ซ้ำยังพบการดัดแปลงฐานที่มั่น ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง

“ศบ.ทก.” แถลงย้ำพบฝ่าย “กัมพูชา” เพิ่มเติมกำลังพล บริเวณ 7 พื้นที่ ซ้ำยังพบการดัดแปลงฐานที่มั่น ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง

วันนี้ (4 ส.ค.2568) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) แถลงผลการประชุม ศบ.ทก. ว่า สถานการณ์ในภาพรวมบริเวณชายแดนในห้วงที่ผ่านมาทั้ง2ฝ่ายยังมีการวางกำลังในพื้นที่มั่นของตนเอง ไม่มีความเคลื่อนไหวที่มีนัยสำคัญ

อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าฝ่ายกัมพูชาดัดแปลงที่มั่น และเพิ่มเติมกำลังในพื้นที่หลัก ประกอบด้วย บริเวณณปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย ช่องโดนเอาว์ ช่องอานม้า ช่องตาเฒ่า เขาสัตตโสม และภูผี โดยมีการเพิ่มเติมกำลังที่สูญเสียในแต่ละพื้นที่

“เป็นข้อบ่งชี้ได้ว่าทางฝ่ายกัมพูชานั้น มีการสูญเสียเป็นจำนวนมาก” พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าว

พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า สถานการณ์ในภาพรวมทั้งสองฝ่ายยังวางกำลังในที่มั่นของตนเอง ไม่มีความเคลื่อนไหวที่มีนัยสำคัญ โดยมีรายงานว่าฝ่ายกัมพูชาได้ดัดแปลงที่มั่น และเพิ่มเติมกำลังในพื้นที่หลัก ทั้งปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย ช่องโดนเอาว์ ช่องคานม้า ช่องตาเฒ่า สระตาโสม และภูผี โดยเพิ่มเติมแทนกำลังที่สูญเสียในแต่ละพื้นที่ บ่งชี้ว่ากัมพูชาสูญเสียกำลังพลเป็นจำนวนมาก

ข่าวที่น่าสนใจ

ส่วนการปฏิบัติต่อทหารกัมพูชาที่ถูกควบคุมตัว 20 นาย ส่งกลับแล้ว 2 นาย คงเหลือ 18 นาย ซึ่งกัมพูชาได้ส่งคำร้องไปยังสำนักข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนเป็นเจ้าหน้าที่ด้านสิทธิมนุษยชนหลักขององค์การสหประชาชาติ หรือ OHCHR กล่าวหาว่าฝ่ายไทยได้คุมตัวโดยผิดกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งไทยได้ประณามว่าเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง และยืนยันว่าทหารกัมพูชา เป็นเชลยศึก ซึ่งไทยปฏิบัติตามอนุสัญญาเจนีวา เคลื่อนย้ายเชลยศึกออกจากพื้นที่เสี่ยง จัดให้มีแพทย์ตรวจร่างกาย ดูแลสุขภาพ จัดหาน้ำดื่ม อาหาร และเสื้อผ้าอย่างเหมาะสมเพียงพอ เมื่อการรบสิ้นสุดลงจะมีการปล่อยตัวกลับประเทศ แต่ปัจจุบันเป็นการหยุดยิง ยังไม่ถือว่าสิ้นสุดภาวะการขัดกันทางอาวุธ

นอกจากนี้ กระทรวงการต่างประเทศได้มีหนังสือแจ้งไปยัง OHCHR ประท้วงต่อข้อกล่าวหาของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนของกัมพูชา ที่กล่าวหาไทยละเมิดการปฏิบัติต่อเชลยศึก รวมทั้งในสัปดาห์นี้ไทยได้เชิญคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ หรือ ICRC และ OHCHR ลงพื้นที่เยี่ยมทหารกัมพูชาที่ถูกควบคุมตัว

 

โฆษก ศบ.ทก.ด้านความมั่นคง ยังกล่าวถึงกรณีศพของทหารกัมพูชา ซึ่งรัฐบาลและกองทัพกัมพูชา เพิกเฉยและละเลยการปฏิบัติต่อศพทหารของตนเอง โดยเห็นว่าที่ผ่านมาการปฏิบัติต่อศพเป็นการละเมิดหลักมนุษยธรรม มนุษยชนสากลขั้นพื้นฐาน คือ การทอดทิ้งร่างผู้เสียชีวิต โดยเฉพาะทหารของตนเอง ไม่ใช่เพียงขัดหลักศีลธรรม แต่ยังละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างชัดเจน อ้างอิงอนุสัญญาเจนีวา ฉบับที่ 1 และ 4 ว่าด้วยการเก็บรักษาและเคารพร่างผู้เสียชีวิตจากการสู้รบ

นอกจากนี้ ทางฝ่ายกัมพูชา ยังละเมิดต่อเกียรติยศของกองทัพกัมพูชาเอง เพราะไม่ดำเนินการใด ๆ ต่อร่างผู้เสียชีวิต สะท้อนการละเลยศักดิ์ศรีของทหาร เป็นเรื่องที่น่าเศร้าและเสียใจอย่างยิ่ง สร้างผลกระทบต่อขวัญและกำลังใจของทหารกัมพูชาที่ยังมีชีวิต และครอบครัว ซึ่งครอบครัวของทหารดังกล่าวได้พยายามตามหาญาติของตนเอง

อีกทั้งการกระทำดังกล่าวยังขัดต่อหลักศาสนาของกัมพูชา ที่ส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ รวมทั้งกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสุขลักษณะข้ามแดน เพราะการปล่อยศพไว้โดยไม่เก็บกู้ อาจลุกลามเป็นปัญหาข้ามพรมแดน

 

“นอกจากเรื่องของกลิ่น ยังมีโอกาสแพร่เชื้อโรค เป็นอันตรายต่อประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะผู้ปฏบัติหน้าที่บริเวณชายแดน ขอฝากไปยังกัมพูชา ให้เคารพสิทธิขั้นพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ของประชาชนชาวกัมพูชา โดยเฉพาะทหาร”

พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวอีกว่า ในช่วงเวลาที่ผ่านมา พบว่ามีการตรวจพบการบินโดรนที่ผิดกฎหมายอย่างมาก ซึ่งสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยออกประกาศห้ามบินโดรน ตั้งแต่วันที่ 30 ก.ค. – 15 ส.ค.2568 ผู้ฝ่าฝืนจะต้องจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

ทั้งนี้ เชิญชวนประชาชน ทหารผ่านศึก นักศึกษาวิชาทหาร ช่วยกันตรวจสอบตรวจตรา โดยเฉพาะในพื้นที่ของกองทัพภาคที่ 1 และ 2 สอดส่องว่ามีผู้ประสงค์ร้ายหรือมีพฤติกรรมดังกล่าวหรือไม่ หากตรวจพบขอให้แจ้งไปยัง ศูนย์ต่อต้านโดรน หรือแจ้งเหตุที่สถานีตำรวจ หน่วยงานทหาร และหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่

สำหรับมาตรการเชิงรุก สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะลงพื้นที่ตรวจสอบการครองครองโดรนทั่วประเทศ โดยจะตรวจสอบจากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย โดยเฉพาะผู้ที่ได้รับใบอนุญาตบิน ข้อมูลผู้ขออนุญาตใช้ความถี่ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกสถานีจะนำข้อมูลไปตรวจสอบโดรน และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะขอความร่วมมือผู้ที่ใช้โดรน ยึดถือและปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้ตกเป็นเครื่องมือของฝ่ายตรงข้าม ซึ่งได้ดำเนินการแล้วในบางพื้นที่ และพบว่ามีผู้ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบบางส่วน จึงได้ตักเตือนไปแล้ว และต่อจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะบังคับกฎหมายอย่างจริงจังและเด็ดขาด ซึ่งปัจจุบันไม่อนุญาตให้บินโดรนทั่วประเทศ ทั้งโดรนเชิงพาณิชย์หรือการเกษตร

 

 

ทั้งนี้ ในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ GBC ในวันที่ 4-6 สิ.ค.นี้ หรือเป็นการประชุมฝ่ายเลขานุการร่วม ซึ่งจะไม่มีประเทศใด ๆ ร่วม ยกเว้นไทยกับกัมพูชา จากนั้นในการประชุม GBC หลัก วันที่ 7 ส.ค. จะมีผู้สังเกตการณ์เข้าร่วม คือ มาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน

ด้าน​นางมาระตี กล่าวว่า​ ตลอดระยะเวลาหลายวันที่ผ่านมา เอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ทั่วโลก​ รวมไปถึงผู้บริหารระดับสูงของไทย ยังคงใช้โอกาสต่างๆในการชี้แจงข้อเท็จจริง และจุดยืนของไทย ผ่านช่องทางการทูตและเวทีระหว่างประเทศที่สำคัญต่างๆ​ และยังมีการให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศ​ เพื่อให้ข้อมูลและตอบข้อสงสัยของมิตรประเทศ​ ตอกย้ำท่าทีของไทย​ ที่ยึดมั่นการแก้ไขปัญหาอย่างสันติ​ โปร่งใส และให้ข้อเท็จจริงโดยไม่บิดเบือน​ ซึ่งการดำเนินการของฝ่ายไทยได้รับการตอบรับที่ดีจากมิตรประเทศ ที่แสดงความเห็นใจและสนับสนุนแนวทางของฝ่ายไทย

 

 

นอกจากนี้​ ในวันนี้​ กระทรวงการต่างประเทศ​ ได้จัดการบรรยายสรุป​แก่คณะทูตและองค์การระหว่างประเทศอีกครั้ง​ เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชา มีผู้เข้าร่วมกว่า 121 คน จาก 74 ประเทศ 1 องค์กร และอีก 16 องค์การระหว่างประเทศ เพื่อรายงานถึงผลการลงพื้นที่ของคณะทูตและผู้ช่วยทูตทหาร​ต่างประเทศ​ รวมไปถึงสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศ​ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา​ รวมทั้งให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบัน และพัฒนาการล่าสุด​ โดยการบรรยายสรุปจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 3​ นับตั้งแต่เกิดสถานการณ์ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ได้ชี้แจง ข้อเท็จจริงหลายประเด็นที่ฝ่ายกัมพูชาสร้างข่าวปลอมขึ้นมา และวันนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้นำบรรยายเอง​

สุดท้ายขอส่งกำลังใจให้คณะผู้แทนไทยที่กำลังประชุม กรอบ GBC​ ที่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญที่จะกลับสู่โต๊ะเจรจา​ บนพื้นฐานของความสุจริตใจ เพื่อลดความตึงเครียด และแก้ไขปัญหาระหว่างกันอย่างสันติวิธี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) สำรวจ 'สนามฟุตบอลลอยน้ำ' แห่งใหม่ในซานตง
(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) ทิเบตอนุรักษ์ 'หมู่บ้านโบราณ' ใกล้ทะเลสาบ
(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) แพนด้ายักษ์ในเสฉวน โชว์วิทยายุทธนอนขอนไม้
แม่ทัพกุ้ง มอบเงินช่วยชายแดนไทย ลั่นประชาชนอดทนรออีกนิด ประชุม GBC เป็นบวก ก็อาจกลับบ้านได้
ศน. จัดประกวดเทศกาลกวนขนม "อาซูรอ" จังหวัดภาคใต้
วัดแสงแก้วโพธิญาณ เชิญร่วมบุญใหญ่ กฐินสามัคคี 11-12 ต.ค. 68 รับพระพุทธรูปมงคล-เหรียญมหาปราบสุดพิเศษ

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​