“ปณิธาน” แนะ รบ.ติดตามผลพาทูตต่างชาติ ดูจุดประเทศไทยโดนโจมตี เพื่อเรียกร้องเวทีโลก กดดัน “กัมพูชา”

“ปณิธาน” แนะ รบ.ติดตามผลพาทูตต่างชาติ ดูจุดประเทศไทยโดนโจมตี เพื่อเรียกร้องเวทีโลก กดดัน "กัมพูชา"

วันนี้ 1 ส.ค. 68 นายปณิธาน วัฒนายากร นักวิชาการอิสระ ให้สัมภาษณ์ท็อปนิวส์ ในรายการจับตาประเทศไทย กรณีที่กองทัพบกนำคณะทูตทหาร 23 ประเทศ และสื่อมวลชนไทยและต่างชาติ ลงพื้นที่ที่จังหวัดอุบลราชธานี และจังหวัดศรีษะเกษ เพื่อพิสูจน์เหตุการณ์จริง ที่ทหารกัมพูชายิงพลเรือนและโจมตีชุมชน กระทั่งทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต อีกทั้งทำให้บ้านเรือนประชานเสียหาย

โดยนายปณิธาน กล่าวอีกว่า สิ่งที่เราต้องทำคือการ ลดทอนความสามารถของกัมพูชา เพื่อไม่ให้เข้าไปวงในเวทีโลกแบบนี้ จนสามารถกดดันให้สหประชาชาติให้ประชุมฉุกเฉิน แม้ว่าจะไม่มีมติออกมาด้วยซ้ำ เพราะประเทศไทยได้เข้าไปแก้ต่างอย่างดี และลดทอนเรื่องนี้เพื่อให้กัมพูชา กลับมาเจรจากับเราอีกครั้ง แต่ขณะนี้ก็ยังถือว่าเราทำไม่ค่อยได้ แต่วันนี้ไทยเริ่มแล้ว ตนมองว่าการทูตทหารไปดูเหตุการณ์ครั้งนี้ ก็ถือว่าทำมากขึ้น แต่ต้องทำให้เร็วกว่านี้ และสิ่งที่เกิดขึ้นจะสังเกตได้ว่ากัมพูชา สามารถพลิกแพลงสถานการณ์ ที่เสียเปรียบจากสหประชาชาติ แต่กลับมาได้เปรียบที่เวทีอาเซียน ทั้งนี้ตนอยากให้ไทยลองคิดง่ายๆ ว่าประธานมาเลเซีย ควรกำหนดกรอบการเจรจาในวันที่ 4 ส.ค.68 นี้ ว่าจะพูดคุยกี่นาที เพื่อให้การพูดคุยเกิดขึ้นในเวลาที่เท่ากัน ไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายหนึ่งพูดน้อย และอีกฝ่ายหนึ่งพูดเยอะ

 

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

 

อีกทั้งตนมองว่าเรื่องนี้ต้องมีการซักซ้อมกันก่อน เพื่อพูดให้ครบและเต็มเวลา รวมถึงการกระทรวงการต่างประเทศต้องพูดให้ใกล้เคียงกับรัฐบาลมากที่สุด เพราะอันที่จริงหลายคนรู้ว่าการหยุดยิง โดยไม่มีเงื่อนไข ทำให้ไทยเสียหายมาก ดังนั้นต้องเปิดโอกาสให้ฝ่ายที่ถูกรุกรานอย่างประเทศไทย มีโอกาสได้ผลักดันทหารเขมรออกไป ไม่อย่างนั้นก็จะถูกยึดครองพื้นที่ อย่างที่เกิดขึ้นในขณะนี้

เมื่อถามว่าสำหรับการเชิญตัวแทนต่างประเทศศ ลงพื้นที่ดูเหตุการณ์จริงที่จังหวัดอุบลราชธานี จะทำให้ต่างชาติเข้าใจว่า ไทยถูกกัมพูชากระทำได้หรือไม่ นายปณิธาน กล่าวว่า ได้แน่นอน และดีด้วย แต่ไม่ใช่ความเข้าใจโดยตรง เนื่องจากชาวต่างชาติกลุ่มนี้ มีข้อมูลเกี่ยวกับสัญญาณการสั่งการรบ พูดง่ายๆ ว่าทุกคนมีแผนที่ทางอากาศ เช่น ประเทศใหญ่ๆ ที่จับตาดูอยู่ แต่ประเทศเหล่านี้ก็จะค่อนข้างระวังตัว และไม่เลือกข้างอย่างนอกหน้า เพราะมีผลประโยชน์เกี่ยวกับข้องกับคนไทยและกัมพูชาทั้งสิ้น แต่กติกาสากลต้องรักษาความเป็นกลางและชีวิตคน แต่สิ่งที่หนึ่งไทยต้องตระหนักคือชาวต่างชาติกลุ่มนี้ เมื่อมาลงพื้นที่จริงแล้ว ได้เก็บข้อมูลไว้อย่างเดียวหรือไม่ หรือทำอะไรที่เป็นคุณกับไทยบ้าง เช่น กดดันกัมพูชาให้กลับมาคุยกับเรา และสั่งถอนกำลังออกจากพื้นที่ปราสาทตาควาย เพราะสิ่งที่กัมพูชาทำนั้นผิดกติกาสากล เราต้องเข้าไปสำรวจความเสียหายของปราสาท ไม่ว่าใครจะยึดครองปราสาทไว้ ก็ต้องถอนกำลังออกมา คราวที่แล้วปี 54 ก็ทำอย่างนี้เช่นกัน

 

 

เมื่อถามว่าเราจะใช้เวที GBC ที่ประเทศมาเลเซีย สามารถพลิกเกมเรื่องปราสาทตาควายได้บ้างหรือไม่ นายปณิธาน กล่าว เวทีการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป จะพูดคุยทุกเรื่อง เช่นเมื่อคุยรอบที่แล้วมีประมาณ 30 กว่าเรื่อง มีเรื่องดับไฟป่าด้วย ดังนั้นการพูดคุยในครั้งนี้ ต้องกำหนดประเด็นให้ชัดเจน ต้องคุยเรื่องถอนกำลังที่ปราสาทตาควาย พูดง่ายๆ ว่าไม่ใช่เวทีที่จะคุยเรื่องนี้โดยตรง เพราะเวที GBC นี้คุยเรื่องทั่วไป ยกตัวอย่างว่าหากเรา ขอให้กำลังกัมพูชาถอนกำลังออกไป ในการเจรจาที่มาเลเซียที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ กัมพูชาสามารถปฎิเสธได้ ว่าเอาไว้สำหรับคุยในเวที RBC หลังจากคุยเวที GBC

สำหรับประเด็นที่หลายคน เริ่มรู้สึกว่าชาวต่างชาตินั้น เข้าข้างกัมพูชามากกว่าประเทศไทย นายปณิธาน กล่าวว่า ความรู้สึกนี้ไม่ผิดผลาดมากนัก เช่น การเมินเฉยของสหประชาชาติ เมื่อเทียบกับคราวที่แล้ว โดยเฉพาะการไม่ออกมาแสดงบทบาทกดดันกัมพูชา หรือมีทีท่าสงสัยการกระทำของเรา และไทยเองต้องยอมรับว่าเราทำให้เขาสงสัย และที่ผ่านมาในการประชุมวาระเร่งด่วนนั้น แสดงว่ากัมพูชามีเพื่อนและมีการล็อบบี้ยิสต์ที่เข้มข้นตั้งแต่แรก เป็นสิ่งบอกเหตุ แต่หากเรามองไปข้างหน้า ไทยต้องลดทอนความนิ่งเฉยของนานาชาติลง นอกจากให้ข้อมูลชาวต่างชาติวันนี้แล้ว และต้องจี้ชาวต่างชาติว่า เมื่อเห็นข้อมูลแล้วทำอย่างไรต่อไป เห็นความเสียหายชัดเจนของพลเรือนแล้วจะทำอย่างไร และการที่ไทยจะฟ้องร้องที่ศาลต่างๆ ประเทศเหล่านี้จะช่วยหรือไม่ เพื่อเร่งรัดให้การช่วยเหลือไทยมีน้ำหนัก และกดดันกัมพูชา และเจ้าหน้าที่ต่างชาติที่ไปลงพื้นที่วันนี้ นั่งอยู่ในกรรมการชุดต่างๆ ของสหประชาชาติทั้งหมดเลย

นายปณิธาน กล่าวถึงภาษีทรัมป์ที่ประกาศเก็ษภาษีนำเข้าประเทศไทย อยู่ที่ 19 % ซึ่งเท่ากับกัมพูชา ทั้งที่เป็นฝ่ายละเมิดข้อตกลงหยุดยิง เรื่องที่เกิดขึ้นสะท้อนว่าสหรัฐฯ เลือกเข้าข้างกัมพูชามากว่าเราแน่นอน แต่ภาษีในครั้งนี้ก็ยังถือเป็นเรื่องน่ายินดีที่ไม่เกิน 20 % ทำให้คนไทยคลายกังวล ที่สำคัญภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ของไทยต่ำว่าเวียดนาม 1% และสิ่งที่เห็นได้ชัดเจนอีกเรื่องคือ ทูตสหรัฐฯ ก็มีการแสดงออกว่าไม่เข้าข้างประเทศไทย และไม่ประณามกัมพูชา ทั้งที่สหรัฐฯ มีข้อมูลหมด ที่สำคัญเขาตั้งคำถามเสมอไทยอยู่เสมอว่า ไทยอยู่ข้างสหรัฐฯ หรือไม่ แต่สิ่งที่สะท้อนออกในวันนี้ ทำให้ไทยรู้ว่าสหรัฐฯ ไม่ได้คิดว่าไทยอยู่ข้างตนเอง แต่เอื้อประโยชน์ให้จีน

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

แถลงข่าวยิ่งใหญ่ เตรียมจัดกิจกรรม “วิ่ง ปั่น รวมใจ อุทยานหลวงปู่มั่น” 26 ต.ค. นี้ ณ โคราช
แถลงข่าวยิ่งใหญ่ เตรียมจัดกิจกรรม “วิ่ง ปั่น รวมใจ อุทยานหลวงปู่มั่น” 26 ต.ค. นี้ ณ โคราช
โคราช ระเบิดศึกอีสปอร์ต KORAT PAO E-SPORTS TOURNAMENT 2025 เฟ้นหาดาวเด่น ROV-eFootball สู่เวทีระดับประเทศและนานาชาติ
"พงศ์พร" ถามเป็นประโยชน์ตรงไหน ก.พ.ดันตำแหน่ง "ผอ.สำนักพุทธฯ" เทียบเท่าปลัดกระทรวง
"ธรรมนัส" ลั่นกล้าธรรม พร้อมร่วม "ก.เกษตรฯ" ปกป้องผลประโยชน์เกษตรกรไทย โดนผลกระทบเงื่อนไขสหรัฐใช้ลดภาษี
“สถานทูตสวีเดน” แจงชัด ไม่มีนโยบายระงับการจำหน่าย “กริพเพน” ให้ไทย หลังกัมพูชาปล่อยเฟกนิกส์ “สถานทูตสวีเดน” แจงชัด ไม่มีนโยบายระงับการจำหน่าย “กริพเพน” ให้ไทย หลังกัมพูชาปล่อยเฟกนิกส์

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​