วันนี้ ( 30 ก.ค.) ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองถนนราชดำเนินใน ศาลนัดไต่สวน คดีหมายเลขดำที่ บค.1/2568 อัยการสูงสุดและคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เป็นโจทก์ กรณีตรวจสอบข้อเท็จจริงการบังคับโทษคดีถึงที่สุด นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
โดยศาลนัดไต่สวนพยานจำเลยปาก ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.วิษณุ เครืองาม โดยศาลอนุญาตให้โจทก์ (คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ) ชักถามพยานเพิ่มเติมได้ตามที่เห็นสมควร คดีเสร็จการไต่สวน
ทั้งนี้ ดร.วิษณุ ได้ส่งเอกสารประกอบการเบิกความล่วงหน้าต่อศาล 1 ฉบับ ทำให้วันนี้เป็นการที่ศาลซักถามเพิ่มเติมตามแต่ละข้อสงสัย
โดยนายวิษณุ เบิกความในฐานะพยานสรุปว่า ก่อนที่นายทักษิณ อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางกลับประเทศไทยก่อนวันที่ 22 ส.ค. 2566 ว่าได้รับข้อมูลการเดินทางกลับของนายทักษิณจากสื่อมวลชนซึ่งทำให้มีการเตรียมพร้อมเก้อหลายครั้ง จนกระทั่งได้รับการยืนยันจากเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูงและสถานทูต จากนั้นจึงได้มีการประชุมกับเจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรมเพื่อเตรียมพร้อมในการรับตัวนักโทษ มีการเตรียมพร้อม เพราะจำเลยเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีถือเป็นบุคคลสำคัญทางการเมืองของประเทศไทย มีทั้งคนรักคนเกลียด และน่าจะมีการเจ็บป่วยเนื่องจากสูงอายุ เเละที่ผ่านมาก็มีนักโทษหลายก็มีการเเยกการคุมขังเป็นพิเศษเพื่อป้องกันการประทุษร้าย เเละไม่ใช่เป็นการให้สิทธิพิเศษ
ทั้งนี้ นายวิษณุ ยังระบุด้วยว่า เดินทางไปพิจารณาสถานที่กักขังของนักโทษรายสำคัญหลายรายเพื่อประกอบการตัดสินใจ แต่ไม่ได้มีการเตรียมการสำหรับการย้ายตัวไปรักษาพยาบาลนอกทัณฑสถาน แต่ทั้งนี้มีการหารือว่าหากมีการเจ็บป่วยจะต้องส่งตัวไปที่โรงพยาบาลใดซึ่งเบื้องต้นตั้งหลักให้เป็นโรงพยาบาลของรัฐบาลแต่หากมีอาการป่วยจำเพาะที่ต้องการหมอเฉพาะทางให้พิจารณาตามโรงพยาบาลที่มีข้อตกลงร่วม (MOU)
รวมถึงการได้พบนายทักษิณที่สถานพยาบาล ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ก็ได้เข้าไปพร้อมคณะเจ้าหน้าที่ และได้พูดคุยกับทักษิณเป็นระยะเวลา 20 นาที ณ ขณะนั้นยืนยันว่าไม่ได้มีการพูดถึงการพักโทษหรือการย้ายตัวคุมขัง แต่ทางจำเลยสอบถามตนเองเรื่องการขอพระราชทานอภัยโทษ ซึ่งต่อมานายทักษิณได้รับพระราชทานอภัยโทษ แต่เรื่องไม่ผ่านมาที่ตนในฐานะรักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
นอกจากนี้ยังได้พูดถึงปัญหาสุขภาพของทักษิณ และการออกกำลังกายในครั้งที่อยู่ต่างประเทศ โดยตนเองได้ให้คำแนะนำว่าหลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการต่างๆตามกฎหมาย อยากให้นายทักษิณได้บวชเข้าสู่ทางธรรม ซึ่งนายทักษิณแจ้งว่ามีปัญหาส่วนตัวเล็กน้อยจึงไม่สะดวก
จากนั้นในช่วงกลางดึกของวันที่ 22 ส.ค. ที่มีการย้ายตัวนายทักษิณเข้ารักษาตัวด่วนที่โรงพยาบาลตำรวจ ตนเองได้ทราบข้อมูลภายหลังจากการส่งตัวแล้วจากปลัดกระทรวงยุติธรรม ซึ่งตนได้สอบถามว่าย้ายตัวไปโรงพยาบาลใด ทางปลัดฯ จึงระบุว่าเป็นโรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งก่อนหน้านายทักษิณระบุว่าต้องการไปโรงพยาบาลย่านพระราม 9 ซึ่งตามระเบียบเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว