“เสธหิ” สุดทน! “กัมพูชา” ยังยิงใส่ไทยไม่ยั่ง สั่งสอน “พิธา” ไล่ให้ไปชายแดน

"เสธหิ" สุดทน! "กัมพูชา" ยังยิงใส่ไทยไม่ยั่ง สั่งสอน "พิธา" ไล่ให้ไปชายแดน

เป็นการโพสต์ประโยคสั้นๆแต่ต้องบอกว่าเจ็บไปถึงทรวงเลยเมื่อ “เสธหิ” หรือ ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ ผู้อำนวยการพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้โพสต์ facebook ในประเด็นที่ผู้นำของประเทศไทยและผู้นำของประเทศกัมพูชาได้มีการจับมือตกลงกันว่าจะยุติการทำสงครามที่เกิดขึ้นภายในเที่ยงคืนวันที่ 29 กรกฎาคม 2568 พร้อมกับโพสต์ถามไปถึงนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ด้วยข้อความเพียงไม่กี่บรรทัดว่า…

“ผมอยากเรียน คุณพิธา ว่า พวกเราหลายคนเข้าใจดี ว่าอัตราภาษีของสหรัฐ มีความสำคัญกับประเทศเราอย่างไร แต่อยากเรียนให้ทราบว่า จนถึงขณะนี้ อีกไม่ถึง 2 ชั่วโมง จะถึงเวลาหยุดยิง ฝั่งกัมพูชา ยังเสริมทหารและรถถังเข้ามาตลอดเวลา คุณพิธาช่วยไปที่ชายแดน เดินไปบอกให้เขาหยุดได้ไหมครับ”

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ขณะที่ เมื่อเวลา 22.14 น. วันที่ 28 กรกฎาคม ที่ผ่านมา นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวผลการประชุมพิเศษระหว่างไทย-กัมพูชา ที่ประเทศมาเลเซีย

นายนิกรเดช เปิดเผยว่าตนเองเพิ่งเดินทางกลับมาจากประเทศมาเลเซีย ร่วมภารกิจกับนายภูมิธรรม เวชยชัย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ที่เข้าร่วมการประชุมพิเศษกับนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชาและคณะ ซึ่งเป็นการที่จัดขึ้นโดยนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน 2025

สำหรับการประชุมดังกล่าวเริ่มขึ้นในเวลา 15.00 น.ของวันนี้ มีผู้เข้าร่วมคือ ไทย กัมพูชา มาเลเซียประเทศ เอกอัครราชทูตของสหรัฐอเมริกาและจีนประจำกัวลาลัมเปอร์ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะหยุดยิงโดยทันทีโดยมีผลบังคับตั้งแต่ 24.00 น.ของวันที่ 28 ก.ค.68 ซึ่งจะเป็นก้าวแรกที่จะลดความตึงเครียด และการฟื้นฟูสันติภาพและความมั่นคง

 

 

ฝ่ายไทยเดินทางไปร่วมประชุมครั้งนี้พร้อมเจตนารมณ์ที่แสดงจุดยืนในสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา เราได้พูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นตลอดในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา ทั้งการรุกล้ำอธิปไตย การสูญเสียชีวิตทั้งทหารและพลเรือน ความเดือดร้อนของประชาชนตามแนวชายแดน เหตุการณ์วางกับระเบิด การคุกคามยั่วยุ สิ่งเหล่านี้จะต้องไม่เกิดขึ้นอีก ขณะเดียวกันฝ่ายไทยมีความพร้อมและความจริงใจที่จะหาทางออกร่วมกันกับทุกฝ่าย กระทรวงการต่างประเทศมองว่า ข้อตกลงหยุดยิงที่เห็นชอบทั้งสองฝ่าย ถือเป็นความสำเร็จในขั้นต้น เป็นก้าวแรกและก้าวสำคัญที่จะนำมาซึ่งความสงบและความปลอดภัยตามแนวชายแดน นายนิกรเดช ย้ำถึงข้อตกลงระหว่างไทย-กัมพูชา 3 ข้อ ได้แก่

1.หยุดยิงทันที และไม่มีเงื่อนไข โดยให้มีผลภายใน 24.00 น. (เวลาท้องถิ่น) หรือเวลาเที่ยงคืนของวันที่ 28 ก.ค.68

2.จัดให้มีการประชุมอย่างไม่เป็นทางการของผู้บังคับบัญชาทางทหารในพื้นที่ ระหว่างกองทัพภาคที่ 1 และ 2 ของไทย และกองทัพภาคที่ 4 และ 5 ของกัมพูชา ในวันที่ 29 ก.ค.68 เวลา 07.00 น. จากนั้นจะมีการประชุมผู้ช่วยทูตฝ่ายทหาร โดยมีอาเซียนเป็นผู้จัด หากได้รับความเห็นพ้องของทั้ง 2 ประเทศ

3.จัดให้มีการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทยกัมพูชา หรือจีบีซี (General Border Committee – GBC) ในวันที่ 4 ส.ค.68 โดยมีกัมพูชาเป็นเจ้าภาพ
ทั้งนี้ มาเลเซียจะทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานและสังเกตการณ์การหยุดยิง และจะมีการปรึกษาหารือร่วมกับประเทศสมาชิกอาเซียนเพื่อเข้าร่วมสังเกตการณ์ดังกล่าวด้วย พร้อมกับวางช่องทางหารือตรง 3 ระดับได้แก่ ระดับนายกรัฐมนตรี , ระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของทั้งสองประเทศ เพื่อให้กลับมามีช่องทางประสานงานตรงกันอีกครั้งหนึ่ง

นายนิกรเดช กล่าวต่อว่า ผลของการเจรจาหยุดยิงนั้น จะนำมาซึ่งความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน รื้อฟื้นการกลับมาเจรจาในกรอบทวิภาคี โดยการหารือในวันพรุ่งนี้เช้า จะเป็นการเริ่มต้นในการหารือทวิภาคี ซึ่งเป็นท่าทีของไทยที่เรียกร้องมาโดยตลอด ทั้งนี้ จะมีการประชุม GBC และ JBC ตามลำดับ โดยจะมีผู้สังเกตการณ์หรือสักขีพยานในการตรวจสอบยืนยันการปฎิบัติตามข้อตกลงหยุดยิง ซึ่งไทยเรียกร้องมาโดยตลอดว่า ต้องการเห็นความจริงใจของฝ่ายกัมพูชา เพื่อให้ประชาชนจะได้กลับมาใช้ชีวิตปกติ

สำหรับบรรยากาศการประชุมเป็นไปด้วยดีและตรงไปตรงมา ทั้งยังเป็นโอกาสให้นายภูมิธรรม แสดงจุดยืนของไทยในการแก้ปัญหาโดยสันติวิธี ยึดมั่นต่อการปกป้องอธิปไตยและประชาชนไทย การเจรจาดังกล่าวเป็นการหยุดยิงเท่านั้น ไม่ได้มีการเจรจาเรื่องเขตแดน จึงไม่มีผลให้ไทยได้หรือเสียดินแดนไทย

ไทยยังคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนในบริเวณชายแดน และคนไทยในกัมพูชาเป็นสำคัญ การหยุดยิงจะส่งผลให้ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่ชายแดนสามารถกลับมาใช้ชีวิตตามปกติโดยปราศจากภัยคุกคาม การปะทะ และการสู้รบ ประชาชนในพื้นที่ชายแดนสามารถใช้ชีวิตได้โดยไม่เสี่ยงต่อการโจมตีหรือบาดเจ็บในระหว่างการเดินทาง
เราต้องการเห็นความสุจริตใจจากฝ่ายกัมพูชา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการยุติการโจมตีเป้าหมายพลเรือน การหยุดยิงจะต้องอยู่บนพื้นฐานกฎหมายระหว่างประเทศ และกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ การหารือในรายละเอียดและขั้นตอนของเรื่องต่างๆ เช่น การจำกัดอาวุธทุกประเภท การยุติการวางระเบิด การไม่เพิ่มกำลังเข้าไปในพื้นที่ การยุติการคุกคามยั่วยุ โดยเฉพาะหน่วยงานในพื้นที่ต้องทำหน้าที่ติดตามตรวจสอบให้เกิดผลจริงในทางปฏิบัติ ทั้งนี้เพื่อให้กลับเข้าสู่ภาวะปกติได้

นายนิกรเดช ย้ำว่า ประเทศไทยให้ความสำคัญกับอธิปไตย บูรณภาพของดินแดน ผลประโยชน์ของชาติและความปลอดภัยของประชาชนเป็นสำคัญ ขอให้ประชาชนระมัดระวังการสื่อสารและรับข้อมูลข่าวสาร โดยเฉพาะช่องทางสื่อสารสังคมออนไลน์ ซึ่งอาจจะนำไปสู่ความเข้าใจความแตกแยกโดยไม่ได้ตั้งใจ เพื่อให้สอดคล้องกับความพยายามที่จะยุติความขัดแย้งและส่งเสริมสันติภาพ ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นการดำเนินงานของรัฐบาลที่มุ่งปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ ประชาชน ยึดหลักสากลและกฎหมายระหว่างประเทศ

ในช่วงถามตอบ ผู้สื่อข่าวได้ถามว่า ในระหว่างที่พูดคุยกัน มาเลเซียรับรู้หรือไม่ว่าฝ่ายกัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มเปิดฉากยิงไทยก่อน นายนิกรเดช กล่าวว่ามาเลเซียและทุกคนที่อยู่ในห้องนั้น รับรู้รับทราบ เนื่องจากฝ่ายไทยได้บอกต่อประชุม โดยไทยได้ไล่ลำดับเหตุการณ์ ว่าอะไรเกิดขึ้นบ้าง ไม่ว่าจะเป็นการละเมิดอธิปไตย การยิงก่อน การวางกับระเบิดสังหารบุคคล ยิงเป้าที่ไม่ใช่ทหาร เราพูดทั้งหมด มาเลเซีย , สหรัฐฯ , จีน และกัมพูชาก็รับทราบ เรารายงานในที่ประชุมไปแล้ว

เมื่อถามว่าในการพูดคุย กัมพูชาได้ชี้แจงถึงเหตุผลในการละเมิดอนุสัญญาออตาวาหรือไม่ นายนิกรเดช ระบุว่ากัมพูชาไม่ได้พูดตรงนี้ โดยให้เหตุผลว่าการประชุมครั้งนี้ ขอโฟกัสไปที่การหยุดยิง เราพยายามมองไปข้างหน้าว่า อะไรจะทำให้หยุดยิงได้ เช่น การมีกลไกของผู้ที่จะมาสังเกตการณ์ ซึ่งพรุ่งนี้ในการประชุมของฝ่ายทหาร จะมีผู้ช่วยทูตทหารของอาเซียน , ผู้ช่วยทูตทหารของจีนและสหรัฐฯ เข้าร่วมด้วย

สำหรับการประชุมวันนี้ เรามุ่งเน้นไปที่การหยุดยิงและการจำกัดความเสียหายที่เกิดขึ้นกับคนที่อยู่บริเวณชายแดน รวมถึงการบาดเจ็บและล้มตาย ส่วนเรื่องอนุสัญญาออตาวา จะต้องมีการพูดคุยต่อ อย่างไรก็ตาม หากอนาคตมีเหตุการณ์ เช่น ทหารเหยียบกับระเบิดอีก ก็จะแสดงถึงความไม่จริงใจ วันนี้เราตกลงกันว่าจะหยุดยิงบนพื้นฐานของความจริงใจทั้งสองฝ่าย เราได้ไล่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าใครเริ่มยิงก่อน , วางกับระเบิดอย่างไร เราบอกเงื่อนไขของการหยุดยิง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือจะต้องไม่มีการวางกับระเบิดอีก

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"ศบ.ทก." โต้แรง "กัมพูชา" ปล่อยข่าวมั่ว ชี้ระเบิด MK-84 โผล่เขมรสนิมอย่างเขรอะ ไม่ใช่ถูกบอมบ์จาก F-16 หรือ Gripen ไทย แน่นอน
“นฤมล” นำทีมอวยพรนร.ไทยบินมาเลย์ ลุยศึกคณิตคิดเร็ว ขอให้สำเร็จตามตั้งใจ สร้างชื่อเสียงแก่ครอบครัว ความภูมิใจให้ประเทศชาติ
ฉะเชิงเทรา เก๋งชนกระเด็นพ่อแม่ลูก 5 เดือน หมดสติ
"ผู้ว่าฯสงขลา" เดินหน้าขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการ "No Drug No Dealers" ผนึกกำลังทุกภาคส่วน กวาดล้างยาเสพติด สร้างชุมชนปลอดภัยและยั่งยืน
"โฆษกทบ."แถลงเหตุทหารไทยยังยึด "ปราสาทตาควาย" ไม่ได้ทั้ง 100% "วาสนา นาน่วม"ย้ำกำลังพลทำดีที่สุด กล้าหาญรุกเข้า Killing Zone
เกินเยียวยา! "สส.พรรคส้ม" ออกโรงโวยรพ.ชายแดน งดรับผู้ป่วยใหม่กัมพูชา ลั่นกระทบต่อเกียรติภูมิประเทศ

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​