การเคหะแห่งชาติ ห่วงใยพี่น้องประชาชนชายแดนไทย–กัมพูชา เร่งช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางในทุกมิติ
ข่าวที่น่าสนใจ
29 กรกฎาคม 2568 นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ เปิดเผยว่า นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้ให้ความสำคัญและแสดงความห่วงใยต่อพี่น้องประชาชนในพื้นที่ชายแดน โดยเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่ในโครงการของการเคหะแห่งชาติ จังหวัดศรีสะเกษ และพื้นที่เสี่ยงภัยในเขตชายแดนของจังหวัดสุรินทร์ อุบลราชธานี และสระแก้ว ซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ ซึ่งรายงานของสำนักงานเคหะจังหวัดศรีสะเกษ พบว่า ขณะนี้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในโครงการบ้านเอื้ออาทรบริเวณอำเภอกันทรลักษ์ ได้อพยพออกจากพื้นที่ทั้งหมดแล้ว โดยเหลือเพียงผู้นำชุมชนอยู่ดูแลความเรียบร้อย ขณะเดียวกัน ยังมีผู้อพยพจากอำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดสุรินทร์ และอุบลราชธานี เดินทางเข้ามาพักอาศัยร่วมกับญาติภายในโครงการของการเคหะแห่งชาติในจังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งข้อมูลเบื้องต้นสรุปได้ว่า มีประชาชนเข้าพักอาศัยในโครงการบ้านเอื้ออาทรบริเวณหนองครก จำนวน 130 ราย, โครงการเคหะชุมชนและบริการชุมชนบริเวณบ้านโพนข่า จำนวน 193 ราย, โครงการบ้านเอื้ออาทรบริเวณกันทรารมย์ จำนวน 86 ราย, โครงการบ้านเอื้ออาทรในพื้นที่อำเภอขุขันธ์ ประมาณ 30 ราย และโครงการบ้านเอื้ออาทรบริเวณอำเภออุทุมพรพิสัย ซึ่งอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติม เนื่องจากผู้อพยพส่วนใหญ่ยังพักอาศัยอยู่ในศูนย์พักพิงที่ทางจังหวัดจัดเตรียมไว้
ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติกล่าวเพิ่มเติมว่า การเคหะแห่งชาติได้ประสานความร่วมมือกับทีม พม.หนึ่งเดียว (One Home) ของกระทรวง พม. เพื่อให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว โดยดำเนินการช่วยเหลือในหลายมิติ เช่น การมอบถุงยังชีพ น้ำดื่ม และอาหารแห้ง บรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้น พร้อมทั้งดูแลกลุ่มเปราะบางอย่างเหมาะสม
โดยมีเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สำรวจและให้การช่วยเหลือเฉพาะด้าน รวมถึงประสานบริการด้านการแพทย์และสุขภาพจิต ร่วมกับหน่วยงานสาธารณสุขและทีมสังคมสงเคราะห์ในพื้นที่ เพื่อดูแลทั้งด้านร่างกายและจิตใจของผู้ประสบเหตุ นอกจากนี้ การเคหะแห่งชาติยังได้จัดตั้งจุดประสานงานเฉพาะกิจ ณ สำนักงานเคหะจังหวัดศรีสะเกษ เพื่อเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด รวมถึงเตรียมพร้อมให้ความช่วยเหลืออย่างทันท่วงทีหากสถานการณ์ยืดเยื้อ ในส่วนของจังหวัดสุรินทร์ เจ้าหน้าที่จากนิคมสร้างตนเองเลี้ยงไหมของกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการได้รับผลกระทบโดยตรงจากสถานการณ์ชายแดน จนจำเป็นต้องอพยพออกจากพื้นที่ปฏิบัติงาน ทำให้ขาดแคลนสถานที่พักและที่ทำงานชั่วคราว เพื่อให้การช่วยเหลือดำเนินไปอย่างราบรื่น การเคหะแห่งชาติ โดยสำนักงานเคหะจังหวัดสุรินทร์ ได้เปิดพื้นที่สำนักงานให้เจ้าหน้าที่นิคมฯ ใช้เป็นจุดประสานงาน พร้อมจัดหาที่พักชั่วคราวภายในโครงการของการเคหะแห่งชาติที่อยู่ในพื้นที่ เพื่อให้เจ้าหน้าที่กลุ่มดังกล่าวสามารถอยู่อาศัยและปฏิบัติงานได้อย่างเหมาะสมและปลอดภัย
นายทวีพงษ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า “กระทรวง พม. และการเคหะแห่งชาติมีความห่วงใยต่อพี่น้องประชาชนในทุกพื้นที่ โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ เด็ก และผู้พิการ ซึ่งถือเป็นกลุ่มเปราะบาง เราจะเร่งประสานให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน และสร้างความปลอดภัยในทุกมิติ” ทั้งนี้ ประชาชนที่ต้องการความช่วยเหลือสามารถติดต่อสายด่วนกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โทร. 1300 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ข่าวล่าสุด
เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น