ศบ.ทก.แถลงหลังหยุดยิง ไทยยึดคืน ควบคุม 11 พื้นที่แนวชายแดน ประณามกัมพูชาละเมิดข้อตกลง ขอประชาชน ติดตามสถานการณ์ก่อนกลับเข้าพื้นที่
ข่าวที่น่าสนใจ
29 ก.ค.2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) แถลงข่าวประเด็นสำคัญเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาประจำวันที่ 29 ก.ค. 2568 โดยนางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศและรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ และ พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษก ศบ.ทก.ด้านความมั่นคง
โดยพล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า การเจรจาหยุดยิง ในเวลา 24:00 น โดยฝ่ายไทยได้ยืนยันว่าปฏิบัติตามเงื่อนไขข้อตกลง หยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยการหยุดยิง ในทุกๆพื้นที่ โดยยึดมั่นในคำมั่นสัญญาที่รัฐบาล2ฝ่ายได้ร่วมกันให้ไว้ อย่างไรก็ตามหลังเลยกำหนดเวลาหยุดยิงแล้ว เราได้พิสูจน์ทราบแล้วว่ากัมพูชายังมีการใช้อาวุธยิงเข้ามาในเขตแดนของประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง หลายจุดถือเป็นการกระทำจงใจละเมิดข้อตกลง ทำลายความเชื่อมั่นที่ควรมีต่อกันในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน การกระทำของกัมพูชาทำให้ฝ่ายไทยมีความจำเป็น ใช้มาตรการโต้กับภายใต้สิทธิในการป้องกันตนเอง ตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ โดยฝ่ายไทยไม่ได้ใช้กำลังเพื่อรุกราน แต่ใช้เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติความปลอดภัยของประชาชน
นอกจากนี้ก็ยังทราบว่ากัมพูชาได้ใช้โบราณสถาน เป็นโล่กำบังซึ่งเป็นการละเมิด พันธกรณีในการคุ้มครองทางวัฒนธรรมของสหประชาชาติ หรืออนุสัญญาภายใต้ของยูเนสโก สิ่งต่างๆเหล่านี้เป็นที่ปรากฏชัดว่า ยังเป็นการละเมิดและไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขข้อตกที่ให้กันไว้ ขอประณามในการกระทำของฝ่ายกัมพูชา
ส่วนสถานการณ์ในพื้นที่การปะทะ ระหว่างไทยกับกัมพูชาที่ผ่านมาตั้งแต่เวลา 6 นาฬิกาของวันนี้ พื้นที่ที่ไทยสามารถควบคุมได้มีทั้ง หมด 11 พื้นที่ด้วยกัน เช่นพื้นที่ภูมะเขือ ช่องอานม้า ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย แนวเขตแดนช่องบก โดนตวล สัตตะโสม ช่องจอม ช่องสายตะกู บ้านกรวด พระวิหาร พลาญยาว
ส่วนยอดรวมผู้อพยพมีจำนวนทั้งสิ้น 118,729 คน โดยที่ผ่านมาสถานการณ์ของผู้ที่ได้รับผลกระทบ ที่เป็นพลเรือนมียอดเสียชีวิต 15 คน บาดเจ็บสาหัส 12 คน บาดเจ็บปานกลาง 13 คน บาดเจ็บเล็กน้อย 13 คน รวมยอดทั้งสิ้น 53 คน เพิ่มขึ้น 1 รายในจังหวัดสุรินทร์ ปัจจุบันยอดที่เป็นผู้บาดเจ็บแอดมิทอยู่ในโรงพยาบาล 14 ราย ส่วนสถานพยาบาลที่ได้รับผลกระทบมี 20 แห่ง ปิดบริการทั้งหมด 13 แห่ง ปิดบางส่วน 7 แห่ง ส่วนโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ได้รับผลกระทบ 175 แห่ง
ส่วนตามข้อตกลงหยุดยิงที่ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกันที่ประเทศมาเลเซียเมื่อวานนี้ เมื่อเช้านี้ทั้งสองฝ่ายก็ได้เริ่มหารือในระดับผู้บังคับบัญชาในพื้นที่ แม่ทัพภาค ผู้บัญชาการกองกำลังต่างๆในพื้นที่ก็ได้มีการหารือกัน ขอเน้นย้ำ ว่าไม่ใช่เป็นการประชุม rbc เป็นการหารือระหว่างผู้บังคับบัญชาในพื้นที่ของทั้งสองประเทศ ซึ่งการหารือตรงนี้ก็เป็นการกำหนดกรอบแนวทางการปฏิบัติหลังจากที่เรามีการหยุดยิงแล้ว โดยกรอบแนวทางที่ทั้งสองฝ่ายได้หารือกันประกอบด้วย 5 เรื่องคือ ห้ามยิงต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ หยุดการเพิ่มเติมกำลัง ห้ามเคลื่อนย้ายกำลังที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ใดก็ขออยู่ในพื้นที่นั้น ส่วน ประเด็นสุดท้ายแนวทาง การส่งกลับ ผู้บาดเจ็บ ผู้ป่วย ผู้เสียชีวิตตลอดจนผู้ถูกควบคุม แนวทางจะเป็นอย่างไรก็เป็นเรื่องทั้งสองฝ่ายจะต้องตกลงหารือข้อยุติร่วมกัน
ส่วนในเรื่องของความมั่นคงอยากให้เฝ้าระวังในเรื่องของการโจมตี ทางไซเบอร์ ถือเป็นเรื่องสำคัญ ในระยะที่ผ่านมาเราก็จะเห็นว่ามีการโจมตีทางไซเบอร์ ในเว็บไซต์หรือสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ มีการใช้ AI ข่าวปลอม ข่าวลวงต่างๆก็อยากจะฝาก ประชาชน ใช้วิจารณญาณในการติดตามข้อมูลข่าวสาร รวมถึงรายงานให้กับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องหากตรวจพบว่ามีการละเมิดทางไซเบอร์ ซึ่งมีกระทรวงดิจิทัลเศรษฐกิจและสังคม เป็นกระทรวงหลักในการติดตามเรื่องนี้
ด้านนางมาระตี กล่าวต่อถึงผลลัพธ์การประชุมสมัยพิเศษ แต่กัมพูชากลับมีการละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ไทยจึงมีเหตุที่ต้องตอบโต้เพื่อปกป้องอธิปไตยจากการโจมตีของฝ่ายกัมพูชาที่ยังคงมีอยู่ในบางพื้นที่ ดังนั้นจึงขอเรียกร้องให้ฝ่ายกัมพูชาให้ปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัดและโดยทันที ขอย้ำว่าการหยุดยิงเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของการดำเนินการที่เกี่ยวข้องต่อไป นำไปสู่สถานการณ์ที่ลดความตึงเครียดระหว่างสองประเทศได้
ฝ่ายไทยส่งทีมไปมาเลเซียเมื่อวานนี้ด้วยความตั้งใจที่จะแสดงจุดยืนเกี่ยวกับสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา รัฐบาลไทยได้เน้นย้ำว่าสิ่งที่เกิดขึ้นตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการรุกล้ำอธิปไตย การสูญเสียชีวิตทั้งทหารและพลเรือน ความเดือดร้อนของประชาชนตามแนวชายแดน เหตุการณ์กับระเบิด และการคุกคามยั่วยุต้องไม่เกิดขึ้นอีก
ทั้งนี้ขอให้ฝ่ายกัมพูชาดูแลคนไทยในกัมพูชา เช่นเดียวกับที่ไทยจะดูแลคนกัมพูชาในไทย ซึ่งเป็นการรักษาผลประโยชน์ของไทยในการประชุม ฝ่ายไทยยังคงมีความพร้อมและจริงใจในการหาทางออกร่วมกัน โดยข้อตกลงหยุดยิงที่เห็นชอบกันทั้งสองฝ่ายถือเป็นความสำเร็จในขั้นต้น และเป็นก้าวแรกที่สำคัญที่จะนำมาซึ่งความสงบและปลอดภัยตามแนวชายแดน
กระทรวงการต่างประเทศ เน้นย้ำถึงการรื้อฟื้นให้ทั้งสองฝ่ายกลับสู่โต๊ะเจรจาทวิภาคี เป็นที่น่ายินดีที่เมื่อเช้ามีการเจรจาอย่างเป็นทางการเกิดขึ้นแล้วระหว่างแม่ทัพภาคของทั้งสองฝ่าย และในอนาคตจะมีการประชุม JBC ในเดือน ก.ย.นี้ และการประชุม GBC ในวันที่ 4 ส.ค.68
สำคัญที่สุดคือประชาชนที่เข้าไปอยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราวจะได้กลับบ้านในเร็ววันนี้ แต่ขอให้รอสักระยะ เนื่องจากสถานการณ์ยังมีความเปราะบางอยู่ จากนี้ไทยต้องการเห็นความสุจริตไทยจากกัมพูชาทั้งเรื่องการหยุดโจมตีต่อพลเรือน การหยุดยิงจะต้องอยู่บนพื้นฐานของกฎหมายระหว่างประเทศและกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ในช่วงของการปฎิบัติตามข้อตกลงหยุดยืนยังมีความเปราะบางอยู่
สำหรับการหารือในรายละเอียดและขั้นตอนต่อไป หน่วยงานในพื้นที่จะติดตามตรวจสอบการปฎิบัติเพื่อให้สถานการณ์กลับสู่สภาวะปกติต่อไป ทั้งนี้ขอขอบคุณประเทศต่าง ๆ ที่เริ่มแสดงความยินดีและให้ความสำคัญกับการปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิง ขอย้ำว่าการดำเนินการทุกอย่างของรัฐบาลให้ความสำคัญกับอธิปไตย บูรณภาพดินแดน ผลประโยชน์ของชาติ และความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง