“ศบ.ทก.”​ แถลงยืนยัน กัมพูชาเปิดฉากยิงก่อน ขยายการโจมตี ทำชาวบ้านบาดเจ็บ-เสียชีวิต​​ บ้านเรือนเสียหาย ขอปชช.เชื่อมั่น กองทัพพร้อมรับมือ ปกป้องอธิปไตย

ศบ.ทก.​ ยัน กัมพูชาเปิดฉากยิงปะทะฐานหมูป่า​ ตาเมือนธม หลังไทยพยายามตะโกนเจรจา​ไม่เป็นผล​ ขยายโจมตี​ทำปชช.เสียชีวิต​ -​ โรงพยาบาล​ บ้านเรือนเสียหายหาย

“ศบ.ทก.”​ แถลงยืนยัน กัมพูชาเปิดฉากยิงก่อน ขยายการโจมตี ทำชาวบ้านบาดเจ็บ-เสียชีวิต​​ บ้านเรือนเสียหาย ขอปชช.เชื่อมั่น กองทัพพร้อมรับมือ ปกป้องอธิปไตย – Top News รายงาน

 

 

ศบ.ทก.​

เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล พลเรือตรีสุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม​ และ นางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศ และรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงผลการประชุมศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ​ ศบ.ทก.​ วาระพิเศษ หลังจากที่เกิดเหตุปะทะชายแดนไทย​ -​ กัมพูชา

พลเรือตรีสุรสันต์ กล่าวว่า​ ที่ประชุมได้มีการอัพเดทสถานการณ์ การรักลอบวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลที่บริเวณช่องอานม้า​ จนทำให้มีเหตุให้กำลังพลบาดเจ็บสาหัส กำลังพลของกองทัพบก​ ชุดลาดตระเวนกองพันทหารราบที่ 14​ ซึ่งเป็นเส้นทางปฏิบัติการปกติของฝ่ายไทยที่มีการลาดตระเวนมาอย่างต่อเนื่องซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้กองกำลังพลของกองทัพบกได้รับบาดเจ็บ 5 ราย หนึ่งในจำนวนนั้นได้รับบาดเจ็บสาหัสถึง ข้อเท้าขวาขาด ส่วนอีก 4 นายมีอาการแน่นหน้าอก​ หูอื้อจากแรงสั่นสะเทือนของระเบิด โดยปัจจุบันอยู่ในการดูแลของแพทย์เร่งด่วน และส่งตัวไปยังโรงพยาบาลน้ำยืนก่อนที่จะส่งตัวต่อไปยัง โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์

พลเรือตรีสุร​สันต์​ ยังกล่าวว่า​ ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมาเหตุการณ์สำคัญตั้งแต่เวลา 07.35 น ทางฝ่ายกัมพูชาเริ่มใช้โดรนบินเพื่อตรวจการการวางกำลังของฝ่ายไทยบริเวณปราสาทตาเมือน โดยกำลังของกัมพูชา​ นำอาวุธมาประจำการที่บริเวณด้านหน้าแนวลวดหนามพร้อมกำลังพล 6 นาย​ อาวุธครบมือ​ โดยมีอาวุธหนัก RPG มาบริเวณแนวหน้า​ ซึ่งฝ่ายไทยเห็นว่าสถานการณ์ดูแล้วไม่น่าปลอดภัยจึงใช้ความพยายามในการตะโกนเจรจาแต่ไม่ประสบความสำเร็จ​ จากนั้นในเวลา 08.20 น ฝ่ายกัมพูชาได้เริ่มเปิดฉากยิงบริเวณตรงข้ามฐานหมูป่า ทางทิศตะวันออกของปราสาทตามเมืองห่างจากปราสาท 200 เมตรทำให้ฝ่ายไทยจำเป็นต้องตอบโต้ จากนั้นสถานการณ์ได้ขยายพื้นที่ออกไปตามแนวชายแดนต่างๆเกิดพื้นที่ปะทะอีก 6 พื้นที่ประสาทตาเมือนธม​ ประสาทตาควาย​ ช่องบกเขาพระวิหารบริเวณ​ ห้วยตามาเรีย​ ภูมะเขือ​ ช่องอ่านม้า​ และช่องจอม ปัจจุบันกัมพูชาได้ใช้อาวุธหนักเช่น​ BM 21 ปืนใหญ่ขนาด 122 mm ทำให้เกิดความเสียหายแก่บ้านเรือนประชาชนฝ่ายไทยรวมทั้งการสูญเสียชีวิตของประชาชนฝ่ายไทย ยังมีการโจมตีไปยังพื้นที่ทางสาธารณะคือศูนย์พัฒนาพื้นที่ชายแดน.อำเภอกาบเชิง.จังหวัดสุรินทร์.และล่าสุดโจมตีไปยังโรงพยาบาลของฝ่ายไทย

ข่าวที่น่าสนใจ

โดยฝ่ายไทยได้มีการอพยพประชาชนออกจากพื้นที่.เพื่อความปลอดภัยและมีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส 3 คน 1 ในจำนวนนั้นเป็นเด็กชายอายุ 5 ขวบ.และเสียชีวิต 1 คนในพื้นที่ชุมชนบริเวณชายแดนพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์​ ซึ่งขณะนี้มีความรวดเร็วของสถานการณ์ มีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องขอความกรุณาประชาชนติดตามสถานการณ์ตามช่องทางทางการอย่างต่อเนื่องเช่นกัน

พลเรือตรีสุร​สันต์​ ยังกล่าวอีกว่า​ สืบเนื่องจากสถานการณ์ดังกล่าวฝ่ายไทยได้มีการดำเนินการตามพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม​ พ.ศ 2551 มาตรา 39 โดยให้กองทัพไทยจัดตั้งศูนย์บัญชาการทางทหาร​ ในแต่ละระดับชั้นขึ้นมา​ เพื่อติดตามสถานการณ์และควบคุมอำนวยการและสั่งการการปฏิบัติดังนี้ศูนย์บัญชาการทางทหารมีผู้บัญชาการทหารสูงสุดเป็นผู้บังคับบัญชาสามารถดำเนินการในการใช้กำลังทางทหารปฏิบัติการ

ขณะที่การดำเนินการของศบ.ทก เดิมทีมียังไม่มีมาตรการปิดด่าน​ แต่เน้นย้ำไว้เสมอว่าด่านเราไม่เคยปิด แต่มีเพียงการจำกัดคนและกำจัดจำกัดเวลา​ แต่ในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้จำเป็นต้องยกระดับมากกว่าการควบคุมชายแดนจุดผ่านแดนต่างๆไปถึงระดับที่ 4 คือปิดด่านการเข้าออกทุกด่านตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา

นอกจากนี้ พลเรือตรีสุร​สันต์​ ยังกล่าวว่า​ ยังมีการตรวจพบของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองมีการรายงานว่าได้มีการจับตาการเดินทางของกลุ่มนักท่องเที่ยวไทย ที่เดินทางโดยเครื่องบิน​ และไปเล่นการพนันบริเวณพื้นที่ชายแดนและกลับเข้ามาทางช่องทางบกตามแนวชายแดนพื้นที่ต่างๆ​ ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้เราไม่สนับสนุน ทางการได้มีการรวบรวมและติดตามพฤติกรรมต่างๆอย่างต่อเนื่องและจะมีการเข้มงวดกับกลุ่มคนต่างๆมากยิ่งขึ้น ประกอบกับช่วงนี้เรามีสถานการณ์ตามแนวชายแดน จึงทำให้ด่านปิดจึงไม่สามารถเดินทางทางช่องทางบก​ ได้จึงขอแจ้งเตือนไปยังประชาชน งดการเดินทางในลักษณะเช่นนี้

พลเรือตรีสุรสันต์​ ยังเน้นย้ำว่า​ ทางการไม่ได้นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นโดยในช่วงบ่ายวันนี้เวลา 14.00 น จะมีการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ​ หรือ​ สมช.​ วาระพิเศษ​ ซึ่งจะมีการประเมินสถานการณ์และกำหนดแนวทางในการดำเนินการที่ชัดเจนต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นต่อไป

ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า​ การทำยุทธวิธีของกัมพูชา​พุ่งเป้าไปที่ประชาชน จะมีมาตรการอย่างไร​ พลเรือตรีสุรสันต์​ กล่าวว่าทางกระทรวงมหาดไทยได้ดำเนินการอพยพประชาชนออกจากพื้นที่แล้ว แต่ต้องยอมรับว่าอาจจะมีบางคนไม่อยากออกจากพื้นที่จึงอยากวิงวอนให้ประชาชนออกจากพื้นที่เนื่องจากมีความเสี่ยงไปยังพื้นที่ที่ปลอดภัยซึ่งทางเจ้าหน้าที่ของกระทรวงมหาดไทยพร้อมที่จะอำนวยความสะดวกให้

 

 

ส่วนกระสุนการพุ่งเป้าโจมตีไปยัง พลเรือตรีสุรสันต์​ กล่าวว่า​ ทางกระทรวงการต่างประเทศเตรียมข้อมูลและหลักฐาน ส่วนอาวุธของฝ่ายทางกัมพูชา ต้องยอมรับว่าขีดความสามารถจรวดหลายลำกล้อง การควบคุมวิถีทิศทาง ควบคุมได้ยาก​เพราะฉะนั้นการมาแต่ละครั้งจะมาเป็นชุด และผลกระทบหรือความเสียหาย จะเป็นไปตามบ้านเรือน

นางมาระตี​ ยืนยันว่า กระทรวงการต่างประเทศจะมีการตอบโต้ ทั้งในเรื่องกฎหมายระหว่างประเทศและทางด้านมนุษยธรรม

ส่วนจะมีถกมาตรการให้สถานการณ์​คลี่คลาย​ พลเรือตรีสุรศักดิ์​ กล่าวว่าสถานการณ์มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและมีการเปลี่ยนแปลงพื้นที่โดยเฉพาะกองทัพภาคที่ 2 ได้รับมอบหมายให้ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิด การรายงานจะเป็นการรายงานอย่างเป็นทางการ สายผู้บังคับบัญชา โดยเฉพาะผอ.ศบ.ทก. เป็นห่วงว่า สมทกมีเพียงหน้าที่สนับสนุนทหารในพื้นที่ เปลี่ยนบทบาท

นางมาระตี กล่าวว่า​ ในการดำเนินการด้านการต่างประเทศของกระทรวงการต่างประเทศ อย่างแรกคือเมื่อวานนี้ วันที่ 23 กรกฎาคม ทางกระทรวงการต่างประเทศได้จัดการบรรยายสรุปแก่คณะทูตต่างประเทศและผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศ ในเรื่องเหตุการณ์ทุ่นระเบิดที่ช่องบกจังหวัดอุบลราชธานี และการประท้วงของฝ่ายไทยซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีโดยมีผู้แทนคณะทูตต่างประเทศมาเข้าร่วมจำนวน 93 คนจาก 68 ประเทศ โดยฝ่ายไทยได้มีโอกาสสำคัญชชี้แจงท่าทีและจุดยืนในเรื่องดังกล่าว เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคมและการดำเนินการเรื่องนี้.ทั้งการประท้วงกัมพูชาโดยตรงและการประท้วงไปยังประธานที่ประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาออตโตวา รวมถึงการดำเนินงานต่อไปซึ่งผู้แทนประเทศต่างๆได้รับทราบจุดยืนของไทยซึ่งเป็นไปตามพันธกรณีของไทยเอง

สำหรับสถานการณ์ปะทะระหว่างกองกำลังทั้งสองฝ่ายในขณะนี้โดยที่ฝ่ายกัมพูชาเป็นฝ่ายริเริ่มขอเรียน ให้ประชาชนมั่นใจว่ากระทรวงการต่างประเทศจะดำเนินงานเพื่อปกป้องผลประโยชน์ท่าทีและอธิปไตยของไทย โดยกระทรวงการต่างประเทศพร้อมทำงานอย่างมีเอกภาพดำเนินงานไปพร้อมกับกองทัพไทยเพื่อปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน ตามกฎหมายระหว่างประเทศ

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) แฝดแพนด้ายักษ์เล่นน้ำแข็งสุดฟินฉลองวันเกิดในฉงชิ่ง
ผบ.กองเรือยุทธการ สั่ง “พร้อมรบสูงสุด” ตามแผนจักรพงษ์ภูวนารถ-แผนกษัตริย์ศึก ตรวจความพร้อมหมู่เรือพิฆาต หน่วยซีล และ ฮ.ปฏิบัติการ รับมือภัยคุกคาม
"ท็อปนิวส์" ร่วมแสดงความยินดี "เกษร กำเหนิดเพ็ชร" หลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการสำนักงานศิลปวัฒนธรรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม
"กองทัพภาคที่ 2" สรุปภาพรวมปะทะวันที่ 2 เผย ทหารเขมรโดนเด็ดหัวเป็น 100 สังเวยสมรภูมิ "ภูผี"
“อนุทิน” ลงพื้นที่สนามช้างฯ ให้กำลังใจผู้ประสบภัย ยกย่องหัวใจคนไทย “ไม่ทิ้งกัน”
“ผู้การแบน” สอบเข้ม "ชายเขมร" ตระเวนถ่ายแนวปะทะชายแดน เจ้าตัวปากแข็งไม่ใช่สายลับ แต่ขายน้ำในไทยนานแล้ว

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​