“ปานเทพ” เปิดภารกิจลับ “คณะรวมพลังแผ่นดินฯ” นำเงินบริจาคคนไทย กว่า 10 ล้าน ซื้อโดรนส่งชายแดน คุย “แม่ทัพภาค ที่ 2 ” เห็นสัญญาณไม่ปกติ จับตาถ้าปิด “ตาเมือนธม” อะไรจะเกิดขึ้น
ข่าวที่น่าสนใจ
หลังจากที่พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้รับมอบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน (Drone) สำหรับลาดตระเวน มูลค่า 10,190,160 บาท จากนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน พร้อมด้วย ทนายนิติธร ล้ำเหลือ, คุณจตุพร พรหมพันธุ์ และคุณสมชาย แสวงการ จากกลุ่มรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการลาดตระเวนของหน่วยทหาร ให้สามารถเฝ้าระวัง ตรวจสอบ และตอบโต้ภัยคุกคามต่อความมั่นคงของประเทศได้อย่างทันท่วงทีและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมความปลอดภัยของกำลังพลและสนับสนุนการปฏิบัติภารกิจในพื้นที่เสี่ยงอย่างยั่งยืนต่อไป
งบประมาณดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งที่ประชาชนได้ร่วมสนับสนุนให้กับกลุ่มรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำไปจัดหาสิ่งอุปกรณ์ที่จำเป็นตามความต้องการของกองทัพภาคที่ 2 ในภารกิจปกป้องอธิปไตยจากสถานการณ์แนวชายแดนไทย-กัมพูชา และในส่วนของสิ่งอุปกรณ์สาธารณูปโภคต่างๆ เช่น ห้องน้ำสําเร็จรูป, เครื่องปั่นไฟ, แบตเตอรี่, โซลาร์เซลล์, เสื้อรองในทหารและถุงเท้า เป็นต้น ทางมูลนิธิฯ อยู่ระหว่างเตรียมการจัดหาเพื่อให้ได้มาซึ่งอุปกรณ์ที่มีคุณภาพ เกิดประโยชน์สูงสุดและตรงตามความต้องการในการปฏิบัติภารกิจอย่างแท้จริงต่อไป โดยจะนำมามอบในห้วงต่อไป
ในโอกาสนี้ มทภ.2 ได้กล่าวขอบคุณ มูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน และกลุ่มรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย รวมถึงพี่น้องประชาชนคนไทยที่แสดงออกถึงจุดยืนเดียวกันในการปกป้องแผ่นดิน สิ่งอุปกรณ์ที่นำมามอบให้นี้เป็นสิ่งที่ทหารในพื้นที่ต้องการและจำเป็นในภารกิจปกป้องอธิปไตยของไทย พร้อมยืนยันจะทำหน้าที่อย่างดีที่สุด
ล่าสุดวันนี้ (23 ก.ค.) นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน ได้เปิดใจผ่านทางรายการจับตาประเทศ ทางช่องท็อปนิวส์ ถึงการมอบโดรนและเสริมกำลังกองทัพภาคที่ 1 และ 2 จำนวน 10 ล้านบาท ว่าตั้งแต่ที่ได้มีการชุมนุม รับเงินบริจาคมา ครั้งนั้นก็ตั้งใจแล้วว่า จะนำเงินส่วนนี้มาเสริมกำลังกองทัพ ทางมูลนิธิได้ประสานไปยังกองทัพ ว่าต้องการสิ่งใดเพิ่มเติม จะทำการจัดหาซื้อให้ ทางท่านแม่ทัพภาค 2 ก็แจ้งมา อันนี้คือส่วนของน้ำใจที่คนไทยอยากมอบให้ทหารแนวหน้า เข้าใจดีว่า การจะเบิกอุปกรณ์ทางรัฐบาลนั้น มีขั้นตอนทางราชการ แต่ด้วยความที่เราเห็นสัญญาณแปลก ๆ เข้ามาบริเวณชายแดน มีข้อพิรุธ จึงเปลี่ยนหมายกำหนดการ มอบสิ่งของให้เร็วยิ่งขึ้น เพื่อที่ทหารชายแดนจะได้นำไปทำภารกิจ เมื่อวานได้ทราบมาว่า แม่ทัพภาคที่ 2 จะประชุมที่นครราชสีมา มีเวลาสั้น ๆ ประมาณ 30 นาที ทางมูลนิธิจึงตัดสินใจไปมอบเลย ตรงนี้ขอไม่บอกชนิดของโดรน อาวุธ ทั้งชื่อและรุ่น ขอเป็นเรื่องความมั่นคง แต่ยืนยันได้ว่า ทุกสิ่งที่จัดหาให้กองทัพภาค 1 และ ภาค 2 นั้น มีกำลังและสมรรถภาพเต็มร้อย เสริมแกร่งให้กองทัพได้อย่างดีแน่นอน
ส่วนกรณีที่ได้พูดคุยกับแม่ทัพภาคที่ 2 เรื่องการล้อมรั้วปราสาท ท่านก็แสดงความเห็นคิดไว้หลายประการ ว่าต้องรอบคอบ แต่หากเกิดความชุลมุนก็พร้อมทำแน่นอน ส่วนตัวทางทีมงานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน คุณสมชาย แสวงการ ท่านก็มีประสบการณ์ด้านการข่าวที่ยาวนาน ได้แนะนำว่า เป็นเรื่องดีหากในเวลานี้ ไทยจะเชิญสื่อทั่วโลก มารับทราบข้อเท็จจริงและสืบหาสาเหตุเรื่องปมระเบิดด้วยกัน หลังเห็นสัญญาณดีที่เชิญทูตทหารมาฟังข้อเท็จจริง และเปิดหลักฐานให้ดู ซึ่งเป็นการสร้างความชอบธรรมให้ประเทศไทย เหมือนว่าทางกองทัพก็เห็นด้วยกับข้อเสนอนี้ อาจจะมีการจัดพื้นที่เชิญให้สื่อทั่วโลกมาพูดคุยถึงเรื่องนี้กัน
เท่าที่ทราบข้อมูลทางการทหารมา เขมรก็มีโดรนเช่นกัน แล้วมีเยอะมาก เผลอ ๆ มีมากกว่าไทย แต่เป็นคนละรุ่นกัน ก็ได้เสนอไปทางกองทัพเลยว่า อยากได้อะไร เราจะจัดหาให้ ตอนนี้เลยส่งแอนตี้โดรนให้กองทัพ แต่ขออุบชื่อรุ่น ของเราไม่ธรรมดาแน่นอน เราได้ประสานภาคเอกชน ทำโดรนเพื่อเข้ามาแก้ปัญหาตรงนี้ เผชิญหน้ากับเขมร ซึ่งโดรนรุ่นนี้จะเข้ามาแก้ปัญหาได้ดี จัดการโดรนฝั่งเขมรได้
ส่วนกรณีการปิดล้อมรั้วปราสาท แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เล่าว่า หากล้อมรั้ว นั่นหมายถึงสงคราม เราต้องพร้อมทำสงคราม แต่ตอนนี้ยังติดเรื่องที่นักท่องเที่ยว 2 ประเทศ ยังคงมาอย่างต่อเนื่อง หากจะทำ ไทยมีแผนไว้ว่า สั่งปิดปราสาทก่อน อย่างน้อย 7 วัน เคลียร์นักท่องเที่ยวออกจากพื้นที่ แล้วหลังจากนั้นค่อยว่ากัน คิดว่าตอนนี้แม่ทัพภาคที่ 2 มีแผนในใจแล้ว ที่จะรองรับสถานการณ์ทุกมิติ เพียงแต่ไม่สามารถบอกได้ เนื่องจากเป็นความลับทางความมั่นคงของประเทศ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ข่าวล่าสุด
เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น