ข่าวที่น่าสนใจ
ช่วงของชั้นศาลอุทธรณ์ ที่ให้ทางกลาโหมชดใช้ ยังไม่ได้มีการชดใช้เลย และมีการปล่อยข่าวว่าทางเรารับเงินมาสองครั้ง ครั้งแรก 20 ล้านบาท ครั้งที่ 2 10 ล้านบาท เขาเอาเงินตรงไหนมาให้ทางเรา คุยเขายังไม่มาคุยเลย เขายังไม่เคยให้เกียรติเราเลยสักนิด มีแต่พยายามปิดบังเรามาตลอด สน. พญาไท นายแพทย์นิรุจ ทองสอน เป็นคนผ่าคนแรกและไม่นำอวัยวะคืน ทางแม่ได้ไปแจ้งความที่ สน.พญาไท ตำรวจออกหมายเรียกไป 2 ครั้ง ไม่มาแต่ตำรวจไม่กล้าออกหมายจับปัจจุบันนี้ 4 ปีแล้ว อวัยวะที่ได้คืนมาทางเราบอกว่าไม่ใช่ของลูกเราอย่างแน่นอน อวัยวะยังอยู่ที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ทางคุณหมอได้ตรวจ DNA แล้ว DNA มันไม่เกี่ยวข้องกับเรา เขาชี้ไม่ได้มาชี้ก็เหมือนมาชี้ทีหลังให้เรารู้ทีหลังแล้วทางเราก็ตามไม่ได้ เรื่องนี้ต้องรอให้ทางหมอเป็นคนแจง ทางเราเคยขออวัยวะมาบำเพ็ญกุศลหมอบอกเอาไปทำอะไร อวัยวะมันไม่ได้เกี่ยวข้องกับเราเลย เพราะอะไรเขาไม่ได้ตอบเขาพูดแค่นี้ เราเลยต้องทิ้งเอาไว้ที่นั่น
สุดท้ายทั้งสองยังได้ฝากถึงสื่อมวลชนและผู้ที่ติดตามข่าวของน้องเมย ที่ยังไม่ลืมครอบครัวของเรา วันนี้ครอบครัวขอฟังคำฎีกามีความคาดหวังว่าในวันนี้ยังมีความหวังเพียงแสงเล็กๆ ปลายอุโมงค์ก็ยังพร้อมที่จะเดินทางสู้ต่อไปเพื่อทวงศักดิ์ศรีของลูกกลับคืนมาให้ได้ ก่อนที่ทั้งสองจะกอดเพื่อให้กำลังใจกันก่อนที่จะขึ้นไปฟังคำพิพากษา
ขณะที่ ล่าสุด ศาลทหารสูงสุด มีคำพิพากษาชั้นฎีกา ให้ยืนตามศาลชั้นอุทธรณ์ จำเลยมีความผิดทำร้ายร่างกาย ทำโทษโดยฝ่าฝืนคำสั่งกลุ่มนักเรียนโรงเรียนเตรียมทหาร ส่วนที่โจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยทันทีนั้น ศาลเห็นว่า ด้วยอายุจำเลยไม่เคยได้รับโทษ การจะลงโทษจำเลยไป ก็ไม่เป็นประโยชน์ ให้จำเลยปรับปรุงตัว รับราชการ รับใช้ชาติต่อไป จะเป็นประโยชน์มากกว่า โทษจำคุกรุ่นพี่ 4 เดือน 16 วัน ปรับ 15,000 บาท รอลงอาญา 2 ปี
ภาพ/ข่าว ณัฐวัฒน์ กุลเศรษฐ์สุวภา ผู้สื่อข่าว จ.ปราจีนบุรี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง