ศาลทหารชั้นศาลฎีกาพิพากษา จำคุก 4 เดือน 16 วัน รอลงอาญา 2 ปี คดีน้องเมย เสียชีวิตหลังจากการธำรงวินัย

วันที่ 22 ก.ค. 68 ที่บริเวณหน้าศาลมณฑลทหารบกที่ 12 จังหวัดปราจีนบุรี นายพิเชษฐ์ ตัญญกาจน์ พร้อมด้วยนางสุกัลญา ตัญญกาจน์ พ่อ-แม่ของ นตท.ภัคพงค์ ตัญกาญจน์ หรือ น้องเมย ที่เสียชีวิตอย่างเป็นปริศนาหลังการถูกธำรงวินัยจนหมดสติและเสียชีวิตไปเมื่อวันที่ 17 ต.ค. 2560 หรือเป็นระยะเวลากว่า 8 ปีมาแล้วนั้น ในวันนี้ทั้งสองได้เดินทางมายังศาลมณฑลทหารบกที่ 12 จังหวัดปราจีนบุรี หลังจากที่ได้มีการนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีแรกของ “เมย” ภคพงศ์ ซึ่งเป็นการต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรมยาวนานเกือบ 8 ปี ในกระบวนการทางกฎหมายในชั้นสูงสุดของคดีอาญาหลักที่เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของน้องเมย
โดยบรรยากาศก่อนที่ทั้งสองจะเข้าไปยังศาลมณฑลทหารบกที่ 12 ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนที่มารอทำข่าวอยู่ว่า ครอบครัวเดินทางต่อสู้เพื่อความยุติธรรม ให้กับน้องเมยมาตลอด 8 ปีนั้น นายพิเชษฐ์ และนางสุกัลญา ตัญญกาจน์ กล่าวว่า ศาลชั้นต้นได้มีการพิพากษานักเรียนเตรียมทหารรุ่นพี่เป็นคดีทำร้ายร่างกาย คดีแรกนักเรียนบังคับบัญชาสั่งธำรงวินัยทำโทษในท่าที่ผิดกฎระเบียบโรงเรียน เราสู้ให้เขาจนวันนี้เราก็สู้ให้เขามา 8 ปี จนเรารู้ว่าสิ่งที่น้องเมยโดนกล่าวหาว่าผิดระบบเกียรติศักดิ์เขาไม่เคยผิดและเขาไม่เคยโกหก จากคำสั่งศาลชั้นต้นและอุทธรณ์จนวันนี้ถึงฎีกาเราจะมาฟัง มันเป็นสิ่งที่ตนอยากจะบอกว่าเด็กคนนึงโดนทำร้ายแล้วโดนทำร้ายอีกแม้แต่ตายยังไม่มีโอกาสพูด ยังโดนใส่ร้ายไปอีก วันนี้แม่มาร้องทุกข์แทนเขามาแก้แทนเขา และขอฟังคำสั่งฎีกาก่อนว่ายังไง ถ้าผลออกมาดีเมยเขาหลุดข้อกล่าวหาข้อครหานี้ที่ติดตัวเขาไปจนวันตายจนปัจจุบัน 8 ปี ตนจะได้สบายใจมันเป็นศักดิ์ศรีของลูกเรา

ข่าวที่น่าสนใจ

ช่วงของชั้นศาลอุทธรณ์ ที่ให้ทางกลาโหมชดใช้ ยังไม่ได้มีการชดใช้เลย และมีการปล่อยข่าวว่าทางเรารับเงินมาสองครั้ง ครั้งแรก 20 ล้านบาท ครั้งที่ 2 10 ล้านบาท เขาเอาเงินตรงไหนมาให้ทางเรา คุยเขายังไม่มาคุยเลย เขายังไม่เคยให้เกียรติเราเลยสักนิด มีแต่พยายามปิดบังเรามาตลอด สน. พญาไท นายแพทย์นิรุจ ทองสอน เป็นคนผ่าคนแรกและไม่นำอวัยวะคืน ทางแม่ได้ไปแจ้งความที่ สน.พญาไท ตำรวจออกหมายเรียกไป 2 ครั้ง ไม่มาแต่ตำรวจไม่กล้าออกหมายจับปัจจุบันนี้ 4 ปีแล้ว อวัยวะที่ได้คืนมาทางเราบอกว่าไม่ใช่ของลูกเราอย่างแน่นอน อวัยวะยังอยู่ที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ทางคุณหมอได้ตรวจ DNA แล้ว DNA มันไม่เกี่ยวข้องกับเรา เขาชี้ไม่ได้มาชี้ก็เหมือนมาชี้ทีหลังให้เรารู้ทีหลังแล้วทางเราก็ตามไม่ได้ เรื่องนี้ต้องรอให้ทางหมอเป็นคนแจง ทางเราเคยขออวัยวะมาบำเพ็ญกุศลหมอบอกเอาไปทำอะไร อวัยวะมันไม่ได้เกี่ยวข้องกับเราเลย เพราะอะไรเขาไม่ได้ตอบเขาพูดแค่นี้ เราเลยต้องทิ้งเอาไว้ที่นั่น

สุดท้ายทั้งสองยังได้ฝากถึงสื่อมวลชนและผู้ที่ติดตามข่าวของน้องเมย ที่ยังไม่ลืมครอบครัวของเรา วันนี้ครอบครัวขอฟังคำฎีกามีความคาดหวังว่าในวันนี้ยังมีความหวังเพียงแสงเล็กๆ ปลายอุโมงค์ก็ยังพร้อมที่จะเดินทางสู้ต่อไปเพื่อทวงศักดิ์ศรีของลูกกลับคืนมาให้ได้ ก่อนที่ทั้งสองจะกอดเพื่อให้กำลังใจกันก่อนที่จะขึ้นไปฟังคำพิพากษา
ขณะที่ ล่าสุด ศาลทหารสูงสุด มีคำพิพากษาชั้นฎีกา ให้ยืนตามศาลชั้นอุทธรณ์ จำเลยมีความผิดทำร้ายร่างกาย ทำโทษโดยฝ่าฝืนคำสั่งกลุ่มนักเรียนโรงเรียนเตรียมทหาร ส่วนที่โจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยทันทีนั้น ศาลเห็นว่า ด้วยอายุจำเลยไม่เคยได้รับโทษ การจะลงโทษจำเลยไป ก็ไม่เป็นประโยชน์ ให้จำเลยปรับปรุงตัว รับราชการ รับใช้ชาติต่อไป จะเป็นประโยชน์มากกว่า โทษจำคุกรุ่นพี่ 4 เดือน 16 วัน ปรับ 15,000 บาท รอลงอาญา 2 ปี

ภาพ/ข่าว ณัฐวัฒน์ กุลเศรษฐ์สุวภา ผู้สื่อข่าว จ.ปราจีนบุรี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ทหารพรานนาวิกโยธิน สกัดจับกลุ่มคนไทยลักลอบเข้าเมือง
ผู้ว่าฯ ภูเก็ต เดินหน้าขยายผลนโยบาย NO Drugs NO Dealers
"เดชอิศม์" เปิดการแข่งขันเซปักตะกร้อชิงแชมป์โลก "คิงส์คัพ" ครั้งที่ 38 ที่จังหวัดสงขลา
โต้เดือด "ภูมิใจไทย" งัดคลิปอดีต ย้อน “ทักษิณ” ใครแน่สนิท "ฮุนเซน" ลั่นเป็นพรรคเพื่อคนไทย ไม่ใช่เพื่อเขมร
สหรัฐจ่อเก็บ”ค่าธรรมเนียมความซื่อสัตย์วีซ่า” 250 เหรียญ
การเคหะแห่งชาติ บันทึกเทปโทรทัศน์ ถวายพระพรชัยมงคล "สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง" ณ สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​