พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมศึกยุคล เสด็จไปในงานแสดงดนตรี "สดุดีมหาธีรราชนิพนธ์ 2568"

เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2568 เมื่อเวลา 13.40 น. พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมศึกยุคล เสด็จไปในงานแสดงดนตรี “สดุดีมหาธีรราชนิพนธ์ 2568″ ณ หอวชิราวุธานุสรณ์ เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร

ซึ่งมูลนิธิพระบรมราชานุสรณ์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมกับมูลนิธิสุนทราภรณ์ ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

จัดขึ้นเนื่องในอภิลักขิตสมัย 100 ปี สามวาระในปีพุทธศักราช 2568 ประกอบด้วย วันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว วันประสูติสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดาสิริโสภาพัณณวดี และ วันสถาปนาพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี

เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่ทรงสร้างสิทธิสภาพนอกอาณาเขตให้แก่ประเทศชาติ ส่งผลให้ไทยมีอธิปไตยอย่างสมบูรณ์ ตลอดจนทรงวางรากฐานระบบการศึกษา ระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน และทรงเป็นนักปราชญ์แห่งแผ่นดิน

ข่าวที่น่าสนใจ

“พระองค์เจ้าเฉลิมศึกยุคล” เสด็จหอวชิรานุสรณ์ ทรงเปิดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในอภิลักขิตสมัย ๑๐๐ ปี วันสวรรคต “พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว”

ทั้งนี้ ภายในงานประกอบไปด้วยการแสดงดนตรี ของวงสุนทราภรณ์ ขับร้องโดยศิลปิน และนักร้องกิตติมศักดิ์ ในบทเพลงพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 6 เช่น เพลงไทยรวมกำลัง เพลงสาส์นรัก เพลงเกียรติศักดิ์ทหารเสือ

ตลอดจนเพลงของวงสุนทราภรณ์ ที่สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี โปรด เช่น เพลงดวงใจ เพลงพรานทะเล และเพลงชีวิตบ้านนา

พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราโชบายอันแยบคายในการสร้างเสริมราชอาณาจักรไทยให้ทัดเทียมนานาอารยะประเทศ

ทรงใช้ “วรรณกรรมและดนตรี“ เป็นเครื่องมือในการสื่อสารมวลชน โน้มน้าว อบรมบ่มเพาะ พัฒนาพลเมือง และทรงวางรากฐานด้านการพัฒนาดนตรี

เกิดเป็นวงดนตรีสุนทราภรณ์อันเป็นปฐมบท แห่งแนวดนตรีไทยที่มีรากฐาน จากดนตรีตะวันตกผสมผสานกับความเป็นไทยได้อย่างลงตัว และไพเราะจวบจนปัจจุบัน

ด้าน พล.ต.ท.อรรถกฤษณ์ ธารีฉัตร รองประธานกรรมการมูลนิธิพระบรมราชานุสรณ์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ในพระบรมราชูปถัมภ์

กล่าวว่า การจัดแสดงดนตรีการกุศล “สดุดีมหาธีรราชนิพนธ์” ในครั้งนี้ เพื่อเฉลิมพระเกียรติคุณ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว

เพื่อเป็นการสร้างความภาคภูมิใจของคนในชาติ และเป็นการน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว

ไม่เพียงเท่านั้น ในปี พ.ศ. 2524 องค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ได้ยกย่องพระเกียรติคุณของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว

ทรงเป็นบุคคลสำคัญของโลกผู้มีผลงานดีเด่นด้านวัฒนธรรม ในฐานะที่ทรงเป็นนักปราชญ์ นักประพันธ์ กวี และนักแต่งบทละครไว้เป็นจำนวนมาก

ขณะที่ รศ.ดร.ชัชพล ไชยพร รองเลขาธิการมูลนิธิพระบรมราชานุสรณ์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ในพระบรมราชูปถัมภ์

กล่าวว่า พระราชสมัญญานามของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว คือสมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า พระราชสมัญญานามนี้มีความหมายว่า “พระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ทรงเป็นนักปราชญ์ที่เปี่ยมไปด้วยพระสติปัญญาและพระปรีชาชาญ”

ทรงมีพระอัจฉริยภาพด้านวรรณกรรม และอักษรศาสตร์ และทรงมีพระราชนิพนธ์มากมาย ซึ่งหลายเพลงถูกนำมาใส่ทำนองเป็นเพลงของวงสุนทราภรณ์ จากบทพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 6 เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระองค์

นอกจากนี้ นายเชื้อพร รังควร เลขาธิการมูลนิธิพระบรมราชานุสรณ์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ในพระบรมราชูปถัมภ์

กล่าวว่า สำหรับการแสดงในวันนี้ เป็นการระดมทุนจัดหายรายได้นำไปใช้ในการสนับสนุนการจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว

ณ สถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) ระหว่างวันที่ 11 ถึง 16 พฤศจิกายน 2568 ในชื่องาน “พระผู้มาก่อนกาล ( A King Ahead of the Times) ” อีกด้วย