“อดีตรองมทภ.2” มั่นใจทุ่นระเบิดเขมร ทำร้ายทหารไทย เพิ่งถูกนำวางใหม่ ลั่นไทยต้องพร้อมแฉความจริงให้คนทั้งโลกรู้

“อดีตรอง มทภ.2” มั่นใจทุ่นระเบิดเขมรของใหม่ เชื่อวางแผนทำร้ายไทย ติง กองทัพทำงานล้าช้า จี้เร่งหาหลักฐานให้เร็ว รีบตอบโต้ ให้คนทั้งโลกรู้เรื่อง

“อดีตรองมทภ.2” มั่นใจทุ่นระเบิดเขมร ทำร้ายทหารไทย เพิ่งถูกนำวางใหม่ ลั่นไทยต้องพร้อมแฉความจริงให้คนทั้งโลกรู้ – Top News รายงาน

 

 

เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2568 พลโท กนก เนตระคเวสนะ อดีตผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี และอดีตรองแม่ทัพภาคที่ 2 ให้สัมภาษณ์ท็อปนิวส์ ในรายการจับตาประเทศไทย กรณี พลทหารเหยียบกับระเบิด ขณะออกลาดตระเวน จากฐานปฏิบัติการมรกต ไปยังเนิน 481 ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต้องเรียกว่าเป็นทุ่นระเบิด เนื่องจากว่าเป็นผลิตภัณฑ์ ที่ทำสำเร็จมากจากโรงงาน ถ้าเป็นกับระเบิดจะเป็นลักษณะแสวงเครื่อง เช่น ใช้ถังแก๊ส หรือปุ๋ย เป็นตัวแสวงเครื่อง รวมถึงการนำทุนระเบิดขว้างมาดัดแปลง ก็จะเรียกว่ากับระเบิด

ส่วนประเด็นที่หลายคนตั้งข้อสังเกตว่า จะทุ่นระเบิดใหม่หรือเก่านั้น พลโท กนก กล่าวว่า ตนมองว่าถ้าเป็นเส้นทางที่ทหารใช้อยู่เป็นประจำ ประกอบกับการลาดตะเวนยังไม่ถึงเนิน 481 พูดง่ายๆว่า อยู่ระหว่างทางที่กำลังเดินลาดตะเวน ดังนั้นน่าจะเป็นของใหม่ เพราะทหารได้ลาดตะเวนอยู่เป็นประจำ เพราะหากเป็นของเก่าอาจจะเกิดเหตุการเหยียบกับระเบิดไปก่อนหน้านี้แล้ว และเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นทุ่นระเบิดแบบไหน เนื่องจากเกิดการระเบิดไปแล้ว ที่สำคัญระเบิดดังกล่าวได้ทำลายตัวเอง จึงทำให้เราไม่รู้ แต่จากการวางทุ่นระเบิดไม่ได้วางลูกเดียว ต้องมีมากกว่าหนึ่ง ดังนั้นเราต้องเข้าไปตรวจพื้นที่ ตนมองว่าต้องเข้าไปตรวจพื้นที่ตั้งแต่วานนี้ เพราะเหตุเกิดวันพุธที่ 16 ก.ค.เพราะการลงพื้นที่สำรวจทันที จะทำให้เรารู้ว่าเป็นทุนระเบิดชนิดไหน เพราะเราอาจจะพบเจออีก ส่วนการที่เขมรได้ออกมาระบุว่า เป็นทุ่นระเบิดของไทย ตรงนี้ประเทศไทยไม่มีทุ่นระเบิดนี้ตั้งนานแล้ว เพราะเราได้ลงนามอนุสัญญาออตตาวา รวมถึงเราได้เก็บทุ่นระเบิด โดยทีมเก็บกู้ทุ่นระเบิด จากศูนย์ปฎิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ TMAC

 

ข่าวที่น่าสนใจ

พลโท กนก กล่าวว่าหลังเกิดเหตุทหารไทยเหยียบกับระเบิด ทางกัมพูชาได้ออกมาโต้แย้งว่า ประเทศไทยวางทุ่นระเบิดเองและเหยียบเองนั้น เป็นเพราะกัมพูชาต้องการชิงความได้เปรียบ เพื่อต้องการสื่อให้ประชาคมโลกรู้ แต่ประเทศไทยกลับไม่มีใครกล้าพูด ว่าเป็นทุ่นระเบิดของเก่าหรือไม่ ตรงนี้ทางกองทัพจึงควรเร่งเข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ และเพื่อให้มีหลักฐานยืนยัน อีกทั้งเพื่อให้นักข่าว และประชาชนรับรู้รับทราบ ซึ่งจะทำให้เกิดความน่าเชื่อถือมากกว่า และต้องไม่ควรทิ้งเวลาอีก 2 -3 วัน ซึ่งถือว่าช้าเกินไป

 

พลโท กนก กล่าวอีกว่า หากตรวจสอบพบว่าเป็นฝ่ายกัมพูชาวางทุนระเบิด เราต้องเปิดเผยข้อเท็จจริงให้คนทั้งโลกได้รู้ วิธีการคือเชิญสื่อมวลชนต่างประเทศเข้ามาตรวจสอบ ผู้ช่วยทูต และกระทรวงการต่างประเทศให้ข้อมูลเรื่องนี้อย่างชัดเจน จะทำให้ประจักษ์ต่อสายตาคนทั่วโลก ว่าเป็นทุ่นระเบิดเขมรที่มาวาง

เมื่อถามว่าทุ่นระเบิด PMN-2 โดยปกติประเทศไทยใช้กันหรือไม่ พลโท กนก กล่าวว่า เราไม่ได้ใช้เขมรใช้มาตลอด เพราะปี 2551 เขมรนำไปใช้ที่ห้วยตามาเลีย ชื่อเป็นอ่างเก็บน้ำแห่งหนึ่งในจังหวัดศรีสะเกษ และทำให้ทหารพรานได้เข้าไปเหยียบและทำให้ขาขาด ซึ่งเราเข้าไปเก็บกู้ได้อีก 2-3 ทุ่น และส่งเรื่องไปที่กลุ่มสนธิสัญญาที่กล่าวมานี้ ซึ่งได้มีการประชุมร่วมกันที่ต่างประเทศ ทั้งนี้สนธิสัญญาออตตาวาเมื่อลงนามแล้วได้รับเงินช่วยเหลือ และนำมาซึ่งการเก็บกู้ทุ่นระเบิด แต่การบังคับใช้โดยเฉพาะเมื่อประเทศใดก็ตามที่นำมาใช้นั้น ไม่มีบทลงโทษ ดังนั้นที่ผ่านมาตนเคยได้นำเจ้าหน้าที่ต่างชาติ เข้าไปตรวจและเก็บข้อมูลและรายงานกลับไป แต่กลายเป็นว่าเป็นเพียงแค่การรายงานตามปกติ ทำให้กัมพูชายังใช้ทุนระเบิดดังกล่าวจนถึงทุกวันนี้

เมื่อถามว่ากัมพูชามาแอบวางทุนระเบิดไว้เกือบ 100 ลูก ประเด็นนี้เป็นไปได้หรือไม่ พลโท กนก กล่าวว่า การพบทุ่นระเบิดบริเวณชายแดน ระหว่างทางไปเนิน 469 จำนวน 4 ลูก ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 15 ก.ค. อยู่ห่างจากจุดที่ทหารไทยได้เหยียบกับระเบิด ซึ่งหากดูภาพแผนที่แล้วประมาณ 500 เมตร ในป่าซึ่งถือว่าไกล และจุดที่เกิดเหตุยังไม่ถึงเนิน 481 หากมองจากเนินช่องบก บริเวณทางด้านขวา เรียกว่าเนิน 469 และทางด้านซ้ายจะเป็นเนิน 481 ชุดทหารลาดตะเวนไปที่ทางซ้าย แต่จุดที่เก็บกู้ทุ่นระเบิด 4 ลูก ได้ที่เนิน 469 ก่อนหน้านี้จะอยู่ทางบริเวณด้านขวา พูดง่ายๆ ว่าทั้งนี้ทุ่นระเบิดที่เจอคือทุ่นระเบิดใหม่ ส่วนความเป็นไปได้ที่ว่าทหารกัมพูชาได้เล็ดลอดเข้ามาทุ่นระเบิดใหม่ในประเทศไทย ก็สามารถทำได้ เพราะสามารถเข้าออกได้ตลอดเวลา เนื่องจากเป็นป่าเขา

เมื่อถามถึงความเป็นไปได้ จากกระแสข่าวก่อนหน้านี้ ที่ทหารกัมพูชาเข้ามาขุดคูเลตในประเทศไทย และถือโอกาสวางระเบิดตั้งแต่ในขณะนั้นได้หรือไม่ พลโท กนก กล่าวว่า จุดเกิดเหตุใกล้ กับจุดที่ทหารเขมรเคยขุดคูเลตจริง และน่าจะเป็นไปได้ และวางทุ่นระเบิดหลังจากที่ขุดคูเลตแล้ว เพียงแต่ไม่มีคนไปตรวจสอบเท่านั้นเอง

 

พลโท กนก กล่าวถึงข้อเสนอแนะถึงกองทัพบกไทยในเรื่องนี้ว่า เรารู้จัก ผบ.หน่วยสนับสนุนของกัมพูชาอยู่แล้ว และมีการติดต่อกับไทยอยู่ตลอด จึงอยากให้ติดต่อกับเขาคุยกันว่า จากเหตุการณ์ทำให้เกิดการสูญเสียทั้งสองฝ่าย และเราจะอยู่กันอย่างไร เพราะกำลังพลทั้งสองฝ่ายอาจบาดเจ็บด้วยทั้งคู่ ดังนั้นจึงควรรักษาความสัมพันธ์ที่ดีมานานแล้วเอาไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องราวอย่างนี้อีก สิ่งสำคัญนั้นการที่เราใช้ชุดตรวจทุ่นระเบิดลงไปตรวจในพื้นที่ โดยใช้เวลาไม่เกินสองชั่วโมงก็รู้แล้ว เนื่องจากเรามีเครื่องมือ ถึงแม้ว่าทุ่นระเบิดดังกล่าว เป็นพลาสติก แต่ส่วนของเชื้อประทุไฟฟ้าเป็นโลหะ เครื่องตรวจค้นทุนระเบิดสามารถจับสัญญาณได้

และหากประเทศกัมพูชามาวางทุ่นระเบิด ก็สื่อให้รู้ว่าเขาหมายเอาชีวิตคนไทย แต่เรื่องนี้ควรตรวจสอบในพื้นที่ก่อน หาหลักฐานก่อน เปิดเผยข้อเท็จจริง ที่สำคัญตนตั้งข้อสังเกตว่าไม่มีใครปฏิเสธเลยว่า ทุ่นระเบิดดังกล่าวไม่ใช่ของไทย เพราะอันที่จริงแล้วทุ่นระเบิดที่ประเทศไทยใช้นั้น เป็นของอเมริกา หรือทุ่นระเบิด M14 และ M16 เป็นโลหะไม่ใช่พลาสติก พูดง่ายๆ ว่าเราไม่ใช้ทุ่นระเบิด PMN-2 แน่นอน เพราะว่าเป็นทุ่นระเบิดที่ประเทศรัสเซียใช้ และส่งเข้ามาทางประเทศเวียดนาม และรัฐบาลของสมเด็จ ฮุนเซน ก็สนิทกับประเทศรัสเซียอยู่แล้ว เพราะช่วยรบ ปี 2930 ดังนั้นสิ่งที่ประเทศไทยต้องรีบทำตอนนี้คือ หาหลักฐานให้เร็ว รีบตอบโต้ เพื่อคนทั้งโลกรู้เรื่องจริงเป็นอย่างไร และหากปล่อยเรื่องนี้ให้คลุมเครือ และดึงเวลาไปเรื่อยๆ จะทำให้คนไทยเสียเปรียบกัมพูชามากขึ้น

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"กระทรวงแรงงาน" เตรียมแจ้งความเอาผิด "แฮกเกอร์" หลังพบแฮกเว็บไซต์กระทรวง แม้ไม่ได้ทำข้อมูลรั่ว เผยตอนนี้ ใช้การได้ปกติแล้ว
MEA เชิญชวนชมไฟประดับ กิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2568
กระทรวงทรัพยากรฯ - เครือซีพี เชิญชวนส่งภาพถ่ายประกวดในโครงการ “สัตว์มีค่า ป่ามีคุณ” ชิงถ้วยพระราชทาน และรางวัลรวมกว่า 7 แสนบาท
AXONS คว้ารางวัล "AIBP Enterprise Innovation Awards" ประจำปี 2025
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิทำการฝึกซ้อมเต็มรูปแบบตามแผนฉุกเฉินท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ประจำปีงบประมาณ 2568 (SEMEX - 25)
“บิ๊กโจ๊ก” ร่วมกรรมการสมาคมชาวปักษ์ใต้ฯ พลิกโฉมสมาคมฯ รองรับชาวไทยทั้งประเทศ

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​