นร.ฉีดไฟเซอร์เข็มแรก 1.5 แสนคน จ่อเปิดเทอม พ.ย.นี้

นร.ฉีดไฟเซอร์เข็มแรก 1.5 แสนคน จ่อเปิดเทอม พ.ย.นี้

วันที่ 9 ต.ค.2564 นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้นักเรียน นักศึกษา กลุ่มเป้าหมายที่มีอายุ 12-18 ปี ว่า ขณะนี้มีผู้แจ้งความประสงค์เข้ารับการฉีดแล้ว 3.8 ล้านคน จากตัวเลขกลุ่มเป้าหมายประมาณ 5 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 71 คาดว่ามีตัวเลขผู้แจังความประสงค์ฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยการฉีดวัคซีนสะสมตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค. มีนักเรียนได้รับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 แล้ว 150,190 ราย หรือร้อยละ 3.3 และฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ไปแล้ว 1,825 ราย กระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงสาธารณสุข จะเดินหน้าฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้แก่เด็ก/นักเรียน อย่างต่อเนื่อง

น.ส.รัชดา ยังกล่าวถึงกรณีทีเด็กบางกลุ่มได้ออกมาแสดงความกังวลต่อผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ใน TikTok ว่า ขอให้ความเชื่อมั่นว่า ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ที่รัฐบาลนำมาฉีดให้กับเด็กนักเรียนกลุ่มเป้าหมาย มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงได้มาตรฐานระดับสากลและทั่วโลกยอมรับ โดยผ่านการตรวจสอบและอนุมัติรับรองคุณภาพแล้วทั้งจากองค์การอนามัยโลก (WHO) องค์การอาหารและยาสหรัฐฯ หรือเอฟดีเอ (FDA) รวมทั้งสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณสุขของไทยด้วย

น.ส.รัชดา กล่าวอีกว่า แม้การฉีดวัคซีนไฟเซอร์จะมีผลข้างเคียงอยู่บ้าง แต่ไม่รุนแรง เช่น ปวดกล้ามเนื้อ อ่อนเพลีย คลื่นไส้ หนาวสั่น หรือผลข้างเคียงที่ค่อนข้างรุนแรง เช่น อาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ แต่จากข้อมูลของคณะอนุกรรมการด้านโรคโควิด-19 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในคณะกรรมการที่ปรึกษาระดับโลกด้านความปลอดภัยของวัคซีนประจำองค์การอนามัยโลก (GACVS) ระบุว่า วัคซีนชนิด mRNA มีประโยชน์ในการป้องกันโรคโควิด-19 มากกว่าความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดและเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ ช่วยลดจำนวนผู้ป่วยที่ต้องเข้ารักษาในโรงพยาบาล และลดการเสียชีวิตได้ ซึ่งหลายประเทศได้เดินหน้าฉีดไฟเซอร์ให้เด็กไปก่อนหน้านี้แล้ว อาทิ สหรัฐฯ สหราชอาณาจักร ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น สเปน นอร์เวย์ เป็นต้น ทางบริษัท ไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทค ยังได้ยื่นคำขอต่ออย.สหรัฐฯอย่างเป็นทางการแล้วเพื่อให้อนุมัติใช้ กับเด็กอายุระหว่าง 5-11 ปี เป็นการฉุกเฉิน หากผ่านการรับรองของ FDA คาดจะสามารถใช้ได้ในเดือนพฤศจิกายนนี้

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า การฉีดวัคซีนให้แก่เด็กนักเรียนมีความสำคัญมาก เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันของสังคมให้เข้มแข็งมากขึ้นและให้เด็กได้กลับไปเรียนในรูปแบบปกติโดยเร็ว พร้อมเตรียมรับการเปิดภาคเรียนเดือนพฤศจิกายนนี้ นอกจากนี้ รัฐบาลโดยกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงศึกษาธิการ ยังพิจารณาให้มีการตรวจ ATK (Antigen Test Kit) แบบสุ่มตัวอย่างประมาณ 10-15% ของจำนวนนักเรียนในทุก ๆ 2 สัปดาห์ ทั้งนี้เพื่อสร้างความมั่นใจกับนักเรียนในการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ทั้งนี้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยังกำชับสถานศึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้ข้อมูลสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับประสิทธิภาพและอัตราการเกิดผลข้างเคียงจากวัคซีน เพื่อให้นักเรียนคลายความกังวลจากผลที่เกิดขึ้นด้วย

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"ปชป." ออกแถลงทางการ ยันร่วมรัฐบาลต่อไป เร่งสร้างเชื่อมั่น ทบทวนท่าที บทบาท การปฏิสัมพันธ์กับกัมพูชา
"บิ๊กเล็ก" ย้ำสำคัญ Team Thailand แก้ปัญหาชายแดน ชี้คลิปหลุดเจตนากัมพูชา หวังผลร้ายประเทศไทย ลั่นไม่ยอมให้เกิดขึ้น
จัดเต็ม "กรมอุตุฯ" เตือน 40 จว. เตรียมรับมือฝนตกหนัก กทม.เจอฝน 60%
“สรรเพชญ” ย้ำไม่เปลี่ยนจุดยืน ยึดมั่นอุดมการณ์เดิม ไม่ขอร่วมค้ำอำนาจรัฐบาล “แพทองธาร”
การเคหะแห่งชาติ ผุดแคมเปญ “ฉลองครึ่งปีทอง กับการเคหะแห่งชาติ 2568”
"กัมพูชา" ยอมรับแล้ว เหตุปิดจุดผ่อนปรนช่องอานม้า ประท้วงไทยปรับเวลาก่อน ขู่ซ้ำต้องกลับมาเปิด-ปิดด่าน ให้เป็นปกติ
สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เข้ารับรางวัลชนะเลิศอันดับ 1 ของโลก ในการประกวดเวทีออสการ์อาหารโลก ปี 67
ศน. จัดโครงการเข้าวัดปฏิบัติธรรมวันธรรมสวนะ “ศรัทธาอิ่มบุญ อุดหนุนชุมชน ทำบุญตักบาตร ยลวิถีลาวเวียง” ส่งเสริมชุมชน–น้อมธรรมสู่ชีวิต
"ปชป." ประชุม 3 ชั่วโมง ไม่มีคำตอบชัด ๆ ให้รอแถลงการณ์ ลายลักษณ์อักษร หลังเจรจาเพื่อไทย
เริ่มแล้วที่แรก! จ.ลำพูน กิจกรรมขยายผลภูมิปัญญาศิลปินสู่การพัฒนาอาชีพ ระดับภูมิภาค 70 พรรษา สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า “ศิลปินสร้างศิลปิน”

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น