ตามที่ปรากฏข่าววิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี (วษท.) บางแห่ง ไม่ได้รับการจัดสรรสิทธิและพื้นที่จำหน่ายโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน 2 ปีติดต่อกัน ทำให้เสียโอกาสในการจัดการเรียนการสอนด้านโคนม ส่งผลให้อาจต้องปิดโรงงาน เนื่องจากสถาบันการศึกษาไม่สามารถดำเนินการผลิตและจำหน่ายนมโรงเรียนได้นั้น
นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2568 โดยให้ลำดับความสำคัญผู้ประกอบการภาคสหกรณ์ รัฐวิสาหกิจ สถาบันการศึกษา และผู้ประกอบการอุตสาหกรรมนมอื่น ตามลำดับ ประกอบกับเอกสารแนบท้ายประกาศ ได้ชี้แจงแนวทางการกำหนดสัดส่วนการจัดสรรสิทธิการจำหน่ายนมโรงเรียน โดยต้องมีข้อมูลการซื้อขายน้ำนมโคหรือสัญญาซื้อขายประกอบการยื่นสมัครเข้าร่วมโครงการ พร้อมทั้งพิจารณาคุณสมบัติของผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์นมที่ได้ยื่นสมัครในแต่ละพื้นที่ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการดำเนินงานโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน ประจำปีการศึกษา 2568 ยกตัวอย่างเช่น ผู้ประกอบการต้องได้รับอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน มีใบอนุญาตผลิตอาหาร มีใบรับรองระบบมาตรฐานการผลิตตามหลักเกณฑ์ GMP 420 มีใบรับรอง GMP/GAP ของแหล่งน้ำนมดิบและคุณภาพน้ำนมโค มีผลตรวจประเมินสถานที่ผลิตอาหาร และมีผลวิเคราะห์คุณภาพผลิตภัณฑ์นมโรงเรียนที่ผ่านการตรวจจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข เป็นต้น
จากการตรวจสอบคุณสมบัติของวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี (วษท.) ที่ได้ยื่นสมัครในแต่ละพื้นที่ พบว่ามีวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี (วษท.) จำนวน 2 แห่ง ได้แก่ วษท.สุโขทัย และ วษท.บุรีรัมย์ ที่มีคุณสมบัติเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์นมที่เข้าร่วมโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน ครบถ้วน โดยหลักเกณฑ์ดังกล่าว กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้มีการเผยแพร่ให้ผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์นมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมแสดงความคิดเห็นต่อ (ร่าง) หลักเกณฑ์ฯ ในรูปแบบออนไลน์ผ่านเว็บไซต์โครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน กรมส่งเสริมสหกรณ์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ( https://schoolmilk.cpd.go.th) และรูปแบบออฟไลน์โดยจัดส่งความคิดเห็นมายังกรมส่งเสริมสหกรณ์ ซึ่งได้เปิดรับฟังความเห็นเป็นเวลา 15 วัน ตั้งแต่วันที่ 28 มีนาคม ถึง 11 เมษายน 2568 เพื่อให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องให้ความเห็นต่อ (ร่าง) หลักเกณฑ์ ก่อนประกาศใช้ เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2568
ทั้งนี้ สำหรับประเด็นหลักเกณฑ์และเงื่อนไขผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์นมที่เข้าร่วมโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน มิได้มีการเปลี่ยนแปลงไปจากฉบับร่างที่มีการรับฟังความคิดเห็น หาก วษท. หรือผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์นมรายอื่น ๆ มีความประสงค์สมัครเข้าร่วมโครงการฯ ก็สามารถศึกษาหลักเกณฑ์เพื่อเตรียมความพร้อมในการสมัครเข้าร่วมโครงการได้ รวมถึงกรมฯ จะมีหนังสือแจ้งไปยังหน่วยงานต้นสังกัดให้ศึกษา (ร่าง) ประกาศหลักเกณฑ์ เพื่อให้สามารถเข้าร่วมโครงการต่อไปได้อีกทางหนึ่ง
“กรมส่งเสริมสหกรณ์ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะอนุกรรมการบริหารกลางโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน ยืนยันว่ากรมฯ ให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์นมอย่างเท่าเทียม และปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และวิธีการดำเนินงานโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน ประจำปีการศึกษา ๒๕๖๘ อย่างเคร่งครัด เพื่อให้ได้ผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์นมที่มีคุณสมบัติครบถ้วน ซึ่งจะทำให้เกิดความมั่นใจต่อผู้บริโภคต่อไป” อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวทิ้งท้าย