เกษตรกรเลี้ยงกุ้ง จ.จันทบุรี ปรับตัวสู้ปัญหา “ปลาหมอคางดำ”

จากปัญหาปลาหมอคางดำระบาด Top News พามาดูวิธีการแก้ปัญหาของเกษตรกรเลี้ยงกุ้ง ที่ จ.จันทบุรี ว่าเขารับมือจัดการกันอย่างไร ถือเป็นต้นแบบที่ดีในการปรับตัว

ทีมข่าว Top News ลงพื้นที่ จ.จันทบุรี ใน ต.ช้างข้าม อ.นายายอาม เพื่อสำรวจผลกระทบจาก “ปลาหมอคางดำ” ที่สร้างผลกระทบต่อการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำของไทย โดยเฉพาะการเลี้ยงกุ้งขาว ซึ่งถือว่าอาชีพที่ได้รับความนิยมในประเทศไทย

โดย คุณกุลกัลยา กรีมนตรี ประธานแปลงใหญ่กลุ่มผู้เลี้ยงกุ้งขาว อ.นายายอาม จ.จันทบุรี ได้พาทีมข่าวลงพื้นที่สำรวจบ่อเลี้ยงขนาด 4 ไร่ พร้อมเปิดใจว่า ตอนปลาหมอคางดำระบาดช่วงแรก มีปลาหลุดข้าไปในบ่อเกิดความเสียหายหลายพื้นที่ หลังเหตุการณ์นั้น เกษตรกรจึงปรับเปลี่ยนวิธีการเลี้ยงกุ้งใหม่ทั้งหมด โดยเลือกใช้ “ระบบปิด” ที่ต้องกรองน้ำถึง 4 ชั้น ใช้กากชามากขึ้นกว่าเดิม และติดตั้งใยฟูกรองไข่ปลาหลายชั้นเพื่อป้องกันไม่ให้หลุดรอดเข้าไปในบ่อ ซึ่งวิธีเหล่านี้แม้จะมีต้นทุนสูงขึ้น ทั้งจากค่ากากชา, ค่าฟูกกรองน้ำ, ค่าจุลินทรีย์ แต่เกษตรกรต่างเห็นตรงกันว่า “คุ้มกว่า” หากเทียบกับความเสียหายที่เคยเกิดขึ้น

 

ข่าวที่น่าสนใจ

นอกจากนี้ คุณกุลกัลยา ยังย้ำถึงความสำคัญของ “จุลินทรีย์หมักธรรมชาติ” ที่ใช้แทนยาฆ่าเชื้อ ไม่เพียงช่วยรักษาสภาพน้ำให้เสถียร แต่ยังสร้างภูมิคุ้มกัน, เสริมเม็ดไขมัน และกระตุ้นการกินของกุ้ง โดยมีการนำปลาที่ตายมาหมักเป็นจุลินทรีย์ หรือหมักถั่วผสมอาหาร เพื่อใช้หมุนเวียนในฟาร์ม ลดการพึ่งพาสารเคมี จึงอยากให้หน่วยงานรัฐส่งเสริมแนวทางชีวภาพ มากกว่าการเยียวยาระยะสั้น นอกจากนี้ ควรสนับสนุนมาตรการปล่อย “ปลานักล่า” อย่างปลากะพงขาว ลงในแหล่งน้ำธรรมชาติ พร้อมให้ความรู้เรื่องการกรองน้ำแก่เกษตรกรที่ส่วนใหญ่มักสูบน้ำจากธรรมชาติเข้าสู่บ่อเลี้ยงโดยตรง

 

 

ขณะที่ด้านภาครัฐ คุณสมพร รุ่งกำเนิดวงศ์ ประมงจังหวัดจันทบุรี เปิดเผยว่า ปัจจุบันจันทบุรียังไม่พบการระบาดรุนแรง ส่วนการรับมือต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะชุมชนท้องถิ่น ไม่สามารถหวังพึ่งภาครัฐฝ่ายเดียวได้ ปลาหมอคางดำบางส่วนถูกจับไปใช้ประโยชน์ เช่น แปรรูปเป็นปลาร้า, ปลาป่น หรือใช้เป็นปลาเหยื่อ ซึ่งเป็นแนวทางจัดการที่เหมาะสม แต่ต้องวางระบบให้รัดกุมเพื่อป้องกันการแพร่กระจาย

 

 

 

ปัจจุบัน เกษตรกรจันทบุรีสามารถบริหารจัดการได้ดี ด้วยประสบการณ์จากการเลี้ยงกุ้ง และระบบการกรองน้ำที่เข้มงวดกว่าหลายพื้นที่ ทำให้ความกังวลในระดับพื้นที่ยังไม่สูงนัก

ขณะเดียวกัน รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณ 98 ล้านบาท แจก “กากชา” อวน และลูกพันธุ์ปลากะพงไซส์ใหญ่ให้เกษตรกรเลี้ยงไว้ในบ่อพักน้ำ เพื่อเป็น “นักล่า” ไล่จัดการปลาหมอคางดำก่อนน้ำจะเข้าสู่บ่อหลัก พร้อมแนวคิด “10 หยิบ 1” คือ เมื่อเลี้ยงปลากะพงครบกำหนด เกษตรกรจะคืน 1 ตัวจากทุก 10 ตัวให้ภาครัฐ เพื่อนำไปขยายพันธุ์และส่งต่อให้เกษตรกรรายอื่นต่อไป

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

คณะ สว.สุรินทร์ ลงพื้นที่มอบเงินเยียวยา ครอบครัวผู้สูญเสียและบาดเจ็บ ก่อนลงพื้นที่ดูความเสียหาย จากจรวด BM 21 ตกถึง 16 ลูกในหมู่บ้านเดียว
"ฮุน เซน" โชว์วิชั่น เตือนกองกำลัง 2 ฝ่าย หยุดใช้หนังสติ๊ก ยุยงปลุกปั่น หวั่นนำสู่ใช้อาวุธหนัก
อั้นไว้ก่อนค่อยเติม พรุ่งนี้น้ำมันลดอีก “เบนซิน-แก๊สโซฮอล์” ทุกชนิด ยกเว้นดีเซลคงเดิม
วธ. หนุนหนังไทย "ท่าแร่" ดันสู่เวทีนานาชาติ บอกเล่าเรื่องราวความเชื่อและศรัทธา ความสยอง ณ ดินแดนชาวคริสต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภาคอีสาน
"นย.จันทบุรี-ตราด" เปลี่ยนธงชาติไทยผืนใหม่ ฐานสังกะสี อยู่ชิดชายแดนต้องเดินเท้าไปถึงนาน 5 ชม.
เทศบาลเมืองศรีราชา จัดกิจกรรม ปลูกจิตสำนึกความรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และ ความภูมิใจในความเป็นไทย อย่างยิ่งใหญ่

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​