จากกรณีที่ พระมหานรินธร ปสนฺโน (ปะ-สัน-โน) หรือ หลวงตาสุจ อายุ 60 ปี พระนักเทศน์สายฮาชื่อดังแห่งอีสานใต้ ปัจจุบันจำพรรษาอยู่ที่วัดป่าโคกคฤห์ ตำบลป่าชัน อำเภอพลับพลาชัย จังหวัดบุรีรัมย์ ได้ไลฟ์พูดเป็นภาษาท้องถิ่น (เขมร) โดยมีการพูดถึงปัญหาความขัดแย้งแถวชายแดน ปราสาทตาเมือนธม ทั้งยังมีการยุยงให้ก่อเหตุกับชาวสุรินทร์ ซึ่งแปลเป็นภาษาไทยระบุว่า
“อาตมา พูดภาษาเขมรสุรินทร์ อาตมา ไม่ใช่เผ่าพันธุ์สุรินทร์ อาตมาเกรียดนักไอ้พวกเผ่าพันธุ์สุรินทร์ มีปัญหา ตรงปราสาทตาเมือนธม ยิงเลย ยิงให้สุรินทร์แตกกระจายให้หมด คนสุรินทร์ตายหมด อาตมาสบายใจ อาตมาไม่มีจิตใจให้เผ่าสุรินทร์ อาตมาไม่เอาด้วยกับพวกเผ่าสุรินทร์ เพราะอาตมาไม่ใช่คนสุรินทร์ อาตมาคบบุรีรัมย์ โอ…คนเขมร คอมเมนต์ มาเยอะเลย ชื่ออะไร ต่อชื่อ อะไร ปัญหาเรื่องหลวงตา โอ ประโคนชัยอันดับ 1 เลย ปัญหาเรื่องหลวงตา มันดังมาจาก อ.ประโคนชัย อ.พลับพลาชัย อ.กระสัง อ.เมืองบุรีรัมย์ อ.ห้วยราช มีมาทุกอาทิตย์ ปีที่แล้วตอนที่หลวงตาอยู่ที่ประเทศอเมริกา มีคนแคปข่าวหลวงตาสุจมาให้ดู ว่าถูกไล่ลงจากทำมาดูที่ประโคนชัย เออกูก็อยู่ของกูที่อเมริกา แต่โดนไล่ลงที่นั้น” ทำให้หลังจากเรื่องราวดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ต่างก็มีคนไทยเข้าไปแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์เป็นจำนวนมากนั้น
ต่อมา เฟซบุ๊กของนายเกิดผล แก้วเกิด ทนายความ ได้โพสต์ข้อความว่า “พระที่ยุยงให้ทหารเขมร ยิงปืน ฆ่า ชาวจังหวัดสุรินทร์ให้ตายหมด ผิดกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบ ม.84 มีความผิดสำเร็จทันที่ รับโทษ 1/3 คนสุรินทร์ แจ้งความ ให้ดำเนินคดีอาญาได้ทันทีครับ
มาตรา 84 ผู้ใดก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิดไม่ว่าด้วยการใช้ บังคับ ขู่เข็ญ จ้าง วาน หรือ ยุยงส่งเสริม หรือด้วยวิธีอื่นใด ผู้นั้นเป็นผู้ใช้ให้กระทำความผิดถ้าความผิดมิได้กระทำลงไม่ว่าจะเป็นเพราะผู้ถูกใช้ไม่ยอมกระทำ ยังไม่ได้กระทำ หรือเหตุอื่นใด ผู้ใช้ต้องระวางโทษเพียงหนึ่งในสามของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น
ถ้าผู้ถูกใช้ได้กระทำความผิดนั้น ผู้ใช้ต้องรับโทษเสมือนเป็นตัวการ และถ้าผู้ถูกใช้เป็นบุคคลอายุไม่เกินสิบแปดปี ผู้พิการ ผู้ทุพพลภาพ ลูกจ้างหรือผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของผู้ใช้ ผู้ที่มีฐานะยากจน หรือผู้ต้องพึ่งพาผู้ใช้เพราะเหตุป่วยเจ็บหรือไม่ว่าทางใด ให้เพิ่มโทษที่จะลงแก่ผู้ใช้กึ่งหนึ่งของโทษที่ศาลกำหนดสำหรับผู้นั้น
ทางด้าน นางพิชชาวริน สุวรรณวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดบุรีรัมย์ ได้ออกมาระบุว่า หลังเรื่องดังกล่าวโพสต์ในโลกโซเชียล ทางสำนักงานได้เตรียมเรียกหลวงตาสุจ มาชี้แจงถึงแรงจูงใจที่ไลฟ์สดดังกล่าว แต่จากการตรวจสอบเบื้องต้นหลวงตาสุจ อยู่ในเมืองไทยน้อยมาก ส่วนใหญ่จะไปอยู่ต่างประเทศ ทั้งนี้หากได้ข้อมูลว่าเดินทางกลับประเทศไทยก็จะเรียกให้มาชี้แจงทันที