“ดร.ปิติ” ยก 10 ข้อ เตือนสติไทย โดน “กัมพูชา” ปั่นไอโอ เร่งทำเอกสารไม่รับอำนาจศาลโลก ตัดไฟ อินเตอร์เน็ตจริงๆ – Top News รายงาน
เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2568 รศ.ดร.ปิติ ศรีแสงนาม คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊กกรณีกัมพูชาส่งหนังสือถึงศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ
โดยรศ.ดร.ปิติ มีข้อเสนอแนะ ดังนี้
1.คนไทยควรทำจิตใจให้เข้มแข็ง เข้าใจสภาพความเป็นจริงก่อนว่า ชายแดนไทย-กัมพูชา ยาว 798 กิโลเมตร มีความขัดแย้งกัน 4 จุด ดังนั้นอย่าให้ประเด็นขัดแย้ง 4 จุดกลายเป็นความเกลียดชังระหว่างคนไทยและคนเขมร และปัญหาจริงๆ ก็ไม่ใช่ปัญหาของคนในพื้นที่ แต่เป็นปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อนของกลุ่มอำนาจการเมืองในกรุงเทพและพนมเปญ เราต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์อย่างมีสติ เพราะในความเป็นจริง คนไทยและคนกัมพูชามีความสัมพันธ์ที่ดีเกื้อกูลซึ่งกันและกันมาตลอดประวัติศาสตร์ เราเรียนรู้จากเขา เอามาพัฒนา เขาเรียนรู้จากเรา เอาไปปรับใช้ ทั้งสองรัฐถึงพัฒนาต่อเนื่องมาเป็นพันปี
2.คนไทยต้องศึกษาข้อมูลให้มาก เอกสารที่สมควรต้องอ่านและทำความเข้าใจด้วยตนเอง อย่าให้ใครมาชี้นำได้คือ MOU2543, MOU2544
เอกสาร 2 ฉบับนี้ยาวรวมกันไม่ถึง 8 หน้ากระดาษ , คำตัดสินกรณีเขาพระวิหาร ทั้ง 2 รอบ, แผนที่ 1:200000 ระวางดงรัก, และ แผนที่ 1:50000 L7017 ของเก่า และ L7018 ของใหม่
3. เป้าหมายสำคัญที่สุดของไทยและกัมพูชา คือ การสร้างชายแดนให้เป็นจุดเชื่อมโยงแห่งโอกาส โอกาสการค้า โอกาสการลงทุน โอกาสการเข้าถึงทรัพยากร โอกาสการเข้าถึงตลาด โอกาสพัฒนาพื้นที่อย่างยั่งยืน โอกาสสร้างความมั่งคั่งให้คนในพื้นที่ โอกาสพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวร่วมกัน โอกาสเชื่อมโยงระบบ Logistics ฯลฯ อย่าละทิ้งโอกาสเพราะนักการเมืองชั่วๆที่เมืองหลวง ที่มีผลประโยชน์ร่วมกันของเครือญาติครอบครัว แต่ขัดแย้งกับผลประโยชน์ของชาติทั้งสองมาทำให้เราเสียโอกาส ดังนั้นชายแดน 798 กิโลเมตรต้องเดินหน้าหา solution ที่ยั่งยืนร่วมกัน ถ้าแผนที่มีปัญหาก็ใช้เทคนิคสมัยใหม่ในการจัดทำแผนที่ร่วมกัน Delimitation และเริ่มต้น Demarcation กันใหม่ทั้งหมด โดยยึดเอาประโยชน์ร่วมกันของทั้ง 2 ฝ่ายเป็นหลัก แล้วจริงๆ แผนที่ที่มีปัญหาก็มีไม่กี่ตำแหน่งในระวางเดียว ที่เหลือก็ต้องยึดหลักการสากล ซึ่งก็คือ สันปันน้ำ