“พิชิต” คปท. ลั่นหัวจะปวด “นายกฯ” ห่วงกระทบการค้า ปิ๊งไอเดียปรับเวลาเปิด-ปิดด่าน

‘พิชิต’ ฉะยับ! ‘นายกฯอิ๊งค์’ กลับมาเถอะถ้าไม่รู้เรื่องการรบ ‘ก็อย่าไปรก’

“พิชิต” คปท. ลั่นหัวจะปวด “นายกฯ” ห่วงกระทบการค้า ปิ๊งไอเดียปรับเวลาเปิด-ปิดด่าน – Top News รายงาน

 

 

พิชิต

 

เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2568 นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊ก Pichit Chaimongkol โดยระบุว่า หัวจะปวด  นายกฯลงพื้นที่สุรินทร์ เพื่อบอกแม่ทัพภาคที่ 2 ว่าให้ เปิด-ปิด ด่านให้ตรงกัน กลัวกระทบการค้า

หัวจะปวดครับ ที่ทหารปิดด่านก็เพื่อกดดันทางการค้า ทางเศรษฐกิจนี่ละครับท่าน นายกฯ เขาปิดด่าน กัมพูชา ถึงขอเจรจา โดยไม่ต้องรบ

แล้ว นายกฯจึงได้เคลมชัยชนะ  แล้วนี่ลงพื้นที่ไปกับไปบอกว่ากระทบการค้า แล้วมันจะเป็นการกดดันได้อย่างไร

หรือทหารต้องรบแทนละแบบนี้

กัมพูชาจะเอาแผ่นดินไทยอยู่แล้ว

เขาจะรบกันเรื่องแผ่นดินอยู่แล้ว แต่นี่ไปคุยเรื่องการค้า

กลับมาเถิดนายกฯถ้าไม่รู้เรื่องการรบ ก็อย่าไปรกสนามรบเขาเลย

ข่าวที่น่าสนใจ

ก่อนหน้านั้น … “นายกฯ” บินสุรินทร์ ประชุมชายแดน กำชับทำงานเป็นทีมดูแลปชช. ผุดไอเดียปรับเวลาเปิด-ปิดด่านไทย ให้ตรงกัมพูชา

โดยประชุมติดตามสถานการณ์การคลี่คลายปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา และมาตรการสนับสนุนและช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ 7 จังหวัดชายแดน ที่ห้องประชุมอัมพรพิมาน โรงพยาบาลกาบเชิง อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ โดยมีผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม อาทิ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ,พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม , นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย , นายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ,พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 นอกจากนี้ยังมีประชาชน เยาวชน รวมถึง สส.สุรินทร์ทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย ทั้ง 8 เขตมาต้อนรับนายกรัฐมนตรี

โดยผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ได้รายงานสถานการณ์ต่างๆ ทั้งการเตรียมพร้อมหากมีการสู้รบ และการเปิดปิดด่านชายแดนไทยกัมพูชา ที่ได้ปรับเวลาเปิด-ปิดด่าน โดยหลังไทยปรับเวลาเปิดปิดด่าน โดยเปิดเวลา 08.00 น. ปิดเวลา 15.00 น. ฝ่ายกัมพูชาก็ปรับเวลาเปิดเป็นเวลา 09.00 น. ปิดเวลา 16.00 น. ทำให้เหลือเวลาเปิดปิดด่านจริงๆ 6 ชั่วโมง ซึ่งตนไม่รู้ว่ามีนัยยะอะไร

ทำให้นายกรัฐมนตรีได้สอบถามว่า อยากรู้ว่าในพื้นที่สามารถประสานได้หรือไม่ว่าให้เปิดเวลาตรงกัน แทนที่เราจะนั่งสงสัยว่าเป็นเพราะอะไร เราบอกไปเลยได้หรือไม่ว่าถ้าเปิดตรงกันจะเกิดผลประโยชน์ที่ดีกว่า ซึ่งก็ต้องให้ฝ่ายความมั่นคงดูว่าจะเปิดเวลาเท่ากันได้หรือไม่

 

ขณะที่แม่ทัพภาคที่ 2 ได้ตอบนายกรัฐมนตรีว่าจะลองประสานกับกองกำลังฝ่ายกัมพูชา ซึ่งน่าจะมีนัยยะบางอย่างที่เป็นลักษณะของการเมืองนิดหน่อย เพื่อชิงความได้เปรียบ แต่ฝ่ายความมั่นคงและผู้ว่าฯในพื้นที่จะหารือกัน

ซึ่งนายกรัฐมนตรี บอกว่าได้คะ เพราะถ้าจริงๆแล้วเรายึดถือประโยชน์ของประชาชน ถ้าเปิดปิดตรงกันเขาจะได้ค้าขายได้เท่ากัน มันก็ดีกว่า ลองดู ไม่น่าจะใช่เรื่องที่จะต้องมีปัญหา ลองคุยดู

 

นายกรัฐมนตรียังกำชับว่าต้องให้ความรู้นักเรียนด้วยว่าเมื่อไหร่ถึงเป็นเวลาต้องใช้หลุมหลบภัย อยากให้อยู่ในการสอนของโรงเรียนทุกๆปี ไม่ใช่เหตุการณ์เงียบสงบ ก็ไม่ทราบแล้วว่าหลุมหลบภัยใช้อย่างไร เมื่อไหร่ พร้อมยกตัวอย่างเหมือนญี่ปุ่น นอกจากนี้ขอบคุณแม่ทัพภาคที่ 2 ที่อยู่หน้างานตลอด และตนทราบถึงแรงกดดัน เพราะตนได้ติดต่อกับกลาโหมและมหาดไทยตลอด รวมถึงฝ่ายผู้นำกัมพูชาด้วย จึงทราบและเห็นใจว่าอยู่หน้างานไม่เหมือนอยู่ข้างหลัง บางครั้งเกิดกระแสในโซเชียลมากมาย แต่คนหน้างานที่เห็นเหตุการณ์ต้องปรับไปตามสิ่งที่เกิดขึ้นตลอด ฉะนั้นตนถึงพยายามเน้นย้ำเรื่องของสันติภาพและความสงบสุข ไม่อยากให้เกิดกระแสว่าต้องเกิดความรุนแรงหรือให้ลุยเลย เนื่องจากต้องคิดถึงชีวิตคนหน้างาน อยู่ตรงนั้นก็เห็นอาวุธของกันและกัน ถ้าเกิดความไม่สงบมันไม่ใช่เรื่องเล็กแน่นอน เป็นเรื่องที่ใหญ่มาก ตนจึงพยายามสื่อสารเรื่องของความสงบสุข และเมื่อผู้นำและนายกฯได้คุยกันก็เน้นย้ำเรื่องนี้ อีกทั้งล่าสุดที่ได้อัปเดตก็พูดตรงกันว่าอยากให้สองประเทศเกิดความสงบสุข และแน่นอนว่าตนยืนยันในการรักษาอธิปไตยของประเทศของเราไว้

 

 

นางสาวแพทองธาร กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ที่สำคัญไม่น้อยกว่ากลาโหมคือกระทรวงมหาดไทย ที่บอกว่ามหาดไทยเป็นบ้าน ทหารเป็นรั้ว ฉะนั้นก็ต้องให้ทุกฝ่ายทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการ มีผู้ว่าเป็นหัวหน้าทีมในการดูแลบ้าน และในบ้านของเรามีที่ปลอดภัยหรือไม่ รวมถึงปัจจัย 4 พอสำหรับคนในบ้านหรือไม่ ขอให้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เพราะเมื่อเกิดเหตุการรืแบบนี้ต้องทำงานแบบบูรณาการเท่านั้น

นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า ในเรื่องของความสงบต่างๆตนได้ติดต่อกับกระทรวงกลาโหมตลอด ซึ่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมจะรายงานเสมอว่าการแมสเสจที่ควรจะออกกับประชาชนควรจะเป็นอย่างไร แมสเสจแบบไหนที่ภายในคุยกันไว้ และยังไม่สามารถสื่อสารได้ ซึ่งการคุยระหว่างประเทศเราก็ต้องเคารพกติกาและข้อตกลงระหว่างประเทศด้วย เช่น ระดับแม่ทัพคุยกันว่าอย่างไร ระดับรัฐมนตรีคุยกันว่าอย่างไร ระดับนายกฯคุยกันว่าอย่างไร เราต้องบอกกันตลอด เพื่อให้การสื่อสารตรงกัน และไม่เข้าใจผิดซึ่งกันและกัน เป็นซึ่งสำคัญ เพราะหากพูดไปมากๆหรือสร้างกระแสมากๆ ก็จะทำให้เข้าใจผิดกัน ต้องเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ตนก็พยายามทำเรื่องนี้ให้ดีที่สุด และต้องขอบคุณมากๆที่หน้างานเหนื่อยมากๆและประสานงานกันจนเกิดความสำเร็จ ขอบคุณกลาโหมและมหาดไทยที่ร่วมมือกันสุดความสามารถเพื่อรักษาอธิปไตยและความสงบของบ้านเมือง ต้องขอชื่นชมทุกคน”

 

นายกรัฐมนตรี ยังยืนยันว่า รัฐบาลให้การสนับสนุนประชาชนอย่างเต็มที่และเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน อะไรที่เกิดความเร่งด่วนหรือจำเป็น ขอให้แต่ละกระทรวงรายงานตรงไปยังกระทรวง เพราะทั้งสองรองนายกฯติดต่อตรงกับตนอยู่แล้ว อะไรที่พร้อมให้ก็จะสนับสนุนเต็มที่ พร้อมเน้นย้ำกับ 5 ผู้ว่าฯ ให้ทำความเข้าใจกับประชาชนให้มากว่าทำอะไรกันอยู่บ้าง เพื่อที่จะให้ทุกคนทำเข้าใจตรงกัน ไม่เข้าใจผิด ไม่ปล่อยข่าวปลอม ซึ่งบางทีโดนไอโอปล่อยบ้าง ไม่รู้มาจากไหน แต่ปล่อยข้อมูลที่เข้าใจผิด ทำให้เกิดความวุ่นวายในสังคม ฉะนั้นทุกท่านที่มีตำแหน่งตรงนี้ มีความน่าเชื่อถือ สามารถติดต่อกับประชาชนว่าอะไรคือเรื่องจริง หรือเรื่องไม่จริง อะไรที่ไม่จริง ก็ขอให้รีบแก้ ไม่อยากให้ขยายความกันไปมากกว่านี้

 

นายกรัฐมนตรียังกล่าวในช่วงท้ายว่า ขอให้ทุกคนทำงานร่วมกันอย่างเต็มที่ ทำงานเป็นทีมเดียวกัน ประเทศไทยทั้งประเทศเป็นของพวกเราทุกคน เราต้องรักษาไว้ ปฏิบัติหน้าที่ของเราให้เต็มที่ รัฐบาลพร้อมสนับสนุนทุกหน่วย ต่อจากนี้ที่เราคุยกันทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นในระดับผู้นำหรือกองทัพ ยืนยันเป้าหมายเดียวกัน คือต้องการรักษาสันติภาพไว้ ส่วนเรื่องรายละเอียดต่างๆก็ว่าเป็นไปตามหัวข้อ หรือเรื่องที่จะตกลงกัน ว่าเฉพาะเรื่อง ไม่ใช่เอาทุกเรื่องมารวมกัน ไม่เช่นนั้นการตัดสินใจหรือการเคลียร์จะไม่เคลียร์ จะกลายเป็นปนกันไป เพราะกฎหมายมันเยอะไปหมดเราจะเคลียร์ไปทีละเรื่องไป

 

ภายหลังจากการประชุมเสร็จสิ้น นายกรัฐมนตรีได้ร่วมรับประทานอาหารกับกองกำลังชายแดนและฝ่ายปกครองที่บริเวณบ้านด่าน ฐานปฏิบัติการกองกำลังสุรนารี อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ จากนั้นนายกรัฐมนตรเดินทางไปพบปะประชาชนและพูดคุยสถานการณ์ปัจจุบันในพื้นที่ ที่บริเวณจุดผ่านแดนถาวรช่องจอม อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ก่อนจะเดินทางกลับ

สำหับพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ เป็นอำเภอชายแดนครอบคลุม 4 อำเภอได้แก่ บัวเชด สังขละกาบเชิง และพนมดงรัก ยาวประมาณ 125 กิโลเมตร มีจุดผ่านแดน 1 แห่งที่ด่านช่องจอง ช่องทางธรรมชาติ 54 แห่ง โดยจุดเสี่ยงหากเกิดการปะทะ มี 4 จุดคือ ประสาทตาควาย ปราสาทตาเมือนธม และตามเงินโต๊ด อยู่ในเขตอำเภอพนมดงรัก

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"ภูมิธรรม" เผย ผู้นำ 2 ประเทศคุยกันแล้ว อยากเห็นชายแดนกลับสู่ภาวะปกติ ขอรับฟังแค่ 2 รัฐบาล กำลังเคลียร์ปม "ฮุน เซน" วิจารณ์คุมทหารไม่ได้
"ชายแดนไทย-กัมพูชา" ยอมเปิดด่าน เร่งระบายสินค้าหลังรถบรรทุกติดค้างสองฝั่งกว่า 220 คัน
"บอย ปกรณ์" พร้อมน้องชาย เล่าวันสูญเสีย "แม่งามทิพย์" เจอป่วยมะเร็งที่ไต หมอบอกเวลาเหลือน้อย ขอบคุณสร้างพี่น้องที่รักกันไว้ให้
พลิกเกมก่อนพัง ! TNDR ชี้ไทยต้องเปลี่ยนวิธีรับมือภัยพิบัติ ก่อนความสูญเสียซ้ำซาก
“ผอ.ศอ.ปชด.” ส่งมอบยุทโธปกรณ์พิเศษ เสริมศักยภาพหน่วยชายแดนไทย-ปราบยาเสพติด ป้องกันภัยคุกคามรอบด้าน
"สุดาวรรณ" เยี่ยมชุมชนวัดศรีสามัคคีธรรม ประติมากรรมพญานาคสร้างสรรค์ร่วมสมัย พญานาคน้อยใหญ่ที่สุดในโลก
"รมว.ปุ๋ง" เยี่ยมชมป่านันทนาการหินสามวาฬ ตำบลโคกก่อง อำเภอเมืองบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ
“มทภ.2” ไม่หวั่นไหว “ฮุนเซน” ปั่นกระแส ลั่นแค่เกมการเมือง รัฐบาลไทยคุมทหารไม่ได้ เตรียมแผนรับมือแล้ว หากประชุม JBC เป็นลบ
วธ. เปิดเส้นทางตามรอยนาคา ดินแดนมหัศจรรย์แห่งลุ่มแม่น้ำโขง จังหวัดบึงกาฬ ส่งเสริมการท่องเที่ยวในมิติศาสนาและวัฒนธรรม
"เอกนัฏ"คาใจเบื้องหลัง ภาพปล่อย"สุชาติ" ดินเนอร์สส.รวมไทยสร้างชาติ ยันไม่ใช่เหตุพรรคต้องขับออก

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น