ตร.ไซเบอร์ รวบสาวอุบลฯ โพสต์เฟกนิวส์ บิดเบือนสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทำสังคมเข้าใจผิด

ตร.ไซเบอร์ รวบสาวอุบลฯ โพสต์เฟกนิวส์ บิดเบือนสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทำสังคมเข้าใจผิด

ตร.ไซเบอร์ รวบสาวอุบลฯ โพสต์เฟกนิวส์ บิดเบือนสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทำสังคมเข้าใจผิด

 

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

9 มิ.ย.2568 พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 3 (ผบก.สอท.3) พร้อมเจ้าหน้าที่ กองกำกับการ2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโลยี 3 (กก.2 บก.สอท.3) ร่วมกันแถลงรวบสาวเจ้ากรมข่าวลือ โพสต์เฟกนิวส์ใส่ไฟกรณีพิพาทไทย-กัมพูชา

 

สืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.สอท.3 ตรวจพบผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊ก ชื่อ “Lucky Farm” ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับปัญหาแนวชายแดนระหว่างไทย-กัมพูชา โดยมีข้อความบางส่วนเป็นข้อมูลที่ไม่เกิดขึ้นจริง และอาจทำให้ประชาชนหลงเชื่อแตกตื่นได้ อาทิเช่น เกิดเหตุระเบิดขึ้นบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ทำให้มีทหารเสียชีวิตหลายราย , โพสต์ว่ามีการสั่งให้อพยพประชาชนบริเวณชายแดน และโพสต์ข้อความอื่นๆ อีกหลายครั้ง จนมีบัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊กทั่วไปเข้ามากดไลค์และมีการแชร์ โพสต์ดังกล่าวหลายราย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออำนาจศาลออกหมายจับผู้กระทำดังกล่าวและหมายค้นพื้นที่เป้าหมาย

ต่อมา วันที่ 8 มิ.ย. 68 พ.ต.อ.อรุณณพันธ์ วานิช์ชานันท์ ผกก.2 บก.สอท.3 ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดสนธิกำลังร่วมกับ พ.ต.อ.ชาญชัย อินนรา ผกก.สส.ภ.จว.อุบลราชธานี พร้อมเจ้าหน้าที่ในสังกัด ร่วมกันนำหมายค้น ศาลจังหวัดอุบลราชธานี ที่ 55/2568 ลงวันที่ 8 มิ.ย. 68 เข้าตรวจค้นบ้านพักหลังหนึ่ง ในพื้นที่ ต.กุดลาด อ.เมืองอุบลราชธานี จ.อุบลราชธานี และจับกุม น.ส.ภิรัญญา อายุ 32 ปี ชาวอุบลราชธานี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดขอนแก่น ที่ จ 556/2568 ลงวันที่ 8 มิ.ย.68 ในข้อหา “นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิด ความเสียหายต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคง ในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือโครงสร้างพื้นฐานอันเป็นประโยชน์สาธารณะของประเทศฯ” พร้อมตรวจยึดของกลางเป็น โทรศัพท์มือถือยี่ห้อ Oppo สีเหลือง รุ่น A77s จำนวน 1 เครื่อง

เมื่อทำการสอบสวนเบื้องต้น ผู้ต้องหาเปิดเผยว่า เคยทำธุรกิจคอกควายแล้วขาดทุน จึงเลิกกิจการ ปัจจุบันจึงไม่มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง อาศัยเงินจากสามีที่ไปทำงานรับจ้างที่เกาหลีส่งเงินมาให้ใช้ ที่ตนเองทำไปเพราะได้รับข้อมูลข่าวสารจากสื่อโซเชียลต่าง ๆ ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่า เป็นข้อมูลที่จริงหรือไม่ อีกทั้งตนเองมีอคติเกี่ยวกับกรณีพิพาทระหว่างประเทศไทย-กัมพูชาอยู่แล้ว จึงได้คิดข้อความและโพสต์ลงในสื่อโซเชียลของตนเอง แต่ไม่ได้มีจุดประสงค์ทำคอนเทนต์เพื่อสร้างรายได้ใดๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงควบคุมตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.สอท.3 ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ผบช.ภ.3 นำทีมขับเคลื่อนสหกรณ์ตำรวจโคราช—เงินหมุนเวียนพุ่งเกือบ 2,000 ล้าน กำไรทะลุ 200 ล้าน หนุนสวัสดิการตำรวจมั่นคง
มูลนิธิบุญรอด–เอกพจน์ วานิช มอบทุนปีที่ 29
“นฤมล” เปิดงานวัน “ทวี บุณยเกตุ” รำลึกคุณูปการผู้วางรากฐานคุรุสภา ย้ำคนดีไม่มีวันตาย พร้อมมอบทุนการศึกษาสานต่อเจตนารมณ์ สร้างครูคุณภาพ
ชาวสุราษฎร์ 7 ชีวิต เดินเท้า 250 กิโลเมตร เข้าสู่ประจวบฯ ถวายความจงรักภักดีแด่สมเด็จพระพันปีหลวง
ยังไม่มีคำสั่งหน่วยเหนือ "ทหารกัมพูชา" แก้ตัวหน้าตาเฉย เมินเริ่มเก็บกู้ทุ่นระเบิดชายแดน มีแต่ทหารไทยทำฝ่ายเดียว
ตร.ท่องเที่ยวรุดช่วยนักท่องเที่ยวอเมริกันพลัดตกเขา “มังกี้เทล”

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​