“ภูมิธรรม” ปลื้ม สถานการณ์ “ไทย-กัมพูชา” ดีขึ้น ยันถก JBC 14 มิ.ย.นี้ ปัจจัยสำคัญ คุย 2 ผู้นำกัมพูชา เรื่องสถานการณ์

"ภูมิธรรม" ปลื้ม สถานการณ์ "ไทย-กัมพูชา" ดีขึ้น ยันถก JBC 14 มิ.ย.นี้ ปัจจัยสำคัญ คุย 2 ผู้นำกัมพูชา เรื่องสถานการณ์

วันนี้ ที่ทำเนียบรัฐบาล ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีกัมพูชาถอยกำลังกลับไปอยู่จุดเดิมเมื่อปี 2567 และปิดกลบคูเลตตามคำเรียกร้องของไทยว่า สิ่งที่เกิดขึ้นมีหลายปัจจัยที่ทำให้เกิดความสำเร็จ เป็นกระบวนการที่พูดคุยกันทุกระดับ ตั้งแต่ระดับสูง นายกรัฐมนตรี รองนายกฯ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารบก แม่ทัพภาคที่ 2 ประสานงานกันตลอด อีกทั้งเราได้ให้ทูตทหารของเรากับของทางกัมพูชาเป็นตัวประสานขับเคลื่อน คุยกันมาต่อเนื่องตลอดจนเวลา 11.00 น. วันที่ 8 มิถุนายน สมเด็จฮุน เซน ประธานองคมนตรีและประธานวุฒิสภากัมพูชา ก็อยากหาข้อสรุปที่เป็นสันติ เพราะคิดว่าการเกิดสงครามไม่มีประโยชน์ ส่วนตนในฐานะรองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม การสั่งให้ทหารรบกันมันเร็วและมันง่าย แต่ความสูญเสียเกิดขึ้นทั้งสองฝ่าย สิ่งสำคัญคือ ทำอย่างไรให้ยุติโดยไม่มีความสูญเสีย นั่นคือ ทิศทางหลักที่เราทำ

 

นายภูมิธรรม เล่าเบื้องหลังอีกว่า ในวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ที่ผ่านมาเราได้คุยกันตลอด เราอยากขอลดการเผชิญหน้า เราได้คุยกันตั้งแต่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี คุยกับฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ตนคุยกับพลเอกเตีย เซยฮา รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ก็มีข้อสรุปขั้นต้นและพยายามคุยกันต่อ ซึ่งตอนที่ตนกลับมาในการพูดคุยครั้งแรก มีความเข้าใจกันที่คลาดเคลื่อน เหมือนกับกระบวนการคุยกันยังไม่ยุติ จึงคุยกันใหม่ โดยตนได้ออกแถลงการณ์แสดงจุดยืนไป ซึ่งทางระดับสูงของกัมพูชายินยอมที่จะหาทางออกร่วมกัน หลังจากนั้นกองทัพกัมพูชาได้ประสานผ่านมาทางทูตทหารให้ลงไปสำรวจพื้นที่ด้วยกัน หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าโดยเฉพาะจุดที่ปะทะกัน โดยเราได้ส่งรองแม่ทัพภาคที่ 2 ไป เพราะคุ้นเคยกับพื้นที่ จึงออกมาในสถานการณ์ที่ดี ซึ่งข้อตกลงที่เราขอคือ หลังจากนี้อยากให้ทั้งสองฝ่ายเดินสำรวจพื้นที่ด้วยกัน ให้เป็นเหมือนเดิมที่เคยทำ ให้กลบคูเลต และปรับกำลังไปเหมือนในปี 67 อยากให้ยึดถือ เพราะเป็นช่องทางที่ทำให้มันยุติได้อย่างสงบ ปรับกำลังกันไป เขาอยู่ในจุดเดิมของเขา เราอยู่ในจุดเดิมของเรา ถือว่าเราประสบความสำเร็จในการยุติการเผชิญหน้าที่เป็นข้อแรกสุดที่เราอยากได้ เพื่อให้สถานการณ์คลี่คลายลง ขณะนี้ถือว่า อยู่ในจุดที่ยุติเรียบร้อยแล้ว

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

 

นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ต่อจากนี้จะเป็นการประชุมคณะกรรมการชายแดนร่วมไทย-กัมพูชา หรือ JBC ในวันที่ 14 มิถุนายน ซึ่งวาระที่คุยกันตั้งแต่ต้นยังเป็นวาระเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ข้อเสนอของฝ่ายกัมพูชาจะคุยในเชิงเทคนิค แต่เราอยากให้เคลียร์ตรงนี้ให้ชัดเจนว่าเส้นแดนตรงนี้มันจะประคองกันไปอย่างไรจนกว่ามีข้อตัดสิน คิดหาประเด็นในการที่จะตัดสิน หรือเงื่อนไขอะไรในการตัดสินใจ คงจะจำกัดอยู่แค่ในเรื่องนี้ส่วนกรณีปราสาทต่างๆ เรายังยืนยันว่า ยังไม่อยากพูดคุยในรอบนี้ หากเขาหยิบขึ้นมาเราก็พร้อมรับฟัง ทั้งนี้ต้องดูว่าวันที่ 14 มิถุนายนจะคลี่คลายไปอย่างไร

 

ส่วนการปิดด่านต่างๆนั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า มติที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติเมื่อสัปดาห์ก่อนได้ให้หน้างานประเมินตามความเป็นจริง โดยได้คุยกับ ผบ.ทบ. แม่ทัพภาคที่ 2 แม่ทัพภาคที่ 1 และกองกำลังจันทบุรีแล้วว่า เราจะค่อยๆใช้มาตรการจากเบาไปหาหนัก เพราะเราไม่ต้องการให้เสียเลือดเนื้อแม้แต่หยดเดียว ความอดทนอดกลั้นครั้งนี้ต้องขอบคุณกองทัพที่เข้าใจมาโดยตลอด และประสานงานในการช่วยแก้ไขปัญหาจนกระทั่งสำเร็จ ทั้งนี้ตนได้ให้พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นคนประสานงานกับเหล่าทัพ เพราะมีความผูกพันกันกับกองทัพ ส่วนตนคุยเฉพาะเรื่องสำคัญ จากนี้ไปคงต้องกำหนดการคลี่คลายในเรื่องเขตแดนกับทางกัมพูชา และต้องวางมาตรการในระยะยาวต่อไป แต่ต้องรอการคลี่คลายต่างๆ อีกระยะหนึ่ง โดยเช้าวันนี้ได้คุยกับพลเอกณัฐพลให้ดูเรื่องความจำเป็นในการจะจัดการเรื่องด่านอย่างไร เพราะเรื่องด่าน จริงๆตอนนี้เรายังไม่ได้ปิด แค่จำกัดเวลา และยังไม่ได้กระทบการค้า คิดว่าทุกอย่างจะคลี่คลายได้ดี ซึ่งเมื่อคืนวันที่ 8 มิถุนายนได้รายงานนายกฯตลอด รวมถึงประสานกับ ผบ.ทบ. และแม่ทัพภาคที่ 2 ตลอดเวลา

 

 

เมื่อถามย้ำว่าความสำเร็จเกิดจากมาตรการจำกัดเวลาปิดด่านหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตนว่ามีหลายมาตรการ แต่สิ่งสำคัญคือการประสานงานที่คุยกับฮุน มาเนต และสมเด็จฮุน เซน คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้คลี่คลายลง หลังจากท่าทีทั้งสองมีความเข้าใจมากขึ้น กระบวนการจากกองทัพกัมพูชาจึงได้เกิดขึ้น และมาตรการที่เราทำอาจจะเป็นส่วนเสริมสำคัญที่ทำให้การพูดคุยมันเกิดเป็นข้อสรุปได้ง่ายขึ้น

 

 

เมื่อถามว่า การตรึงกำลังของฝ่ายกัมพูชาตามแนวชายแดน จะลดจำนวนลงด้วยหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า หลังจากนี้จะรอดู เชื่อว่ามันจะค่อยๆคลี่คลาย ความที่มันตึงเลยแล้วจะปลดทันทีก็คงไม่ถูกในวิสัย ตอนนี้ค่อยๆลดจุดเผชิญหน้า ขยับปรับกำลังกันไปแล้ว ส่วนอื่นๆ มันตรึงกำลังจริง แต่ยังไม่มีลักษณะในการปะทะ ที่ตึงเครียดจริงอยู่แถวช่องบก สามเหลี่ยมมรกต ต้นพญาสัตบรรณ ซึ่งตรงนี้คลี่คลายลงแล้ว

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

หลุยส์ และ อริสา คว้ารางวัลยอดเยี่ยม เอสเอที-จีทีเอสฯ สนามสุดท้ายปาล์มฮิลล์ฯ กิตติภพ-กันต์กวี แชมป์รุ่นใหญ่
"กลาโหม กัมพูชา"ประสานเสียง "ฮุนเซน" ไม่มีถอนทหารจากเขตแดนตัวเอง ยันพร้อมใช้กำลังปกป้อง
"ซีอีโอ ท็อปนิวส์" สุดทึ่งน้ำใจคนไทย มอบสิ่งของ เป็นกำลังใจทหารกล้าชายแดน ย้ำ "ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด"
เครือซีพี พาผู้ชนะ CP CUP เยือนจีน เปิดโลกการเรียนรู้จากองค์กรระดับโลก "สุภกิต เจียรวนนท์" ตอกย้ำความสำคัญของการเป็นคนดีก่อนเป็นคนเก่ง
ตร.ไซเบอร์ รวบสาวอุบลฯ โพสต์เฟกนิวส์ บิดเบือนสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทำสังคมเข้าใจผิด
กัมพูชาปรับลดเวลาคนไทยเข้าประเทศไม่เกิน 7 วัน
"แม่ทัพภาคที่ 2" รับยังต้องเฝ้าระวัง ทหารกัมพูชาไม่ได้ถอย แค่ปรับกำลังชายแดน ชี้ปมฟ้องศาลโลก เป็นเรื่องของรัฐบาล
เปิดสาเหตุ "ทหารไทย-กัมพูชา" ปรับกำลังถอยอยู่จุดเดิมปี 67 เหตุไทยจ่อใช้มาตรการหนัก
คปท.-กองทัพธรรม เคลื่อนมวลชน ยื่นหนังสือกต. เรียกร้องทางการไทย แสดงจุดยืนชัดเจน แก้ปมชายแดนไทย-กัมพูชา
"ภูมิธรรม" ปลื้ม สถานการณ์ "ไทย-กัมพูชา" ดีขึ้น ยันถก JBC 14 มิ.ย.นี้ ปัจจัยสำคัญ คุย 2 ผู้นำกัมพูชา เรื่องสถานการณ์

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น